“พลอยเคยทำงานที่กรุงเทพรับเงินเดือนหลายหมื่นแล้วจะมาขายของกำไรชิ้นละบาทสองบาทน่ะเหรอ มันจะคุ้มกับค่าเหนื่อยไหม” น้าอัมพรเตือน
“แต่อยู่ที่นี่พลอยไม่ค่าเช่าห้องนะคะ พลอยมีเงินเก็บ มีเงินที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้ ถ้าอยู่แบบมาหรูหราพลอยคิดว่าจะอยู่ได้ค่ะ”
“น้าว่าดีเหมือนกันนะ ที่นี่ไม่มีร้านขายของชำเลย จะมีก็แต่ร้านยายเป้า ของก็แพงบางอย่างก็เก่าเก็บ ถ้าพลอยเปิดร้านที่นี่คนงานในสวนปาล์มก็คงไม่ต้องนั่งรถไปซื้อกันหรอก” ประทีปสามีของอัมพรเห็นด้วยกับหลานของภรรยา
เขาทำงานเป็นผู้จัดการที่สวนปาล์มของนายหัวธนธรรศที่มีคนงานนับร้อยซึ่งคนเหล่านั้นก็ต้องนั่งรถจากสวนเข้าไปซื้อของในตัวอำเภอกันทุกอาทิตย์ แต่ถ้ามีร้านมาเปิดใกล้ๆ คนงานเหล่านั้นก็ไม่ต้องเสียเวลาวันหยุดไปกับการเข้าไปซื้อของ
“น้าประทีปว่าดีใช่ไหมคะ”
“น้าว่าดีนะ หน้าบ้านของพลอยถ้าปรับปรุงอีกนิด ทำเพิงยื่นออกมาอีกหน่อย เอาโต๊ะหินอ่อนมาวางสักชุดก็ดี”
“มันจะเหนื่อยเอานะพลอย” อัมพรยังเป็นห่วงหลานสาว
“พลอยว่าแรกๆ ก็อาจจะเหนื่อยแต่ถ้าเราทำทุกอย่างเป็นระบบพลอยว่าคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่”
“เอาล่ะถ้าพลอยจะทำจริง น้าก็จะช่วย”
“แล้วน้าไม่ต้องทำงานเหรอคะ”
“น้าก็มาช่วยพลอยหลังเลิกงานไงล่ะ ก็พอดีกับคนงานเลิกงานนั่นแหละ”
“ถ้าพลอยจะทำจริง น้าก็จะช่วยอีกแรงนะ เรื่องปรับปรุงร้านปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้าเอง” ประทีปก็เสนอช่วยอีกคน
“มันต้องใช้เงินลงทุนนะ หนูจะเอาที่แม่ทิ้งไว้มาจมหรือเปล่า”
“พลอยมีเงินเก็บของตัวเองอยู่บ้างค่ะ แล้วก็เงินชดเชยตอนลาออกจากงานด้วย น่าจะพอเริ่มต้นได้ค่ะ” พลอยตอบอย่างกระตือรือร้น แววตาที่เคยหม่นหมองเริ่มกลับมามีประกายอีกครั้ง การได้คิดถึงเรื่องใหม่ๆ ทำให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
เมื่อเห็นท่าทางของหลานสาวแบบนั้นอ้าอัมพรก็เห็นด้วยเพราะอย่างน้อยพิมพ์พลอยก็จะได้มีอะไรทำ ดีกว่าปล่อยให้เธอจมอยู่กับความเศร้า
หลังจากนั้นไม่นานพิมพ์พลอยก็เริ่มลงมือทำตามแผนที่วางไว้ เธอใช้เวลาหลายวันในการสำรวจตลาดในตัวอำเภออ่าวลึกและตัวเมืองกระบี่เพื่อหาแหล่งซื้อของและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเปิดร้านขายของชำ
น้าประทีบเข้ามาปรับปรุงและซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดของโรงจอดรถหน้าบ้านให้แข็งแรงขึ้นและพร้อมสำหรับเปิดร้าน หญิงสาวจัดการทำความสะอาดจนหน้าบ้านกลายเป็นร้านเล็กที่ดูสะอาดตา ส่วนน้าอัมพรก็ช่วยพิมพ์พลอยจัดเรียงสินค้าและให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการทำมาค้าขายในชนบท
“พลอยต้องลงของที่คนงานชอบกินชอบใช้นะลูก พวกน้ำแข็ง บุหรี่ เหล้าเบียร์นี่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยนะลูก” น้าอัมพรแนะนำขณะช่วยพิมพ์พลอยจัดเรียงขวดน้ำอัดลมบนชั้นวาง
“น้าคะ แล้วร้านยาดองจะไม่ว่าใช่ไหมคะถ้าพลอยขายเหล้ากับเบียร์” เธอยังกังวลแม้ว่าจะขอใบอนุญาตจำหน่ายสุรามาแล้วก็ตาม
“คนเราชอบไม่เหมือนกันนะพลอย บ้าเห็นคงงานในสวนชอบไปซื้อเบียร์มาจากตลาดกัน ส่วนพวกที่กินยาดองก็กินแต่ยาดองนั่นแหละ” น้าประทีปบอกตามประสบการณ์ของตน
พิมพ์พลอยพยักหน้าตามคำแนะนำของน้าสาวและน้าเขย เธอพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างตั้งใจ การได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าช่วยให้เธอไม่ต้องคิดถึงเรื่องราวในอดีตมากนัก
ในที่สุดร้านขายของชำเล็กๆ ของพิมพ์พลอยก็พร้อมเปิดให้บริการป้ายไม้ที่เขียนด้วยลายมือว่าร้านพิมพ์หลานป้าอัมพร ที่เธอตั้งชื่อร้านแบบนั้นเพราะอยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอไม่ใช่คนอื่นที่ไหนแต่เธอเป็นคนที่นี่แม้จะจากไปตั้งหลายปีแต่ที่นี่ก็คือบ้านของเธอ
สินค้าต่างๆ ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนชั้นวางไม้ที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆ มีทั้งขนม เครื่องดื่ม ของใช้ในครัวเรือนเล็กๆ น้อยๆ และที่สำคัญคือสินค้าที่น้าอัมพรแนะนำอย่างน้ำแข็ง สุรา เบียร์และบุหรี่
วันแรกของการเปิดร้านพิมพ์พลอยรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าเล็กน้อย เธอยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้ตัวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางร้าน มองออกไปยังถนนหน้าร้านอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่นานนักก็มีลูกค้าคนแรกเดินเข้ามาในร้านเป็นคุณป้าคนหนึ่งที่พิมพ์พลอยเคยเห็นหน้าค่าตาอยู่บ้างเพราะบ้านอยู่ถัดไปไม่ไกล
“เปิดร้านแล้วเหรอจ๊ะ ป้าเห็นทำร้านมาหลายวันแล้ว นึกว่าจะเปิดเมื่อไหร่”
“ค่ะป้า เพิ่งเปิดวันนี้วันแรกเลยค่ะ” พิมพ์พลอยตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใสรู้สึกดีใจที่มีลูกค้าคนแรก
“ป้าอยากอะไรคะ ให้พลอยช่วยหาไหม”
“ป้าขอเดินดูก่อนได้ไหม”
“ได้ค่ะ เชิญตามสบายเลยนะคะ ถ้าหาอะไรไม่เจอก็เรียกพลอยไปช่วยหาได้นะคะ”
คุณป้าเดินเลือกซื้อของอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนำสินค้ามาวางที่เคาน์เตอร์
“ป้าซื้อครบหนึ่งร้อยบาทพลอยมีโปรโมชั่นช่วงเปิดร้านห้าวันแรกแถมม่ามาหนึ่งซองนะคะ ถ้าครบสองร้อยก็แถมปลากระป๋องค่ะ แต่ป้าเป็นลูกค้าคนแรกพลอยเลยแถมทั้งมาม่าและปลากระป๋อง” หญิงสาวหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋องใส่ถุงเพิ่มให้กับลูกค้าคนแรกและส่งให้พร้อมกับรอยยิ้ม
“มีของแถมด้วยดีจัง ป้าจะบอกคนอื่นให้มาอุดหนุนนะ ขอให้ขายดีๆ นะลูกนะ” คุณป้าอวยพรพิมพ์พลอยก่อนจะเดินออกจากร้านไป
พิมพ์พลอยยิ้มรับคำอวยพรนั้นเธอรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยกับการต้อนรับจากคนในหมู่บ้าน การได้เริ่มต้นใหม่ในสถานที่ที่คุ้นเคยและได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ตลอดทั้งวันมีลูกค้าทยอยเข้ามาในร้านเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่แวะมาซื้อของเล็กๆ น้อยๆ พิมพ์พลอยพยายามพูดคุยและยิ้มแย้มกับลูกค้าทุกคน แม้บางครั้งรอยยิ้มนั้นจะยังคงแฝงไว้ด้วยความเศร้าอยู่บ้างก็ตาม
เมื่อถึงเวลาเย็นน้าอัมพรก็มาช่วยหญิงสาวขายของที่ร้าน ลูกค้าช่วงเย็นจะมาซื้อเบียร์และน้ำแข็งกันเป็นส่วนมาก เมื่อเธอบอกว่าซื้อครบสามร้อยเธอจะแถมน้ำแข็งให้หนึ่งถุง พวกเขาก็บอกต่อจนเบียร์ที่เธอซื้อมาขายได้มากกว่าที่คิดไว้
“นี่ก็ทุ่มหนึ่งแล้วป้าว่าพลอยปิดร้านเถอะ คงไม่มีใครมาแล้วล่ะ”
“ขอบคุณน้าอัมพรนะคะ ถ้าน้าไม่มาช่วยพลอยคงหัวหมุนแน่เลยค่ะ พลอยคงต้องวางแผนใหม่แล้วล่ะ บางทีช่วงเย็นพลอยคงต้องหาใครมาช่วยขาย”
“จะหาใครกันล่ะ น้าจะมาช่วยพลอยเอง”
“แต่ถ้าทำงานมาทั้งวันก็เหนื่อยแล้วนะคะ”
“น้ามาช่วยหนูแค่ชั่วโมงกว่าๆ ไม่เหนื่อยอะไรหรอกจ้ะ พลอยอย่าเพิ่งจ้างคนเลยนะ ให้ทุกอย่างมันอยู่ตัวก่อนนะ”
“ขอบคุณค่ะน้า”
“งั้นน้าขอกลับก่อนนะ หนูจะไปกินข้าวที่บ้าน้าไหมล่ะ วันนี้น้าทำแกงไตหม้อใหญ่ก็เลยแบ่งมาที่บ้านด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะน้า พลอยมีข้าวสวยเหลือว่าจะผิดข้าวกินค่ะ”
“น้าไปล่ะนะปิดร้านดีๆ ล่ะ ใครมาเรียกก็ไม่ต้องเปิด” น้าอัมพรรอจนหลานสาวปิดประตูเหล็กเสร็จก็เดินกลับบ้านที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
เมื่อปิดร้านแล้วหญิงสาวก็เก็บกวาดร้านจนเรียบร้อย ก่อนจะนับเงินที่ได้จากการขายในวันแรก แม้จะไม่มากมายอะไรนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
เธอพยายามปรับตัวเข้ากับชีวิตที่นี่จากที่เคยตื่นเช้าไปทำงานในออฟฟิศติดแอร์ ก็มานั่งเฝ้าร้านเล็กๆ ที่มีเพียงพัดลมพัดคลายร้อน จากการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบเธอก็ปรับมาใช้ชีวิตช้าลง
แม้จะเหนื่อยล้าจากการทำงาน แต่พิมพ์พลอยก็รู้สึกได้ว่าการได้ทำอะไรด้วยตัวเองมันช่วยให้เธอรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น เธอไม่ได้จมอยู่กับความเสียใจเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
เธอรู้ว่าการเริ่มต้นใหม่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็พร้อมที่จะสู้ เพื่อที่จะซ่อมแซมหัวใจที่แตกสลายของเธอให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง