ตอนที่1
พายุหิมะกำลังกระหน่ำแรงขึ้นทุกที และนั่นทำให้ ทัศนวิสัยที่ย่ำแย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก ‘คริสเตียน พาวเวลล์’ ถอนหายใจด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจข้างๆ ที่นั่งคนขับ ลมหายใจของเขาขึ้นควันขาว แม้ว่าภายในรถจะมีฮีตเตอร์ แต่คริสเตียนก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี ทว่าเขาไม่ได้หนาวจากข้างนอก แต่รู้สึกหนาวจากข้างในต่างหาก
นี่เป็นอีกครั้งที่คริสเตียนรู้สึกไม่ดี ทุกครั้งที่เขารู้สึกเช่นนี้มักจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเสมอ และครั้งแรกที่มันเกิดขึ้นก็คือการที่เขาสูญเสียมารดาไป และครั้งต่อมาก็คือแม่เลี้ยงที่เขารักนางไม่ต่างจากแม่แท้ๆ ก็ถูกรถยนต์ที่ขับประมาทชนจนนางเสียชีวิต แม้ตัวเขาเองไม่ได้เชื่อถือในเรื่องโชคลางอะไรเท่าไรนัก ทว่าความรู้สึกจิตใจดิ่งวูบที่เกิดอย่างรุนแรงเช่นนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่เขาจะมองข้ามได้ คริสเตียนพยายามห้ามบิดาแล้วว่าไม่ควรจะขึ้นเขามาในยามนี้ ทว่าวิลเลียม พาวเวลล์ไม่สนใจ เขาต้องการจะขึ้นไปยังบ้านพักบนเขาอย่างยากจะห้ามอยู่ และต้องการให้เขาติดตามไปด้วยให้ได้ คริสเตียนจึงไม่อาจขัดใจบิดาได้ แม้จะพอมองออกว่าบิดาดูเหมือนจะมีอะไรในใจและความมุ่งมั่นที่จะไปยังบ้านพักบนเขาของครอบครัวจนมากเกินกว่าปกติก็ตาม
“ผมว่าพ่อน่าจะให้ผมเป็นคนขับนะ”
คริสเตียนเสนอขึ้นหลังจากที่ต้องเกร็งตัวเมื่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงนั้นลื่นไถลไปครั้งหนึ่ง พายุหิมะที่ตกกระหน่ำกระทันหันนั้นทำให้การเตรียมตัวขึ้นเขาที่ฉุกละหุกครั้งนี้ทวีความอันตรายมากยิ่งขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อยังไม่แก่จนขับรถไม่ได้”
คำตอบกลั้วหัวเราะของบิดาไม่ได้ทำให้จิตใจที่หนักอึ้งของเขาคลายลงเลย คริสเตียนพยายามมองข้างทาง แต่เห็นได้ชัดว่าพายุนั้นโหมพัดเสียจนไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความขาวพร่างพรายของหิมะที่ตกกระหน่ำ
คริสเตียนเคยชอบหิมะ แต่วันนี้เขากลับไม่ชอบมันเอาเสียเลย
“ผมก็ไม่ได้ว่าพ่อแก่ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะขับได้ดีกว่า”
ในวัยหกสิบห้า วิลเลียม พาวเวลล์ ไม่ได้ดูแก่เลย เขาดูเหมือนหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบต้นๆ ชนิดที่หากใครต่อใครไม่รู้ คงนึกว่าเขาเป็นพี่ชายมากกว่าจะเป็นบิดาของคริสเตียนเอง
“พ่อก็เคยแข่งรถมาก่อนนะ ถ้าแกจะเอาถ้วยรางวัลนั่นมาข่มพ่อ”
วิลเลียมหันไปบอกลูกชายเสียงขึงขังแต่ดวงตาพราวระยับด้วยความขบขัน คริสเตียนสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นก็มีความบ้าระห่ำในตัวเองเหมือนกัน ช่วงหนึ่งลูกชายของเขาถึงได้ผันตัวเองไปเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันและได้ถ้วยชนะเลิศในสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกมา หลังจากนั้นคริสเตียนก็เลิกแข่งรถแล้วไปทำอย่างอื่นแทน ซึ่งถ้าจำไม่ผิดอาจจะเป็นการไต่เขาและเมื่อพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้ ลูกชายของเขาก็เลิกเล่นกีฬาอันตรายและผันตัวเองมาดูแลธุรกิจทั้งหมดของพาวเวลล์ร่วมกับเขาแทน และตอนนี้อีกฝ่ายก็เริ่มเข้ามาแทนที่เขาเกือบจะสมบูรณ์แล้ว ซึ่งหมดปีนี้ วิลเลียมคิดว่าเขาจะวางมืออย่างเป็นทางการเสียที
“ผมไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นสักหน่อย แต่พ่อต้องยอมรับว่าเรื่องขับรถผมชำนาญมากกว่าพ่อ” คริสเตียนเกือบจะหลุดยิ้มออกมาแล้วกับความขี้เล่นของบิดา ทว่าเขามีความกังวลมากกว่านั้น
แต่ก่อนที่วิลเลียมจะได้หันมาตอบโต้บุตรชาย จู่ๆ รถยนต์ที่เขาเป็นคนขับก็ไถลจนเกือบออกนอกเส้นทาง ขอบข้างหนึ่งเป็นเหวลึก ส่งผลให้ทั้งคนขับและคนที่นั่งข้างๆ ถึงกับตัวเกร็งเพราะการลื่นไถลนั้น
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องหยุด...ก่อนที่จะพากันตายก่อนวัยอันควรกับการบุ่มบ่ามขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วนเพราะไอ้นัดบ้าๆ ที่พ่ออยากจะมาก่อนเวลานั่น!
ระหว่างทางที่ขึ้นเขานั้น ถ้าจำไม่ผิดอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจะมีบ้านของคนที่อาศัยอยู่บนนี้ เป็นหมู่บ้านที่มีไม่กี่หลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นได้รับหน้าที่ดูแลบ้านพักของพวกเขาอยู่แล้ว เขากับพ่อน่าจะค่อยๆ ขับรถไปจนถึงที่นั่นได้ เพราะคริสเตียนคิดว่าตนเองกับพ่อคงไม่สามารถขึ้นไปจนถึงบ้านพักซึ่งอยู่สูงกว่าได้
ทว่ายังไม่ทันได้เสนอแนะอะไรออกไป จู่ๆ รถของเขากับบิดาก็หมุนคว้างจากแรงกระแทก ท่ามกลางเสียงพายุที่กลบทุกเสียงที่เกิดขึ้นจนหมดสิ้น ทำให้เขากับบิดาได้แต่จ้องมองกันอย่างตื่นตระหนกเพราะรถของพวกเขาถูกชน!
ทุกอย่างหมุนคว้างรอบตัวของเขากับบิดา คริสเตียนได้แต่มองบิดาที่มีสีหน้าแตกตื่นในขณะที่รถลื่นไถลไปอย่างรุนแรงและไม่อาจควบคุมได้อยู่อีกต่อไป ร่างกายของเขาปะทะกับประตู ลอยกระแทกขึ้นไปชนเพดานจนรู้สึกมึนวับ ก่อนจะรู้ตัวเขาก็ถูกอัดกระแทกซ้ำเข้ากับคอนโซลด้านหน้าจนเจ็บแปลบไปทั่วทั้งอก และกว่าจะรู้ตัวว่าเขาลืมคาดเข็มขัดนิรภัยก็เป็นตอนที่ตัวเขาถลาไปยังเบื้องหน้าที่เป็นกระจกรถ และข้างนอกนั้นก็คือความเวิ้งว้างจนยากจะมองเห็นจุดสิ้นสุด คริสเตียนได้แต่เบิกตากว้าง ทำไม่ได้แม้แต่จะส่งเสียงออกมา!
และวินาทีถัดมารถยนต์คันใหญ่ร่วงหล่นลงสู่หน้าผาอันเวิ้งว้างตามแรงดึงดูดของโลกอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงปะทะของรถยนต์ที่กระแทกร่วงหล่นชนกับต้นไม้ดังสนั่น ก่อนจะหยุดลงเมื่อรถทั้งคันหยุดนิ่งเมื่อค้างครึ่งอยู่ริมขอบของทะเลสาบโดยมีแต่ส่วนท้ายโผล่พ้นขึ้นมา!