เมื่อเสร็จธุระรถยนต์ก็ขับเคลื่อนมุ่งตรงไปยังเรือนหอที่แสนคะนึงพักอยู่ คล้อยหลังพอส่งเธอปุ๊บ ไรวินท์ก็ต่อสายตรงถึงเจ้านาย
“คุณแสนคะนึงยอมเซ็นแล้วครับ”
หัวคิ้วของแทนชนม์ขมวดมุ่นเป็นร่องลึกทันที ถามย้ำเสียงขุ่นเข้มอย่างคาดไม่ถึง
“ว่าไงนะ!?”
ไรวินท์เข้าใจอารมณ์ของเจ้านาย เพราะเขาเองก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อมาจนถึงตอนนี้เหมือนกัน
“เธอเซ็นจริงๆ ครับ แถมยังเร่งให้ผมจัดการเรื่องหย่าให้เร็วที่สุดด้วย”
อุณหภูมิรอบตัวของคนฟังพลันลดต่ำฮวบ ความเย็นยะเยือกแทรกซึมกดดันทั่วทั้งห้องประชุมอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้ที่เข้าร่วมต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปกติเห็นท่านประธานรับสายก็น่าตกใจมากพออยู่แล้ว แต่นี่สีหน้ายังมืดคล้ำราวกับมีพายุฝนกระโชกกระหน่ำ ถึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้น แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขาไปตามๆ กัน
แทนชนม์หลับตาข่มอารมณ์แล้วเอ่ยถาม
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
ไรวินท์ชะงักไปนิดหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกตามตรงรึเปล่า แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของตัวแทนชนม์เอง ก็คงใจนักเลงพอที่ยอมรับผลลัพธ์ของมันได้ คงไม่รู้สึกอะไรสักเท่าไรนักหรอกมั้ง...
“เธอดูดีใจมากครับ ยิ้มอยู่ตลอด ท่าทางดูไม่ค่อยเสียใจและไม่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนที่ผ่านมาเลยครับ”
พูดจบก็ได้ยินเสียงขบกรามเล็ดลอดมาตามสาย ทำให้เขาใจหายวาบ ไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรผิดหูบอสไปรึเปล่า
“รู้แล้ว!”
ไรวินท์ดึงสมาร์ตโฟนออกห่างไม่ทัน จึงโดนน้ำเสียงเย็นชาตวาดก้องใส่เต็มๆ จนแก้วหูลั่นสั่นสะเทือน ยังไม่ทันได้ขานรับอีกฝ่ายก็ชิงวางสายไปเสียแล้ว ทำให้เขาได้แต่มองโทรศัพท์ในมือด้วยความมึนงงไปหมด จะโทร. กลับไปก็ไม่กล้า กลัวจะยิ่งเป็นการจุดชนวนระเบิดเวลาของบอสให้ตัวเองตายเร็วมากขึ้น
ไรวินท์คิดถูก!
ในห้องประชุมยามนี้เต็มไปด้วยประกายไฟและกลิ่นดินปืนที่มองไม่เห็น แต่ทุกคนรับรู้ได้ว่ามันร้อนระอุและพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อจากขีปนาวุธที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ การประชุมวาระสำคัญยังคงดำเนินต่อไป แต่ความกดดันที่เดิมก็มีมากอยู่แล้วกลับยิ่งทบทวี เมื่อท่านประธานเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด เคาะนิ้วเร็วระรัวโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำให้ทุกคนตัวลีบเหมือนถูกกำแพงหินบีบอัดจากทุกทิศทุกทาง แค่จะหายใจเสียงดังก็ยังไม่กล้า การพูดจาก็ติดๆ ขัดๆ เหมือนคนติดอ่าง
ทว่าที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้น... แทนชนม์กลับไม่ต่อว่า ไม่มีแม้แต่ชักสีหน้าใส่พวกเขาเลยสักนิด ราวกับไม่รับรู้การมีตัวตนของผู้คนอยู่ในห้องนี้ด้วย คล้ายภวังค์ความคิดของเขาหลุดลอยไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบได้ มีเพียงเสียงถอนหายใจที่ดังยืดยาวครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่มีใครรู้ว่าแทนชนม์คิดอะไรอยู่ มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้และจมอยู่กับคำถามในใจที่ว่า
ทำไมถึงยอมหย่า?
แสนคะนึงฮัมเพลงมองรอบๆ บ้านที่เธออยู่อาศัยอย่างอารมณ์ดี ก็ต่อไปที่นี่จะกลายเป็นของเธอเพียงคนเดียวอย่างถาวร ความหรูหราโอ่อ่าของมันทำให้เธอขาลอยไม่ติดพื้น รู้สึกราวกับตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่อาศัยอยู่ในพระราชวัง ทั้งตัวบ้านที่อยู่ติดกับทะเลสาบอย่างที่เธอชื่นชอบ รายล้อมด้วยสวนดอกไม้หลากพันธุ์หลายสีสัน สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ห้องหับที่โอ่โถงปูด้วยพรมทอมือเกรดพรีเมียม ประดับโคมไฟระย้าอลังการ และติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกสบายพรั่งพร้อม มีแม้กระทั่งห้องฟิตเนสส่วนตัว
หญิงสาวมองทุกสิ่งด้วยความพึงพอใจ จะมีก็แค่อย่างเดียวเท่านั้นที่ขัดหูขัดตา รูปแต่งงานขนาดยักษ์ที่ติดเต็มผนังกำแพงด้านหนึ่ง แม้บ่าวสาวในรูปจะยิ้มให้กันอย่างชื่นมื่นเต็มไปด้วยความสุขสม แต่ตอนที่เธอมองกลับสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าที่เอ่อล้นโดยไร้ที่มา เธอคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเศษเสี้ยวความรู้สึกของแสนคะนึงคนก่อน แต่เธอคนใหม่ไม่อยากจดจำความรู้สึกแบบนี้ เธออยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ จึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะให้ช่างเข้ามาปลดรูปนี้ออกไปเสีย
แสนคะนึงเดินขั้นชั้นบนตรงเข้าห้องนอนอย่างคุ้นเคย หยิบจับของเครื่องใช้ส่วนตัวอย่างคล่องแคล่ว ไม่ใคร่แปลกใจนักที่ของทุกอย่างล้วนเป็นของเธอ ไม่มีส่วนที่เป็นของสามีอย่างที่ควรจะเป็น จากความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานจนถึงขั้นแตกหัก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอกับเขาแยกกันอยู่มานานแล้ว
เธอยักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าสวมชุดคลุมและหอบผ้าเช็ดตัวเร่งรีบเข้าห้องน้ำ ด้วยต้องทนอยู่ในห้องขังเหม็นๆ จนเหนอะหนะเหนียวตัวเต็มที ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นอ่างจากุซซี่พร้อมระบบทำน้ำวน เธอแทบจะกระโดดลงอ่างเหมือนโดดน้ำลงคลองหากว่ามีน้ำอยู่ละก็
สองมือไม่รอช้ารีบเปิดระบบอ่างน้ำ บีบสบู่เหลวลงไป ระหว่างรอก็เตรียมไวน์กับแก้วที่หาได้จากเคาน์เตอร์บาร์ในห้องครัวมาดื่มฉลองความโสด พอน้ำเกือบเต็มก็ตีฟองแล้วแก้ผ้านอนแช่น้ำสวยๆ ดื่มไวน์ไปพลางด้วยความเพลิดเพลิน