‘มธุรสา’ ลุกจากเตียงนอนทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายผละออกจากตัวเธอไปแล้ว เธอไม่สนใจแม้ว่าจะรับรู้ได้ว่าสายตาของเขานั้นกำลังจับจ้องร่างเปลือยเปล่าของเธออยู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยที่ ‘เอียน แอดดิสัน’ จ้องมองเรือนร่างเธออย่างนี้ ฉะนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจสายตาของเขาที่ติดตามมองมาเลยแม้แต่น้อย
แต่เธอรู้อยู่แก่ใจดีว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมองเธอแบบนี้
เธอรู้ตัวมานานนับเดือนแล้วว่าเขาคิดจะ ‘เขี่ย’ เธอทิ้ง และสถานะ ‘นางบำเรอ’ ของเธอกำลังจะจบลงแล้ว...
แต่เธอจะมีสิทธิเรียกร้องอะไรได้ละ ในเมื่อนี่เป็นข้อตกลงระหว่างเธอกับเขาเอง เป็นมาตั้งแต่ต้น เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ
แม้จะรู้อย่างนั้น ทว่าหัวใจตัวเองเธอกลับห้ามไม่ไหว รู้ทั้งรู้แก่ใจว่าเอียน แอดดิสันไม่มีวันรักเธอได้ และทุกอย่างระหว่างเธอกับเขาก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรก
กฎข้อเดียวของการอยู่กับเอียนได้ก็คือต้องไร้หัวใจเท่านั้น ถ้าเธอมีท่าทีจะรักเขา ทุกอย่างจะจบลงทันที
ทั้งๆ ที่รู้อย่างนั้น แต่สุดท้ายเธอก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี…
กว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็ตกหลุมรักเขาหมดไปแล้วทั้งหัวใจ รัก… ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่ควรจะรู้สึกอย่างนั้น
และเพราะเธอโกหกไม่เก่ง หรือเพราะเขากำลังเบื่อเธอแล้ว มธุรสาจึงรับรู้สัญญาณจากเอียนได้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังจะทิ้งเธอไปแล้ว
ทว่าถึงจะรักเขามากแค่ไหน แต่เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองโง่งมหูตามืดบอดเพราะความรัก มธุรสาเคยชินแล้วกับการถูกทิ้ง การโดนดูถูก ความเจ็บปวด การเป็นคนไร้ค่าและไม่เป็นที่ต้องการของใคร
ทั้งชีวิตเธอเป็นเพียงคนไร้ค่าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะครอบครัวหรือกระทั่งคนที่เธอรัก… ก็ไม่มีใครมองเห็นค่าในตัวเธอและต้องการเธออยู่แล้ว
ฉะนั้นต่อให้เอียนจะทิ้งเธอไป มธุรสาก็จะไม่ยอมให้เขาพรากสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอไป
มธุรสาสวมใส่ชุดนอนที่ถูกอีกฝ่ายถอดออกไปเรียบร้อย กริยาทุกอย่างของเธอยังคงแช่มช้าเรียบร้อยอย่างที่เคยปฏิบัติ มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าข้างในหัวใจของเธอนั้นสั่นไหวมากแค่ไหน เพราะแม้จะรู้อะไรอยู่แก่ใจ และทำใจมานาน ทว่าเอาเข้าจริงก็ยากจะกล้ำกลืนฝืนทนความเจ็บปวดลงได้
หญิงสาวหันกลับมาก็เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายท่อนล่างของเขามีผ้าห่มนวมปกคลุม เธอเดินตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะหยิบเอายางรัดผมแล้วรวบผมยาวของตัวเองขึ้นไปแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขา
เอียนจ้องเธอด้วยสายตาเรียบเฉย ดวงตาสีเขียวมรกตคมกริบของเขาจ้องมองตรงมายังเธอนิ่ง ก่อนจะหลุบเปลือกตาลงแล้วเอื้อมมือลงไปหยิบเอาเสื้อคลุมของเขาที่ถอดทิ้งไว้บนพื้นแล้วขึ้นมาสวมใส่
จากนั้นเอียน แอดดิสันก็เดินตรงมาหาเธอ เขาเหยียดยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับว่างเปล่า มธุรสาปวดแปลบในหัวใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเป็นหญิงสาวว่าง่ายคนเดิมสำหรับเขา เธอส่งยิ้มให้เขาขณะที่เอนตัวเข้าหาเขา เมื่อชายหนุ่มดึงร่างเธอเข้ามากอด วินาทีต่อมาฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวของเขาก็ตรึงอยู่ท้ายทอยของเธอ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้งรุนแรงและช่างเรียกร้อง ผิดกับท่าทีเฉยชาที่เขามีต่อเธอและต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้เสมอมา
เขาผละริมฝีปากออก ก่อนจะใช้ปลายนิ้วใช้เลื่อนมาไล้ริมฝีปากที่เจ่อบวมขึ้นมาของเธอเพราะจูบของเขา มธุรสาหายใจแรงจนหน้าอกสะท้อนขึ้นลงขณะที่จ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง เอียนผละจากการกอดเธอ เขาหมุนตัวไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะเปิดลิ้นชักแล้วหยิบเอาสมุดเช็กกับปากกาด้ามทองออกมา
เธอมองเขาเซ็นเช็คด้วยอาการหัวใจสลาย ทว่ากลับยังคงสงวนท่าทีได้นิ่งเฉยเอาไว้ได้จนเธอเองยังแปลกใจตัวเอง
บางทีเธออาจจะเจ็บจนชา ถึงได้สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างนี้
“ผมรู้ว่าคุณก็รู้…” เอียนพูดหลังจากที่ฉีกเช็คออกมาจากสมุด ขณะที่ยื่นมันส่งมาให้เธอทั้งรอยยิ้ม ซึ่งเป็นน้อยครั้งที่เขาจะส่งยิ้มเช่นนี้ให้เธอนอกเหนือไปจากรอยยิ้มเหยียดอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ “...ที่ผ่านมาผมมีความสุขมาก”
ประโยคคลาสสิคที่เขาพูดเพื่อถนอมน้ำใจของเธอทำให้หญิงสาวได้แต่กลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าตัวเองเยือกเย็นทำใจได้แล้ว แต่พอยื่นมือไปรับเช็คจากอีกฝ่ายกลับพบว่ามือของตัวเองสั่นเทาจนต้องรีบดึงเช็คจากมือของเขาแล้วเอามือไขว้หลังเอาไว้
“ค่ะ…” ระหว่างนั้นหญิงสาวตอบเขาเพียงแค่นั้น ขณะที่เขาก้มหน้าลงจูบแก้มเธอหนักๆ ทีหลัง ก่อนจะพูดต่อไปว่า
“คุณน่ารักที่สุดก็ตรงเข้าใจอะไรง่ายๆ นี่แหละรสา” เขาเอ่ยชมเชยเธอหลังจากที่ผละออกไป
มธุรสาส่งยิ้มให้เขา ทั้งๆ ที่ตอนนี้สมองของเธอขาวโพลนไปหมด จนเธอต้องออกแรงจิกเล็บลงบนฝ่ามือข้างที่ไม่มีเช็ค ความเจ็บทำให้เธอได้สติขึ้นมาบ้าง มธุรสาลอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะถามเขาทั้งรอยยิ้มจอมปลอมนั้นว่า
“คุณจะให้ฉันย้ายออกไปวันไหนดีคะคุณเอียน”
เอียนยังคงมองหน้าเธอ ในระหว่างที่เขาตอบว่า “พรุ่งนี้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าคุณจะไม่มีที่อยู่ ผมจัดการที่อยู่ใหม่ให้คุณแล้วพร้อมกับจ่ายค่าเช่าให้คุณทั้งปี”
