“ใช่ว่าไม่เคยเห็น”
เขาว่าก่อนที่จะหันหลังให้แล้วเดินกลับไปยังโซฟาตัวเดิมและทิ้งตัวลงนั่งข้างโซฟาที่มีลูกสาวนอนหลับอยู่ พลางคว้าแฟ้มเอกสารมาดูอีกครั้ง
ฟากหญิงสาวก็เม้มปาก เขาเคยเห็นแล้วอย่างไร เธอเป็นผู้หญิงก็ต้องมีความเหนียมอาย เธออยากจะเบ้ปากใส่เขา แต่ก็กลัวว่าสามีเห็นแล้วจะโดนลงโทษ
กว่าฝนจะหยุดตกก็อีกหนึ่งชั่วโมงและเวลาก็ล่วงเลยสู่สิบเจ็ดนาฬิกา โดยที่ลักษณ์นารายังคงหลับอยู่ อาจจะเป็นเพราะการเดินทางที่ยาวนาน
“ไปใส่กางเกงซะ เราจะกลับกันแล้ว” เขาสั่งและหันไปอุ้มลูกอย่างเบามือที่สุด ไม่อยากจะให้ลูกสาวต้องตื่น ด้านกีรกานก็ทำตาม
ฟากสรัลชนาก็มาคอยอยู่หน้าบ้านตั้งแต่ที่ฝนเริ่มตกแล้ว นี่หากรู้ว่าไร่อยู่ตรงไหน หล่อนคงจะออกไปตาม ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกายเมื่อเห็นว่าคนที่เธอคอยกลับมาแล้ว
แต่ดันมีบางสิ่งที่ทำให้หล่อนเม้มริมฝีปากแน่น ก็เพราะสภาพของทั้งกีรกานและภามต่างไปจากเดิม
ภามไม่ได้สวมเสื้อ และเสื้อของเขากีรกานก็เป็นคนสวมใส่ คนทั้งคู่ไปทำอะไรกันมา หัวใจของสรัลชนาห่อเหี่ยวและเนื้อตัวชาราวถูกไฟช็อต เพราะคิดไปว่าคนทั้งคู่อาจจะมีความสัมพันธ์กัน
มันไม่ได้แปลกเลยสำหรับคู่รัก แต่คู่ของภามและกีรกานมันต่างออกไป เพราะเชื่อว่าอย่างไรภามก็ไม่มีวันรักลูกสาวของคนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งพ่อและแม่ของชายหนุ่มตายได้แน่
และสาเหตุนี้มันก็เป็นกำลังใจที่ทำให้เธอยังไม่ยอมแพ้ แม้จะผ่านมาเกือบสามปี เธอยังพยายามเข้าไปในใจของเจ้าของไร่นี้และหวังว่ามันจะสำเร็จ “ทำไม เอ่อ…เสื้อของคุณ คุณกั้งถึงสวมมาล่ะคะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เธอเปียกฝนครับ ผมขอพาลูกเข้าบ้านก่อนนะครับ”
ภามตอบสั้น ๆ และคิดว่าสรัลชนาเป็นผู้หญิงฉลาดคงจะเข้าใจดีแม้ไม่ต้องอธิบายทั้งหมดก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ด้านสรัลชนาก็เดินตามเข้าไป
ฟากกีรกานก็ระบายยิ้มขื่นขมออกมา คนที่เขาแคร์ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นใคร แล้วมันจะไปแปลกอะไรที่เขารีบตอบคำถามของอีกฝ่ายเสียขนาดนั้น คงจะกลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะเข้าใจผิด ต่างจากเธอที่เขาไม่เคยจะอธิบายความสัมพันธ์กับสรัลชนาที่ก่อให้เกิดคลางแคลงในใจให้เธอได้ฟัง
กีรกานต้องทำใจให้เข้มแข็ง ระงับอารมณ์เศร้าและเจ็บปวดที่ปะทุในอกไว้ แต่ก็ทำอยู่หลายนาทีกว่าจะก้าวตามเข้าไปในบ้าน เพราะในเวลานี้สมควรต้องรีบไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า
ไม่เช่นนั้นไข้หวัดอาจจะมาเยือนอีก และมันคงไม่ดีแน่ หล่อนไม่อยากจะแยกกับลูกสาวอีกแล้ว และที่สำคัญต้องทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็น
การทานข้าวมื้อนี้ของกีรกานเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ เพราะแทนที่จะได้ทานข้าวฉันพ่อแม่และลูก แต่กลับมีผู้หญิงอีกคนมานั่งข้างสามีด้วย และก็ไม่รู้ว่าเธอสำคัญเท่าผู้หญิงคนนั้นบ้างหรือไม่ หรือแม้แต่เศษของหัวใจเขาก็ไม่มีให้เธอ
เสียงหวานหยดของสรัลชนาเอ่ยพูดกับภามตลอด และบางครั้งก็หันมาส่งยิ้มให้เธอ เจ้าหล่อนยิ้มหวานทว่ากีรกานได้แต่ยิ้มหม่นหมอง
หลังจากทานข้าวเสร็จ หล่อนก็พาลูกสาวขึ้นมาบนห้องเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน หัวใจดวงนี้มีเต้นแรงขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่ากระเป๋าเสื้อผ้าของเขาอยู่ในห้อง ไม่ใช่ห้องของสรัลชนา
ทว่าแม้เวลานี้จะเข้าสู่สองทุ่มตรงจนเธอกล่อมลูกสาวหลับไปแล้ว เขาก็ยังไม่ได้มาที่ห้อง กีรกานมองที่ประตูห้องตลอด ที่ผ่านมารู้เสมอว่าสรัลชนาอยู่ข้างกายของภามมาตลอด
แต่ก็รู้ว่าคนทั้งคู่ไร้ความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ไม่เช่นนั้นเขมจิราก็คงมาหาและป่าวประกาศเรื่องนี้ให้เธอทราบด้วยความสะใจไปแล้ว
เขมจิราคือยายของภาม และจงเกลียดจงชังหล่อนเป็นที่หนึ่ง แม้แต่เหลนหล่อนยังมองว่าท่านอาจจะไม่รัก เพราะสายตาที่ไร้ซึ่งความเอ็นดู ท่านเคยเจอกับเธอและลักษณ์นาราเพียงสองครั้งที่เมืองหลวง ท่านไม่เคยมาที่นี่
มีเพียงคนเดียวที่มาเยี่ยมหล่อนและลูกอย่างสม่ำเสมอนั่นก็คือขวัญเกล้า คุณย่าของภาม และท่านก็คือบุคคลที่ให้กำลังใจและทำให้ลูกของเธอมีพ่อ
ก่อนหญิงสาวจะหลุดจากภวังค์ความคิด เพราะหูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องของสรัลชนา ซึ่งสิ่งที่ได้ยินตามมาก็คือเสียงสนทนาของภามและเจ้าหล่อน
แต่ชั่วประเดี๋ยวเดียวเสียงนั้นก็เงียบไป หัวใจดวงน้อยพลันสะท้านไหว เพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาตรงมายังห้องนี้ มันหมายความว่าอย่างไร เขาเข้าไปในห้องของสรัลชนาหรือ