“อ้อ” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ และพูดกับเด็กชายโดยหมางเมินคุณอาไปเสียดื้อๆ “พ่อของเธอเจ๋งมากเลยนะ พี่สาวเคยเจอเขาอยู่หลายครั้งเหมือนกัน เธอเหมือนเขามากนะจ๊ะ”
และนั่นหมายถึงเด็กชายก็คล้ายกับผู้เป็นอาเช่นเดียวกัน
เนื่องจากหนุ่มๆ แอดดิสันนั้นมีหน้าตาและรูปลักษณ์คล้ายคลึงกันอย่างยิ่งยวด เนื่องจากบิดาของทั้งคู่เป็นฝาแฝดกันนั่นเอง
“ใครๆ ก็พูดแบบนั้นฮะ” แอรอนยิ้มแป้น
แอชตันเกรงว่าสริตาจะพูดอะไรไม่ดีให้หลานชายของเขาจดจำ ชายหนุ่มจึงกำจัดตัวป่วนประจำบ้านออกไปอย่างรวดเร็วด้วยการบอกกับเด็กชายว่า
“แอรอน ออกไปหาซัมเมอร์ก่อนนะ ขออาคุยกับพี่สาวคนนี้แป๊บนึง แล้วเรากลับบ้านกัน”
“ฮะ คุณอา”
แอรอนรับคำง่ายๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานนี้เพื่อไปหาซัมเมอร์ตามที่ถูกสั่ง
ซึ่งเมื่ออยู่กันเพียงลำพังสองคน แอชตันก็จ้องมองหญิงสาวด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามเธอด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งเฉยว่า
“เอาละ เธออยากจะพูดอะไรกับฉัน”
สริตาเองก็ขยับตัว สีหน้าผ่อนคลายเมื่อครู่นี้แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ฉันเพิ่งรู้เรื่องบางอย่าง บางเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่คุณควรจะบอกฉัน!”
หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและกล่าวหา เป็นสายตาที่แอชตันชินชาแล้วในยามที่เธอมองเขา ชายหนุ่มจึงถอนหายใจยาวโดยไม่ปิดบังความเบื่อหน่ายและถามเธอออกไปด้วยสีหน้าเดียวกัน
“แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ?”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สริตาต้องหาเรื่องโกรธหรือกล่าวหาอะไรเขาแบบนี้ บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิดต่อเธอ จากน้องน้อยที่น่ารัก เธอถึงได้ลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกับเขา เธอมักจะหาเรื่องโจมตีเขาในทุกๆ ทางและบางครั้งเธอก็หลบหน้าเขา แอชตันเคยอยากจะถามเธอหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเมื่อเวลายิ่งผ่านไปเขาก็ยิ่งเข้าหน้าเธอไม่ติด สุดท้ายจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยและยอมให้เธอห่างไปจากชีวิต ถึงแม้ว่าโชคชะตาจะส่งเธอกลับมาก่อนเวลาที่เหมาะสม แต่กลายเป็นว่ายิ่งทำให้ทุกอย่างระหว่างเธอกับเขาแย่ลงเสียจนเขาเองก็ติดนิสัยเสียๆ นี้มาจากเธอ เพราะพอเธอร้ายมา เขาต้องเผลอทำตัวร้ายกาจกลับไปยิ่งกว่าเพื่อให้เธอเชื่อฟังเขา
แอชตันเองก็รู้ว่ามันไม่ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอดีขึ้น และยิ่งส่งเสริมให้เธอเกลียดเขามากขึ้น แต่ทำอย่างไรได้...สริตาไม่เชื่อฟังเขาอีกต่อไปแล้ว...
“คุณซื้อหนี้ของพาวเวลล์!”
