เกวิน แมนนิ่งเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่คนอื่นในครอบครัวไม่มีใครพูด เขาทำงานเป็นนักการเงินที่บริษัทใหญ่แห่งในที่ตั้งอยู่วอล สตรีททว่าถึงอย่างนั้นเขาก็เพิ่งเริ่มต้นทำงานได้ไม่กี่ปีเท่านั้น และไม่เคยรับรู้สถานการณ์อื่นในครอบครัวมาก่อน
“พ่อหาเงินไม่ได้อีกแล้ว” อาเชอร์ตอบตามตรง “ทรัพย์สินทุกอย่างของเราไม่เหลืออีกแล้ว นอกจากบ้านหลังนี้ ซึ่งพ่อหาคนมาซื้อได้แล้ว และเราจะเหลือเงินพอซื้อบ้านอีกหลังที่บรูคลิน”
“บรูคลิน[1]!”
เกรซถึงกับพูดแทรกด้วยความตกใจอย่างถึงขีดสุด! หล่อนแทบกลั้นหายใจด้วยความตระหนก
คนอย่างเกรซ แมนนิ่งน่ะหรือจะไปอยู่บรูคลิน!
รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น หล่อนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เกิดใครมารู้เข้าหล่อนต้องไม่มีวันกล้าสู้หน้าคนเหล่านั้นแน่ๆ!
“ใช่ บรูคลิน”
มาริสาที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“รวมเงินกันสิ! แด๊ดเหลือหนี้อีกเท่าไร แล้วไปยืมใครก็ได้ แต่หนูไม่ยอมย้ายออกไปจากบ้านอย่างเด็ดขาด! แก!” เกรซหันไปทางมธุรสาที่ยืนนิ่งอยู่ตลอดเวลา “รสาแกมีเงินเท่าไร ฉันรู้นะว่าแกแอบทำงานที่อื่นด้วย เอาเงินมาเป็นค่าอยู่ค่ากินเลย!” หล่อนหันไปพาลพาโลใส่มธุรสาซึ่งยืนเงียบๆ ไม่มีปากมีเสียงอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่อาเชอร์เรียกให้คนในครอบครัวมาประชุมกัน
“เกรซ ไม่เอาสิ อย่าไปพาลใส่รสาเลย”
เกวินปรามน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง ขณะที่หันไปทางมธุรสาแล้วส่งสายตาขอโทษที่เกรซพาลใส่เธอ
ทว่ามธุรสาที่ถูกพาลใส่กลับไม่มีสีหน้าขุ่นเคืองแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังตอบออกมาอย่างนอบน้อมว่า “รสามีเงินทั้งหมดอยู่หมื่นเหรียญน่ะค่ะ ถ้าคุณเกรซต้องการ...”
“หมื่นเหรียญ! มันจะไปพออะไร แกน่ะอยู่บ้านหลังนี้ไม่เสียอะไรเลย ยังจะมาให้แค่นี้เหรอ แกคิดว่าฉัน…”
“เกรซ! พอได้แล้ว!” เกวินปรามน้องสาวตัวเองอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป “รสาไม่ได้อยู่บ้านเราฟรีๆ นะ แกก็รู้ รสาก็ทำงานบ้านทั้งหมดแลกที่อยู่ที่กินเหมือนกันนั่นแหละ”
นับตั้งแต่สถานการณ์ของที่บ้านแย่ลง คนใช้ในบ้านหลังนี้ก็ทยอยออกไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าเป็นเพราะมาริสาให้คนเหล่านั้นออกจากงานเนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายไหว มธุรสาจึงต้องทำงานทั้งหมดนั้นเพียงลำพังมานานหลายปีแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกวินและทุกคนในบ้านรู้อยู่แก่ใจ
“แต่แด๊ดกับมัมก็จ่าย…”
“ไม่มีใครจ่ายเงินเดือนให้รสามานานแล้วเกรซ!” ชายหนุ่มสวนกลับเสียงแข็ง
เกรซเม้มปากของตัวเองอย่างดื้อดึง
“ไม่รู้แหละ ยังไงก็เอามาให้หมด และเกรซไม่ยอมให้ขายบ้านเด็ดขาด!”
หล่อนยืนกรานอย่างดื้อดึง ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว ต่อมาเป็นมาริสากับอาเชอร์ที่ตามลูกสาวออกไป ทำให้ทั้งห้องรับแขกเหลือเพียงมธุรสากับเกวินเท่านั้น
“รสา…” อีกฝ่ายเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอโทษแทนยายเกรซด้วยนะที่พูดกับเธอไม่ดี”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเกวิน” มธุรสาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ติดจะนอบน้อมเสียด้วยซ้ำไป “จะให้รสาโอนเงินเข้าบัญชีไหนดีคะ” หญิงสาวไพล่ถามเรื่องอื่นไปเสียอย่างนั้น
“รสา…” คราวนี้อีกฝ่ายเรียกชื่อเธอด้วยท่าทีอ่อนอกอ่อนใจแทน “จะไม่มีใครเอาเงินรสาไปหรอก นี่เป็นปัญหาของพวกพี่ รสาไม่ต้อง…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเกรซเองก็พูดถูกว่ายังไงรสาก็ควรจะต้องช่วยบ้าง แต่รสายืนยันได้ว่า รสามีเท่านี้จริงๆ”
“รสา” เกวินเรียกหญิงสาวเสียงดุอย่างไม่ชอบใจ และนั่นทำให้มธุรสายอมหยุดพูดในสิ่งที่ขัดใจเขา ส่งผลให้เกวินพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ “รสาไม่ต้องกังวลหรอก ยังไงพวกเราก็พอมีทางออก ทั้งบ้านก็มีแต่ยายเกรซคนเดียวเท่านั้นแหละที่ยึดติดอะไรแบบนี้ แต่เดี๋ยวสักพักยายเกรซก็ทำใจได้ ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
มธุรสาได้แต่ฟัง ทว่าไม่ออกความคิดเห็นใจๆ แม้จะแน่ใจว่าเกรซ แมนนิ่งไม่มีวันทำใจได้ก็ตามที แต่ไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะต้องทักท้วงอะไรออกไป
“อีกอย่างนะรสา” เกวินไม่พูดเปล่า เขาเอามือวางลงบนบ่าของเธอแล้วบีบกระชับแน่น “รสาเป็นคนในครอบครัวเรานะ เมื่อไรจะเลิกเรียกลุงกับป้าของตัวเองว่าคุณ แล้วเรียกพี่กับเกรซว่าพี่สักที”
มธุรสาไม่ตอบอะไร เธอเอาแต่ยิ้มบางในหน้า ท่าทางโอนอ่อนคล้ายจะรับฟัง แต่ก็ไม่… เธอยังไม่คิดจะรับปากโดยเด็ดขาด
เพราะเธอไม่ลืมว่า...เธอไม่ใช่ญาติแท้ๆ ของครอบครัวแมนนิ่ง...เป็นเพียงญาติห่างไกลที่แทบไม่สามารถเรียกว่าญาติได้ แล้วจับพลัดจับผลูได้อยู่ในความอุปการะของมาริสาก็เท่านั้น…
สถานะของเธอในสายตาพวกเขาเป็นเพียง ‘กาฝาก’ เสมอมา… เป็นแค่นั้นจริงๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
[1] บรูคลิน เป็นหนึ่งในห้าโบโรฮ์ (Borough) ของนิวยอร์กซิตี้ (หรือมหานครนิวยอร์ก) ซึ่งในนิวยอร์กซิตี้นั้นประกอบไปด้วยห้าโบโรฮ์คือ แมนฮัตตัน บรูคลิน ควีนส์ เดอะ บรองซ์ และสแตตัน ไอส์แลนด์ โดยมีแมนฮัตตันนั้นเป็นศูนย์กลางความเจริญในทุกด้าน และเป็นโบโรฮ์ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด และค่าครองชีพสูงสุดในสหรัฐอเมริกา
.
.
.
.
.
-----------------------------
ฝากคอมเมนต์+กดเข้าชั้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^