“ขอบคุณค่ะ คุณใจดีกับฉันเหลือเกิน” หญิงสาวบอกออกไปทั้งๆ ที่ในใจเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว
ความสะดวกสบายและใจดีของเขานั้นกลับทำร้ายเธออย่างแสนสาหัส ทว่าเธอไม่คิดจะปฏิเสธเขาหรือทำให้เขาไม่พอใจ ต้องไม่ลืมว่าอย่างไรเธอก็เป็นแค่ ‘นางบำเรอ’ ที่เขา ‘กรุณา’ เลือกมาเท่านั้น
และในเมื่อเธอมีความลับยิ่งใหญ่อยู่กับตัวในตอนนี้ ยิ่งไม่อาจให้เขาขัดใจได้อีก
“แต่คุณจำไว้เสมอนะรสา...ถ้ามีเรื่องอะไรคุณมาหาผมได้นะ ไม่ว่ายังไงผมก็ยินดีช่วยคุณเสมอ” ชายหนุ่มบอกเธอเสียงหนักแน่น ขณะที่หมุนตัวแล้วเดินกลับขึ้นไปบนเตียงของตัวเองอีกครั้ง
“คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้รับข้อเสนอนี้ ขอให้จำเอาไว้ว่าผมจะช่วยคุณเสมอ ขอแค่คุณร้องขอมา”
มธุรสาได้แต่พยักหน้ารับ แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นทั้งๆ ที่หัวใจบีบรัดและร้อนรนจนแทบจะทนไม่ไหวด้วยความเจ็บปวด เพราะเขาเป็นแบบนี้...เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่ยื่นมือให้เธอในวันที่เธอตกอับไร้ทางออก เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่มองเห็นเธอ เพราะมีแต่เขาที่พูดว่าจะช่วยเธอ
และเพราะมีแต่เขาที่ทำอย่างนั้นมธุรสาถึงได้ตกหลุมรักเขา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่ากฎเพียงข้อเดียวของการอยู่กับเขาคือการไร้หัวใจ!
...แต่เธอกลับทำไม่ได้
กว่าจะรู้ตัวอีกทีหัวใจของเธอมันเป็นของเขาไปแล้ว...
“ผมลาคุณที่นี่เลยแล้วกัน ตื่นเช้ามาก็ไปหาทอดด์ได้เลยนะ เขาจะจัดการให้คุณทุกอย่าง”
พูดจบเขาก็ล้มตัวลงนอน ขณะที่มธุรสาเดินล่องลอยออกไปจากห้องนอนของเขาอย่างเงียบงัน
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็เริ่มต้นด้วยเช็คใบหนึ่ง...พอตอนจะจบก็จบลงด้วยเช็คใบหนึ่งเช่นเดียวกัน
ตอนจบเรียบง่ายเหมือนตอนที่เริ่มต้นเฉกเช่นนี้เอง…
เมื่อมาถึงห้องนอนของตัวเอง ทันทีที่ประตูปิดลง มธุรสาก็ทรุดลงกับพื้นแล้วปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาอย่างเงียบงันไร้เสียงสะอื้นไห้ใดๆ มือทั้งสองข้างได้แต่กอดหน้าท้องตัวเองเอาไว้แน่น...ราวกับจะโอบประคองปกป้องและต้องการกำลังใจจากอีกหนึ่งชีวิตที่เธอเพิ่งจะรับรู้ว่าเขามีตัวตนในร่างกายเธอเมื่อสามวันก่อนนี้เอง…
“แม่ขอโทษนะลูก…” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองท่ามกลางความเงียบงัน “แต่แม่สัญญาว่าแม่จะพยายามอย่างที่สุดเพื่อเราทั้งสองคน แม่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้...เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้แม้จะไม่มีเขานะลูก…เราจะอยู่กันได้”
“...”
“แม่จะมีหนูเหมือนกับที่หนูมีแม่...เราจะมีกันและกันตลอดไปนะลูก…”
-------------------------
สวัสดีแฟนดรีมทุกคนค่า
ยังไงฝากคอมเมนต์+กดเข้าชั้น เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