บทที่ 4 ความเจ็บป่วย

1385 Words
“นี่คือประวัติทั้งหมดของคุณเพียงตะวันครับ” หลี่เฟยวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะให้มาเฟียหนุ่ม วันนี้เป็นวันหยุดของเขา ปกรณ์ลูกน้องคนสนิทตั้งใจจัดตารางเพื่อให้เขาได้มีวันพักผ่อนหย่อนใจ แต่ทว่าเขานั้นก็มักจะทำงานอยู่เสมอเพราะชีวิตของเขาไม่ค่อยมีอะไรให้ทำนักนอกจากงาน มาเฟียหนุ่มเปิดดูประวัติของผู้หญิงตรงหน้า เขาพยายามหยุดคิดถึงดวงตาคู่นั้นแต่ยิ่งพยายามสลัดออกไปมันก็ยิ่งวนกลับเข้ามา “เธออาศัยอยู่กับแม่สองคนมาตั้งแต่เก้าขวบ พ่อเสียไปแล้ว เป็นเด็กเรียนดี ความประพฤติดี ชีวิตมีแต่เรียนกับช่วยแม่ทำงานหารายได้ จนแทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป ตอนนี้เธอทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านคาเฟ่แถวๆ ชานเมือง” หลี่เฟยรายงานเจ้านายหนุ่ม ไม่บ่อยนักที่มาเฟียหนุ่มจะสนใจผู้หญิงแบบจำเพาะเจาะจง “พาเราไปที่ร้านนั่น” มาเฟียหนุ่มลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินนำลูกน้องหนุ่มออกไป หลี่เฟยรีบโทรหาคนขับรถให้เอารถมารอรับแต่เจ้านายหนุ่มก็เอ่ยออกมาเสียก่อน “วันนี้แค่นายกับเราก็พอ” “แต่ว่า..” “ไม่มีใครรู้หรอก เอารถสปอร์ตไป” “ครับนาย” หลี่เฟยรับคำสั่งก่อนจะโทรบอกคนขับรถให้เอารถอีกคันมาแทน หลี่เฟยขับรถพามาเฟียหนุ่มไปยังร้านคาเฟ่ที่เพียงตะวันทำงานอยู่ เมื่อมาถึงร้านก็พบว่าลูกค้าเต็มร้านไปหมด ลูกน้องหนุ่มจึงขอตัวไปเคลียร์ทางให้เจ้านาย หลี่เฟยลงรถและเดินเข้าไปในร้านที่ตอนนี้สาวสามกำลังหัวหมุนกับการให้บริการลูกค้า “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เมตตาเอ่ยทักพ่อหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทสุดเนี๊ยบ “ผมต้องการปิดร้านของคุณ” “ปิดร้านของชั้น คืออะไรเหรอคะ” “หัวหน้าของผมต้องการเข้ามาดื่มกาแฟ ผมต้องการเคลียร์คนออกจากร้านทั้งหมด ต้องจ่ายเท่าไหร่” “นี่คุณพูดเรื่องอะไร ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ลูกค้าท่านอื่นจะไม่พอใจเอา รบกวนเรียนหัวหน้าของคุณได้ไหมคะว่าเรามีโซนส่วนตัวอยู่ค่ะ หรือจะซื้อไปกลับก็ได้นะคะ” ตาเอ่ยอย่างสุภาพ แต่ทว่ามือขวามาเฟียหนุ่มนั้นกลับโยนเงินปึกใหญ่ให้เธอ “ผมบอกให้ปิดร้าน” เขาเอ่ยเสียงเย็นแต่ทว่าดวงตาหาได้กลัวไม่เธอโกรธจนควันออกหูที่ถูกปฏิบัติแบบนั้น “นี่คุณ พูดไม่รู้เรื่องเหรอ ถ้าชั้นทำแบบนั้นลูกค้าคนอื่นก็ด่าแม่ชั้นพอดี คิดว่าตัวเองเป็นใคร เอาเงินฟาดหัวคนอื่นแล้วคิดว่าจะได้ดั่งใจเรอะ โถถถถถถถถ ร้านชั้นไม่ใช่แบบนั้นหรอก ไป ออกไป ไม่ขายให้หรอกคนแบบนายน่ะ” เจ้าของร้านสาวยืนเท้าสะเอวจัดชุดใหญ่ให้หนุ่มหล่อตรงหน้า เสียงของเธอดังลั่นจนลูกค้าเริ่มหันมามอง เพียงตะวันที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ รีบเดินเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ “ขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ทางร้านเราไม่สะดวกจริงๆ ค่ะ เชิญกลับไปก่อนนะคะ” เพียงตะวันผายมือให้ชายหนุ่มอย่างสุภาพ “นะคะ ดิฉันขอร้อง” เพียงตะวันพูดกับชายที่เธอรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก หลี่เฟยจ้องเมตตาเขม็ง นานมากแล้วที่ไม่มีใครพูดกับเขาแบบนี้ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงสงสัยจะต้องจัดลูกปืนให้เธอเสียแล้ว ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์แล้วเดินออกจากร้านไปโดยมีเพียงตะวันเดินตามมาส่งที่รถ “ขออภัยด้วยนะคะ วันหลังรบกวนโทรมาก่อนนะคะ ถ้าต้องการปิดร้านเราทำให้ได้ค่ะ เพียงแต่ต้องบอกก่อนค่ะ” “พูดแบบนี้ก็ได้นี่ครับ ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องพูดจาไม่น่ารักด้วย” หลี่เฟยเอ่ย “พี่ตาเค้าอาจจะเหนื่อย พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” หลี่เฟยก้มมองดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว ชายหนุ่มพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่นั่งคนขับ เพียงตะวันมองตามเขาแล้วก็เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะวันจำได้ทันทีว่าเคยเห็นผู้ชายคนเมื่อกี้ที่ไหน ก็ที่บ้านเจ้านายป้าดานั่นแหละ แล้วคนที่นั่งตรงนั้นก็เจ้านายป้าดา มาเฟียหนุ่มหันมาชำเลืองมองเธอเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับไปแล้วรถสปอร์ตก็เคลื่อนออกไปจากร้าน “มาทำอะไรของพวกเขานะ แปลกพิลึก” เพียงตะวันบ่นออกมาก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้าน “ตะวันพวกนั้นไปแล้วใช่มั้ย ลูกค้าตกใจใหญ่เลย พี่ตาเป็นอะไรไปนะ ปกติแกก็ออกจะใจเย็น” ฤดี เพื่อนร่วมงานของเพียงตะวันเอ่ยถาม “ตะวันก็ไม่รู้” ถึงจะรู้สึกเป็นห่วงแต่ทั้งสามก็ต้องทำงานต่อจนกระทั่งร้านปิด สามสาวนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน ฤดีที่เห็นเมตตาไม่พูดไม่จาจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “พี่ตา พี่โอเคไหม หนูเห็นพี่สีหน้าไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มีอะไรหรือเปล่า” “มีอะไรก็บอกกันได้นะพี่” ตะวันเสริม และแล้วน้ำตาของหญิงที่เป็นเสมือนพี่สาวของทั้งสองก็ไหลออกมา “พี่ตา” ตะวันตกใจรีบบีบมือเธอไว้ “พี่ขอโทษนะ” “พี่ตาเป็นอะไร” “พี่รักษาร้านนี้ไว้ไม่ได้แล้ว สุดยื้อแล้วจริงๆ เจ้าของที่เค้าจะขึ้นค่าเช่าเป็นเท่าตัว แถมพ่อพี่ก็ป่วย พี่ไม่มีเงินสำรองเลยต้องเอาไปรักษาพ่อจนหมด แม่เลี้ยงเค้าจะให้พี่กลับไปดูแลพ่อด้วย” เธอร่ำไห้ออกมาอย่างเหลือทน เพราะเธอเป็นคนเดียวในบ้านที่รู้จักทำมาหากิน พี่ชายก็เอาแต่เล่นการพนัน แม่เลี้ยงกับพ่อก็รักก็โอ๋แต่พี่ชาย ให้เงินไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ “แต่พี่รักร้านนี้มากนี่” ฤดีเอ่ยอย่างเห็นใจ “ใช่พี่รักมาก มันคือชีวิตของพี่ แต่พี่ไม่ไหว ถ้าขึ้นค่าเช่า กำไรร้านก็แทบไม่เหลือแล้ว ยอดขายก็ลดลงมาเยอะตั้งแต่โควิด พี่ขอโทษพวกเราสองคนด้วยนะ” “ไม่ต้องขอโทษเลยพี่ ที่ผ่านมาพี่ตาช่วยเราตั้งเยอะ พอจะมีอะไรที่เราจะช่วยพี่ได้มั้ย” “คราวนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ” ตาเอ่ยทั้งน้ำตา “แล้วพี่จะเปิดร้านจนถึงเมื่อไหร่” “พี่มีเวลาอีกแค่สามเดือน” “จะต้องเป็นสามเดือนที่พี่ได้เงินเยอะ และก็ต้องเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ” ตะวันเอ่ยกับตา “เราจะช่วยกันพี่” ฤดีให้ความมั่นใจอีกแรง “ขอบคุณนะ พี่รักพวกแกมากนะ” “พวกหนูก็รักพี่” สามสาวกอดกันร้องไห้เพราะกำลังจะเสียร้านที่เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของตะวันและฤดีไป สามสาวช่วยกันเก็บกวาดร้านจนเรียบร้อยก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ตะวันนั่งวินเข้ามาถึงหน้าประตูรั้วก็พบว่าบ้านนั้นมืดสนิท เธอใจคอไม่ดีรีบเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านอย่างร้อนรน เมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อก ตะวันรีบเดินไปเปิดไฟ แล้วก็พบแม่นอนสลบอยู่บนพื้น เธอตกใจมากรีบวิ่งเข้าไปดูก่อนจะพบว่าชีพจรของแม่อ่อนมาก ตะวันรีบประคองแม่ออกไปที่หน้าบ้านโชคดีที่ป้าดานั่งแท็กซี่กลับมาพอดี “ป้าดา แท็กซี่อย่าเพิ่งไป ป้าดาช่วยแม่ด้วย” ตะวันตะโกนร้องอย่างสิ้นหวัง “ตะวัน เป็นอะไรเนี่ย น้องไปส่งหน่อย พาพวกพี่ไปส่งที่โรงบาลหน่อย” ทั้งสามช่วยกันยกแม่ของตะวันขึ้นไปบนเบาะหลังอย่างทุลักทุเล “ไปโรงพยาบาลไหนน้อง” “ไปร้องพยาบาลที่ใกล้ที่สุดค่ะพี่ เร็วๆ ค่ะ” ตะวันเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา “แม่จะต้องไม่เป็นอะไรตะวัน ใจเย็นๆ ลูก” ป้าดาปลอบใจเด็กสาวแม้ลึกๆ เธอก็กลัวเหมือนกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD