เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรบกวนการนอนทำให้สริตาที่เพิ่งเขียนรายงานเพื่อส่งโปรเฟสเซอร์ในวันมะรืนเสร็จนั้นถึงกับสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เธอหรี่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสของตัวเองขึ้นมองนาฬิกาหัวเตียงก่อนจะเหวี่ยงมันลงกับเตียงนอนเมื่อเห็นว่าเพิ่งจะเป็นเวลาราวๆ ตีสาม และเธอก็เพิ่งได้นอนไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดีเลย!
เด็กสาวลุกขึ้นจากเตียงอย่างจำใจ เมื่อโทรศัพท์ในห้องพักของเธอกรีดร้องอีกครั้งหลังจากที่เงียบเสียงลงไปเมื่อสักครู่ เธอนึกเสียใจที่ตัวเองไม่ยอมยกหูออกก่อนจะเข้านอน แต่นั่นแหละ เธอควรโทษคนไร้มารยาทที่โทร.มาในช่วงเวลาดึกดื่นที่คนปกติส่วนใหญ่พักผ่อนเช่นนี้มากกว่าโทษตัวเอง
เมื่อไปถึงโทรศัพท์ที่ยังกรีดร้องอยู่ด้วยความพยายามติดต่อในรอบที่สามของปลายสายก็ทำให้เด็กสาวตัดสินใจรับสายในที่สุด แทนที่จะยอมอดทนแล้วให้เครื่องตอบรับอัตโนมัติทำงานแทน
“ฮัลโหล”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว มันห้ามไม่ได้จริงๆ ที่คนที่เพิ่งจะได้นอนไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่อดนอนมากกว่าห้าสิบชั่วโมงจะยังคงอารมณ์ดีอยู่ได้
“ฉันดีใจที่เธอตื่นเสียทีนะสริตา”
มีคนบนโลกนี้ไม่กี่คนที่เรียกเธอว่าสริตา มันเป็นชื่อจริงที่เป็นภาษาไทยของเธอซึ่งออกเสียงยาก คนส่วนใหญ่เรียกเธอว่า ‘ซี’ ซึ่งเป็นตัวย่อมาจากชื่อกลางและเป็นชื่อที่ผู้คนเรียกขานเธอแทนชื่อจริงอย่าง ‘สริตา ชาร์ล็อต พาวเวลล์’ และน้ำเสียงทุ้มนุ่มอันคุ้นหูนั้นก็เป็นหนึ่งในคนที่เรียกเธออย่างนี้ แต่กลับเป็นหนึ่งในคนที่เธอ ‘เกลียด’ เขามากที่สุดเช่นเดียวกัน!
‘แอชตัน แอดดิสัน’ เพื่อนสนิทผู้โฉดชั่วร้ายกาจ หน้าด้านหน้าทนจนเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ชายถึงสนิทกับคนแบบนี้ได้!
“คุณลุงที่บ้านนาฬิกาเสียใช่ไหม ถึงได้โทรมารบกวนชาวบ้านดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้” สริตาตอบโต้ปลายสายอย่างฉุนเฉียว “ถ้าที่เดอะเกรซ...” เธอหมายถึงห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการที่ผู้ชายคนนี้เป็นซีอีโอและผู้ถือหุ้นใหญ่ “...ไม่มีนาฬิกาขาย ฉันจะสั่งให้เขาไปส่งที่เพนต์เฮ้าส์ของคุณลุงสักสองโหล เผื่อคุณลุงจะได้มีนาฬิกาดูเวลาแล้วเห็นว่าไม่ควรรบกวนเวลาของคนอื่นอย่างนี้!”
ทว่าน่าแปลกที่ครั้งนี้ปลายสายไม่ได้หัวเราะหรือตอบโต้อะไรเธอกลับมาที่แสดงออกถึงความฉุนเฉียวที่เธอไม่เคารพเขาแม้แต่น้อย เพราะแอชตันกลับสั่งเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ไปแต่งตัวซะ อีกไม่เกินห้านาทีฉันจะไปรับเธอ เราต้องไปธุระด่วนด้วยกัน”
ดวงตาของสาวน้อยลุกวาบทันที เพราะเธอไม่เคยรับคำสั่งของเขามาก่อน เอาละ... เธอจะไม่โกหก เธออาจจะเคย แต่นั่นมันก็นานมาแล้วและเธอก็ยังไร้เดียงสาเสียจนเคยตามืดบอดเห็นผิดเป็นชอบอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว
“ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณลุงสั่งด้วย”
เธอย้อนถามอย่างท้าทาย คนทั้งโลกอาจจะเห็นว่า แอชตัน แอดดิสันเป็นเจ้าชายที่แสนจะทรงเสน่ห์ พวกผู้หญิง ตาบอดเท่านั้นแหละที่จะมองไม่เห็นความร้ายกาจของเขา!
โดยเฉพาะนิสัยวิปริตชอบแย่งของคนอื่นของเขา!
“เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับวิลเลียมและคริสเตียน”
ชื่อของบิดาและพี่ชายทำให้สริตาหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ลางสังหรณ์บางอย่างแล่นวาบเสียจนเธอใจสั่น
“เกิดอะไรขึ้น”
ทว่าแอชตันไม่ตอบคำถามของเธอ “เธอมีเวลาไม่ถึงห้านาที ฉันกำลังไปถึงที่พักของเธอ อีกสามนาทีฉันจะโทรมาใหม่”
พูดจบเขาก็ตัดสายทิ้ง และนั่นทำให้สริตารีบทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและไม่คิดต่อต้านอีกต่อไป
ถึงแอชตัน แอดดิสันจะเป็นคนที่เธอเกลียด เขาอาจจะเป็นคนอารมณ์ดีขี้เล่นอย่างที่ใครต่อใครบอก เป็นเจ้าชายทรงเสน่ห์ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษสูง ทว่าเธอก็เคยจำที่พี่ชายบอกได้ว่านั่นเป็นแค่หน้ากากของแอชตันเท่านั้น
คริสเตียนเคยพูดถึงเพื่อนสนิทของเขาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแล้วว่าแอชตันนั้นอันตรายกว่าที่เห็นภายนอก เขาเหมือนภูเขาไฟที่ยังไม่ดับแต่ถูกปกคลุมไว้ด้วยหิมะข้างนอก สวยงาม...แต่อันตราย
และเมื่อไรที่แอชตันไม่พูดเล่น...นั่นแหละคืออันตรายของเขา!
และลางสังหรณ์ใจอย่างแปลกประหลาดที่พุ่งวาบขึ้นในใจไม่มีหยุดก็ทำให้สริตารับรู้ได้ถึงสิ่งที่ไม่ดีที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อทบทวนดูแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งปกติที่แอชตันจะกระทำต่อเธอเลย!
เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายและบิดาของเธอกัน!