“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าเมื่อก่อนฉันเป็นคนยังไง แต่ฉันคนนี้ไม่มีความทรงจำเรื่องที่คุณพูดมาเลยสักอย่าง ฉันไม่รู้ว่าเราเป็นคู่สามีภรรยากันแบบไหน ฉันลืมมันไปหมดแล้วและไม่คิดจะจำด้วย เพราะฉะนั้นคุณวางใจได้เลย ต่อไปนี้ฉันจะไม่ไปตามตื๊อคุณแน่นอน และจะไม่สร้างปัญหาให้คุณปวดหัวด้วย ฉันยินดีจะปล่อยคุณไปตามที่คุณต้องการ เราสามารถไปหย่ากันได้ทุกเมื่อ จะไปตอนนี้เลยก็ยังได้”
กลัวเขาไม่เชื่อ แสนคะนึงจึงคว้าข้อมือเขาให้ออกเดินไปด้วยกันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่แทนชนม์ขืนตัวพร้อมกับฉุดรั้งตัวเธอเอาไว้ เอ่ยถามเสียงเครียดว่า
“คุณบอกว่าลืม...หมายความว่ายังไง?”
“ลืมก็คือลืมค่ะ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง แต่พอตื่นขึ้นมาฉันก็จำอะไรที่เกี่ยวกับคุณไม่ได้เลย คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าเราไปรักกันตอนไหน แต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าฉันทำงานเป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเท่านั้น บอกตรงๆ ว่าแม้แต่ชื่อของคุณ ฉันยังจำไม่ได้เลย คุณในตอนนี้เป็นแค่คนแปลกหน้าที่ฉันไม่รู้จัก”
หัวใจของแทนชนม์สั่นไหวอย่างรุนแรง สีหน้าสับสน แต่แววตาชี้ชัดว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดมาเลยสักคำ ก็ไม่รู้ว่าไม่เชื่อหรือไม่อยากจะเชื่อกันแน่
“คุณพูดบ้าอะไร คิดว่าผมจะเชื่อลูกไม้งี่เง่าพรรค์นี้ของคุณรึไง” แทนชนม์แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเขาตะคอกใส่ภรรยาอย่างเกรี้ยวกราด
แสนคะนึงกลอกตา เหนื่อยจะพูดซ้ำซาก บอกอะไรไปหมอนี่ก็หาว่าเธอโกหกไม่ยอมเลิก แถมยังไม่ฟังกันเลยสักคำ
“ฉันเล่นลูกไม้? คุณบอกว่าฉันชอบก่อเรื่อง เอาแต่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อนไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้ฉันก็ยอมหย่าให้คุณดีๆ แล้วไง คุณยังจะเอาอะไรกับฉันอีก”
เฮอะ! ใครกันแน่ที่เป็นมนุษย์เจ้าปัญหา?
“จะบอกว่าคุณคิดจะหย่ากับผมจริงๆ งั้นสิ” น้ำเสียงคนถามเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ทุกครั้งที่เขาขู่ว่าจะหย่า แสนคะนึงจะกลัวจนตัวสั่น เอาแต่เกาะแขนวิงวอนขอร้องเขา สัญญิงสัญญาสารพัดว่าจะปรับตัวจะไม่ก่อเรื่องอีกเป็นอันขาด
แล้วไง...สุดท้ายก็จบลงเหมือนเดิม!
“ฉันพูดจริงทำจริง” แสนคะนึงเชิดหน้าอย่างมาดมั่น “เผื่อคุณจะลืมไปว่า ฉันเพิ่งเซ็นสัญญาข้อตกลงการหย่าของเราไปหยกๆ”
แทนชนม์ยิ่งหน้าหมองคล้ำ โกรธจนควันออกหู แทบยั้งใจไม่อยู่ที่จะบีบคอเรียวเล็กของเธอให้หักคามือ แสนคะนึงจะได้ไม่กล้ามาเชิดหน้าท้าทายเขาอีก
“หนึ่ง...คุณจะทำอะไรก็ควรให้มันอยู่ในขอบเขตที่พอดีบ้าง ไม่มีผู้ชายคนไหนจะชอบหรือทนกับเมียที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ไปได้ตลอดหรอกนะ มารยาน่ะถ้าใช้แต่พองามมันดูน่ารัก แต่ถ้ามากเกินไปมันน่ารังเกียจ”
แสนคะนึงขมวดคิ้วสบตาเขาตรงๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ความอดทนของเธอจวนจะหมดแล้วเต็มที ผู้ชายบ้านี้คนนี้มีหูหนวกหรือไง เธอพูดจนคอจะแตกแล้วว่ายอมหย่า ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ มันเข้าใจยากขนาดนั้นเลยเชียวหรือ
“ฉันว่าคุณมีปัญหากับการฟังหรือไม่ก็สมองนะคะ”
“แสนคะนึง!” เป็นในยามปกติหากแทนชนม์เรียกชื่อเต็มของเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างนี้ หญิงสาวคงหวาดกลัวจนน้ำตาร่วงไปแล้ว แต่แสนคะนึงคนใหม่กลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ฉันพูดผิดเหรอคะ ฉันพูดกับคุณเป็นร้อยรอบแล้วละมั้งว่าฉันอยากจะ ‘หย่า’ คุณเข้าใจมั้ยคะว่าฉันต้องการ ‘หย่า’ แต่คุณก็ไม่ยอมฟังและไม่ยอมเข้าใจเลยสักนิด ทำไมคะ...คุณกลัวว่าฉันจะหลอกให้คุณตายใจแล้วใช้แผนตลบหลังคุณรึไงคะ”
“มันก็น่าคิดไม่ใช่เหรอ”
เธอแค่พูดประชด ใครจะคิดว่าเขาจะประสาทถึงขั้นคิดเป็นจริงเป็นจังล่ะ
แสนคะนึงถอนหายใจอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ชักขี้เกียจจะเถียงกับเขา เพราะเธอคอแห้งเต็มที แถมความหนาวเย็นที่ต้องผิวกายทำให้สำเหนียกได้ว่า ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในสภาพล่อแหลมน่าหวาดเสียว มีแค่ผ้าขนหนูห่มตัวผืนเดียว เกิดเขามีอารมณ์คิดจะทำมิดีมิร้ายเธอขึ้นมา ผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวอย่างเธอคงหนีไม่รอดเงื้อมมือเขาแน่ ทางที่ดีเธอควรรีบจบเรื่องนี้กับเขาให้ได้โดยเร็วที่สุด และรีบๆ ไล่เขาออกไปจากบ้านหลังนี้เพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง
“ทำยังไงคุณถึงจะยอมเชื่อคะ”
แทนชนม์นิ่งเงียบอยู่หลายอึดใจ เขาสบสานดวงตากลมโตสุกสกาวแวววาวอยู่เป็นนิตย์ มองลึกเข้าไปเพื่อค้นหาความจริงจากหัวใจเธอ แววตาของแสนคะนึงแน่นิ่งไร้คลื่นสะท้อน แม้มีภาพของเขาฉายอยู่ในนั้น แต่กลับรู้สึกได้เพียงความว่างเปล่า เป็นความรู้สึกราวกับเธอกำลังมองคนแปลกหน้า เหมือนดังที่ปากเธอบอกว่า ‘ลืม’ เขาไปแล้ว
ไม่! เขาไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!
เธอจะลืมเขาได้อย่างไร?
ในเมื่อเธอรักเขามากขนาดนั้น รักลึกซึ้งถึงขั้นฝังอยู่ในกระดูก รักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเธอเองเสียอีก
เป็นไปไม่ได้!
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น... ถ้าไม่ใช่เพราะแสนคะนึงจงใจโกหก ก็มีบางสิ่งที่ทำให้เธอลืม...
ดวงตาเรียวคมเบิกกว้าง รูม่านตาหดเกร็ง ในหัวผุดภาพที่แสนคะนึงกลิ้งตกบันไดลงมาจนศรีษะแตก หรือจะเป็นเพราะอุบัติเหตุที่ทำให้เธอสูญเสียความทรงจำ
“ว่าไง... จะให้ฉันทำยังไง คุณถึงจะยอมหย่า” แสนคะนึงย้ำถามอย่างหงุดหงิด
แทนชนม์มองคนที่เร่งเร้าร้องจะหย่ากับเขาให้ได้แล้วนึกปวดใจหน่วงหนึบ เมื่อก่อนมีแต่เขาที่มักพูดคำนี้ ขณะที่แสนคะนึงได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ เขาเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ก็ตอนที่เธอพูดและทำในแบบเดียวกัน
ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกุมใบหน้าเล็กๆ เอาไว้ ผิวของเธอละเอียดอ่อนให้สัมผัสอุ่นละมุน เขาไล้ปลายนิ้วบนนวลแก้มอย่างที่ชอบทำเสมอ ไม่ว่าเขาจะเจอเรื่องหนักนาสาหัสมาแค่ไหน แต่เพียงได้สัมผัสเธอ ได้สวมกอดและจูบเธอ ปัญหาที่ทับถมอยู่ในใจก็จะพลันสลาย รู้สึกผ่อนคลายหายเป็นปลิดทิ้ง
“เราจะหย่ากันก็ต่อเมื่อผมรู้ความจริงที่เกิดขึ้น...” แทนชนม์เอ่ยกับเธอเสียงอ่อน ดึงร่างบอบบางเข้าหา เชยคางเธอขึ้นประทับจูบริมฝีปากที่เม้มแน่นเต็มตื้น ปลายลิ้นงัดแงะให้เธอเผยอปากรับรสจูบที่บดเคล้าดูดดื่มซาบซ่านของเขา ก่อนจะถอนปากออกแล้วเอ่ยต่อว่า
“ระหว่างนี้อยู่เฉยๆ ทำตัวให้ดี อย่างอแงสร้างปัญหา...เข้าใจมั้ย”
ไม่รอให้เธอตอบรับ เพราะเขารู้ว่าแสนคะนึงจะไม่ยินยอมแน่นอน ชายหนุ่มก็จูบหน้าผากกลมเกลี้ยงหนักๆ สกัดกั้นถ้อยคำปฏิเสธที่กำลังจะเอ่ยออกมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปราวกับต้องการหลีกหนีความจริงที่แสนปวดใจ