คำตอบของเธอทำให้แอชตันชะงักไปนิด ก่อนจะเลิกคิ้วสูงด้วยท่าทีเรียบเฉยราวกับว่าที่เธอพูดมันเป็นเรื่องปกติ
“ไม่ใช่ฉันแต่เป็นแอดดิสันไฟแนนซ์เชียล” เขาชี้แจ้ง “แล้วบังเอิญแค่ว่าฉันเป็นคนดูแลเรื่องนี้พอดี”
ชายหนุ่มพูดราวกับว่านี่ไม่เกี่ยวกับตัวเขาเองแม้แต่น้อย และไม่ใช่เขาเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารู้ดีว่าเขาโกหก
เป็นเขาเองที่จงใจทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ และเขามั่นใจว่าตัวเองทำไปเพราะมันคือเจตนาดี การมีแอดดิสันเข้ามาช่วยพยุงทำให้วิกฤติทางการเงินของพาวเวลล์ผ่านไปได้ด้วยดี และพวกดาร์ลิงตันก็แทบกระอักเมื่อรู้ว่าตัวเองปล่อยอะไรหลุดมือไป และพวกเขาคิดว่ามูลค่าที่โก่งขึ้นไปนั้นเป็นราคาที่สูงแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปแอชตันก็ทำให้รู้ว่าพวกเขาคิดผิด
ผลงานของทีมบริหารที่แอชตันส่งเข้าไปโดยมีเขาคอยควบคุมเองนั้นทำงานได้ผลดีตามที่คาดหมาย ยิ่งไม่รวมว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของพาวเวลล์ได้นำไปวางขายในแฟรนช์ไชน์ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขานับแสนทั่วอเมริกาบวกกับกระแสการตลาดทำให้ยอดขายถล่มทลายยิ่งทำให้พาวเวลล์ที่ประคองตัวเองไปได้อย่างยากลำบากในตอนที่ขาดผู้นำกลับขึ้นมายืนหยันในแถวหน้าของวงการได้อีกครั้ง
ใครๆ ก็รู้ว่าเบื้องหลังที่ทำให้สริตายังเป็นคุณหนูผู้โชคดีก็คือแอชตัน แอดดิสันนี่เอง...
ทว่าคงมีแต่เธอคนเดียวที่ไม่รู้ เพราะถูกกันให้อยู่วงนอกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...
“อย่าโกหกนะคุณลุง!”
สริตาแหวกลับมาอย่างรู้ทัน ทำให้แอชตันหลุดจากความคิดชั่วขณะของตนเอง เขาเลิกคิ้วมองหญิงสาว ก่อนจะปฏิเสธหน้าตาเฉย
“ฉันไม่ได้โกหก”
ถึงจะพูดไม่หมด แต่เขาก็พูดความจริง ไม่นับว่านี่เป็นการโกหกเลยแม้แต่น้อย
แต่เพราะต่อกรกับเขามานานนับปี สริตาเองไม่ได้โง่จนพอจะอ่านไม่ออกว่าแอชตันเองก็ไม่ได้พูดความจริงออกมาจนหมดเช่นเดียวกัน ฉะนั้นหญิงสาวจึงคาดคั้นต่อไปอย่างไม่ลดละ
“งั้นทำไมคุณไม่บอกฉัน”
“ตอนนั้นเธอหนีหายไปเที่ยวที่ลาสเวกัสนี่”
ช่วงเวลานั้นสริตามักจะอ้างว่าตนเองยังอยู่ในสภาวะเศร้าโศกทั้งๆ ที่ผ่านไปนานกว่าหกเดือนแล้ว และตอนนั้นเธอโกรธเขามากเสียจนหลบหนีหน้าเขาอยู่นาน แอชตันจึงฉวยโอกาสนั้นไม่บอกอะไรหญิงสาวเช่นเดียวกัน เพราะมันมีเหตุผลหลายอย่างที่เขาไม่อยากให้เธอรู้
การไม่รู้ของเธอคือความปลอดภัยสำหรับตัวเธอมากกว่า...
“แล้วหลังจากนั้นทำไมไม่บอก!”
น้ำเสียงของสริตากราดเกรี้ยวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้นแอชตันก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับความโกรธของเธอแม้แต่น้อย
“เธอบอกเองว่ามีเรียน แล้วไม่อยากให้ใครรบกวน”
“แอชตัน!”