“ไอ้คนใจร้าย”
กีรกานบริภาษคนไร้หัวใจเสียงดัง หวังให้มันกระทบหัวใจของเขาบ้าง แต่เขาไม่มีแม้แต่จะหันมามองสักนิด
กีรกานน้ำตาปริ่มและหล่อนก็ยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวกลางบ้าน ผ่านมาเกือบห้านาทีแล้ว ทว่ากีรกานยังไม่ได้ขยับฝีเท้าไปไหน ริมฝีปากบางยังคงเม้มแน่นเพราะความเจ็บปวดจากท่าทีที่ใจดำของเจ้าของบ้านนี้ เขาไม่ต้อนรับเธอสักนิด แถมยังขับไล่
หญิงสาวหลับตาลงและกำมือเป็นก้อนกลม ระงับความระทมทุกข์ที่ก่อเกิดในใจ นานหลายนาทีกว่าหญิงสาวจะก้าวเท้าออก
ถูกไล่เสียขนาดนี้แล้ว เธอจะทนหน้าด้านอยู่ได้อย่างไร แม้จะคิดถึงลูกสาว แต่ดูจากสถานการณ์แล้วเขาคงไม่มีทางปล่อยให้ลูกกลับกับเธอแน่ และต่อให้ยืนจนขาแข็งหรือหมดแรงไป เขาก็คงจะไม่มอบความเมตตาให้เธอ
ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ น้ำตามันก็หยดแหมะลงสองข้างแก้ม แม้จะพยายามปาดมันออกไปเท่าไร แต่มันก็ไหลทะลักออกมาอีก ทั้งที่พยายามจะเอาความเข้มแข็งเข้ามาสุมในอก มันก็ทำไม่ได้ เพราะหัวใจดวงนี้มันอ่อนแอเสียเหลือเกิน
ในเวลานี้เข็มนาฬิกาบอกเวลาสิบเก้านาฬิกาแล้ว แต่กีรกานเพิ่งจะขับรถออกมาได้ถึงเพียงครึ่งทางเท่านั้น ที่จริงหล่อนสมควรใกล้จะถึงแล้ว แต่มันก็เป็นเพราะขับ ๆ หยุด ๆ เพราะความอ่อนแอมันถาโถมจนบางครั้งหล่อนต้องหยุดรถเพื่อสะอื้นไห้และก็ขับมันไปต่ออีกครั้งหลังจากตั้งสติได้แล้ว
กว่ากีรกานจะขับมาถึงไร่กุหลาบซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาก็ปาไปเกือบจะยี่สิบเอ็ดนาฬิกาทั้งที่จริงระยะทางจากกรุงเทพมหานครมายังที่นี่ก็ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงเศษเท่านั้น
ฟากลุงบุญก็ชะเง้อคอคอยดูการมาของหญิงสาว เพราะทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปากของกีรกานเอง เขาอดเป็นห่วงไม่ได้
และทันทีที่เห็นรถของกีรกาน บุญก็โล่งอก แต่คิ้วเข้มกลับต้องขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เพราะนอกจากจะเห็นรถของกีรกานแล้ว ตนยังเห็นว่ามีรถคันหนึ่งขับตามเข้ามา แต่ทิ้งระยะห่างพอสมควร
จนบุญต้องขยับเท้าเพื่อออกไปมองดู เพราะในยามวิกาลขนาดนี้ ใครมันจะขับรถเข้ามากัน คงไม่มีใครมาติดต่อธุระแน่
ป้ายทะเบียนก็มองไม่ชัด เพราะสายตาที่เริ่มแย่ลงและรถคันนั้นก็อยู่ไกล แต่ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็หยุดฝีเท้า เพราะรถคันนั้นถอยรถกลับออกไปแล้ว พานให้คิดไปว่าอาจจะขับรถหลงมาได้
ก่อนชายวัยกลางคนจะสาวเท้ากลับเข้าไปในบ้าน แต่เมื่อถึงหน้าประตูบ้านก็หันไปมองทางบ้านของกีรกานอีกหน ได้แต่นึกสงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ที่ต้องมาเจอแต่เรื่องที่เจ็บปวดหัวใจ เพราะเขาคิดว่าแค่เรื่องที่ต้องมาสูญเสียลูกไป มันก็หนักหน่วงหัวใจมากพอแล้ว
บทที่ 2
หัวใจที่ทรมาน
สองวันต่อมากีรกานก็ได้รับข้อความจากภาม
‘ฉันกำลังจะไปส่งลูก เตรียมห้องให้ด้วย ฉันจะค้าง’
ทุกครั้งที่เขามาและต้องการจะค้างคืน เธอก็มักจะได้รับข้อความในลักษณะนี้ และบ่งบอกถึงความต้องการ เขาเลือกที่จะส่งข้อความมากกว่าจะโทรศัพท์มาหา ไม่ต้องบอกเหตุผลกีรกานก็ทราบว่าเพราะอะไรเขาถึงเลือกแบบนี้ ก็คงเป็นเพราะภามไม่ได้อยากจะได้ยินเสียงของเธอ
บ้านหลังเล็กหลังนี้มีเพียงสองห้องนอนเท่านั้น และทุกครั้งที่เขามาเขาก็จะใช้ห้องนอนอีกห้องเป็นประจำ โดยที่เธอและสามีไม่เคยนอนร่วมเตียงกันเลย และในบางครั้งเขาก็จะเอาเจ้าตัวเล็กไปนอนด้วย
วันนี้แล้วสินะที่จะได้ลูกคืนสู่อ้อมอก ใบหน้านวลของกีรกานมีรอยยิ้มขึ้นมาหลังจากสองวันที่ผ่านมามีแต่ความเศร้า
ทว่าเพียงชั่วครู่ต่อมาใบหน้านี้ก็แปรเปลี่ยนไป เพราะการที่ได้เจอลูกก็ต้องเจอสามีด้วย และคงจะต้องเจอความเย็นชาที่ทำให้หัวใจเกิดรอยแผลอีกด้วยเช่นกัน ก่อนกีรกานจะหมุนตัวกลับเพื่อไปจัดการตามที่เขาบอก
เมื่อเสร็จแล้วก็ลงมานั่งรอการมาของเขาที่โต๊ะไม้หน้าบ้าน และคิดว่าอีกไม่นานเขาก็คงจะถึง เพราะภามมักจะมาถึงเวลาประมาณเที่ยงหรือสิบสามนาฬิกาตรงเป็นประจำ
รอไปได้อีกไม่ถึงสามสิบนาที ดวงตาคู่เล็กก็เป็นประกายเพราะเห็นรถของเขากำลังแล่นตรงมายังบ้านพัก กีรกานมีรอยยิ้มกว้าง เธออยากจะกอดลูกน้อยแล้ว
เพียงรถแล่นเข้ามาใกล้และจอดสนิท สีหน้าและแววตาของเจ้าของบ้านก็แปรเปลี่ยนไป
เพราะภามไม่ได้มากับลูกเพียงสองคนเท่านั้น แต่เขากลับพาสรัลชนามาด้วย ซึ่งเจ้าหล่อนก็ลงจากรถแล้วมายืนต่อหน้าเธอแล้วในเวลานี้
“สองอยากจะมาเที่ยวไร่ของคุณกั้งด้วย คุณกั้งคงจะอนุญาตนะคะ ไม่ว่ากันนะคะ” สรัลชนาจีบปากจีบคอพูดขณะกำลังอุ้มลูกสาวของเธอไว้แนบอก
“เข้าไปด้านในเถอะครับ ผมจะยกกระเป๋าให้สองเอง”