ตอนที่1

749 Words
ภายในห้องรับแขกของทาวเฮ้าส์หรูแห่งหนึ่งในย่านอัปเปอร์ อีสต์ ไซด์เต็มไปด้วยสมาชิกของครอบครัว ‘แมนนิ่ง’ ตอนนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม และมีเสียงร้องไห้กระซิกดังมาจากหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของใบหน้างดงามราวกับนางฟ้าและเส้นผมสีทองสุกปลั่งเป็นลอนดูหนานุ่มราวกับเส้นไหม หล่อนซุกหน้าลงกับอ้อมกอดของชายอีกคนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นฝาแฝด และตรงข้ามกับคนทั้งคู่ คือชายหญิงสูงวัยพวกเขาเป็นบิดาและมารดาของฝาแฝดคู่นั้น และแม้จะล่วงเลยเข้าสู่วัยเลขห้านำหน้า ทว่านายและนางแมนนิ่งก็ยังคงดูดี โดยเฉพาะนางแมนนิ่งที่เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่รักษารูปร่างตัวเองได้เป็นอย่างดีจึงดูอ่อนกว่าวัยห้าสิบของนางมากนัก บุคคลทั้งสี่ดูเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นอย่างยิ่งในสายตาคนทั่วไป และแม้กระทั่งสายตาของคนมองอย่างมธุรสาเองก็ตาม… เพราะเป็นอย่างนั้น มธุรสาซึ่งเคยชินเสียแล้วกับการเป็นเพียง ‘แกะดำ’ ในบ้านหลังนี้ จึงได้แต่ยืนหลบมุมอยู่ภายในห้องอย่างสงบ และไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาแม้ว่าสิ่งที่ได้รับรู้จากหัวหน้าครอบครัวนั้นจะเป็นเรื่องร้ายแรงก็ตาม “แด๊ดดี้!” เกรซ แมนนิ่งโวยวายขึ้นมาหลังจากที่หล่อนสามารถระงับน้ำตาของตนเองได้แล้ว ดวงตาสีฟ้าคู่สวยราวกับอัญมณีของหล่อนวาววับ ขณะที่จ้องมองบิดาของตนเองด้วยสายตากราดเกรี้ยว “หนูจะไม่ยอมย้ายออกไปจากบ้านอย่างเด็ดขาด นี่เป็นบ้านของเรา! ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ออกไป! ถ้าไปแล้วคนอื่นจะคิดยังไงกัน หนูทนสายตาขี้นินทาของคนพวกนั้นไม่ได้หรอก!” หญิงสาวรัวเป็นชุดด้วยความคับแค้นใจ ขณะที่บิดาของหล่อนถึงกับหน้าเสีย “แต่ว่า…” อาเชอร์ แมนนิ่งเป็นเจ้าของบริษัทผลิตน้ำดื่มขนาดกลางแห่งหนึ่ง บริษัทของเขาก่อตั้งมาราวๆ แปดสิบปีแล้ว เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการมาโดยคนตระกูลแมนนิ่งมาแล้วถึงสามรุ่นด้วยกัน ผลประกอบการของบริษัทไปได้ด้วยดีมาตลอด จนกระทั่งพิษเศรษฐกิจเมื่อสิบกว่าปีก่อนทำให้อาเชอร์ที่เอาเงินไปลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์แต่กลับขาดทุนย่อยยับนั้นเริ่มขาดสภาพคล่อง และต้องทำการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ทว่าเหมือนโชคร้ายขั้นสอง เพราะคู่แข่งของเขาเข้มแข็งมากขึ้นหรืออย่างไรไม่รู้ ทำให้ยอดขายของเขาตกลงมาเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็กำลังจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายถ้าใช้หนี้ก้อนสุดท้ายไม่ได้ บริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เขาปรับโครงสร้างหนี้ทุกสิ่งอย่างรวมถึงขายหุ้นที่ตัวเองมีทั้งหมดแล้วกลับพบว่าหากขายบ้านหลังนี้ไป เขาจะมีเงินพอที่จะลงทุนทำอย่างอื่นและสามารถเลี้ยงครอบครัวต่อไปได้แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างชนชั้นสูงในนิวยอร์กซิตี้อีกต่อไปแล้วก็ตาม ทว่าเมื่อแจ้งเรื่องนี้กับสมาชิกในครอบครัว กลับพบว่าบุตรสาวไม่เห็นด้วยกับตนเองเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ภรรยาและลูกชายของเขายังคงนิ่งเงียบสงวนท่าทีอยู่ “หนูบอกเลยว่าหนูไม่ยอม! แด๊ดบริหารผิดพลาดเองแล้วทำไมต้องให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย!” “หยุดโวยวายสักทีเถอะยายเกรซ” มาริสา แมนนิ่งบ่นบุตรสาวตัวเองอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก และทำให้เกรซหุบปากของหล่อนลงฉับ ทว่าถึงอย่างนั้นสายตาของหล่อนก็แข็งกร้าว เต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เกรซ แมนนิ่ง เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่เลิศหรูและชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในวงสังคม หล่อนกำลังมีชื่อเสียงหลังจากที่ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบหลังจากที่พยายามมานาน ล่าสุดหล่อนเพิ่งได้เดินในแฟชั่นของแบรนด์ดังระดับโอต์กูตูร์แบรนด์หนึ่ง แม้จะยังไม่ใช่ตัวเด่น ทว่าก็เริ่มเป็นที่น่าจับตามองมากกว่าเดิม และก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งหล่อนได้งานที่ใฝ่ฝันนี้เพราะสถานะทางการเงินและสังคมของครอบครัวแมนนิ่งนั่นเอง “แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดี” ------------- ฝากคอมเมนต์+กดเข้าชั้น เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD