ติ๋ง...
หยดน้ำตากลิ้งกลอกลงมาข้างแก้มฝังตัวรวมกันอยู่บนหมอนที่เปียกชุ่ม หญิงสาวใบหน้าซูบเซียวที่มีผ้าพันศีรษะเอาไว้ค่อยๆ กระพือขนตา ก่อนจะลืมขึ้นช้าๆ กะพริบตาปรับโฟกัสให้ชัดเจน มองไปรอบๆ ห้องสีขาวโพลนที่ชวนให้ใจห่อเหี่ยววูบหม่น ปลายจมูกได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อลอยมาปะทะจนเผลอนิ่วหน้าอย่างนึกฉุน
หญิงสาวยกมือแตะหางตาเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้น มองดูหยดน้ำใสๆ ที่ปลายนิ้วเกลี่ยไปมาด้วยความมึนงงสงสัย
เธอร้องไห้เหรอ?
ร้องทำไม?
เธอคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก สมองมันโล่งๆ ว่างๆ ชอบกล คล้ายๆ ลืมเลือนเรื่องอะไรไปบางอย่าง ยิ่งขบยิ่งคิด สมองก็ยิ่งต่อต้านสั่งให้ลืม ซ้ำยังปิดผนึกแน่นหนาจนเธอนึกอะไรไม่ออก ลามมาด้วยอาการปวดศรีษะที่พุ่งปรี๊ด ปวดจนหัวจะแตกจนเธอต้องยกมือกุมมันแน่น มือจึงได้สัมผัสกับผ้าพันแผลเข้า
เธอหัวแตก!
หญิงสาวตื่นตระหนก เหลียวมองรอบห้องอีกครั้งอย่างถี่ถ้วนจึงรู้ตัวว่าอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรจึงเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงขั้นต้องหามส่งหมอกันแบบนี้
นึกอยากจะหาคำตอบก็จนใจจนนึกสะท้อนในอก เพราะในห้องที่กว้างขวางโอ่อ่าระดับวีไอพีมีแค่เพียงเธอคนเดียวไร้เงาของผู้คน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนิสัยไม่ดีถึงขั้นไม่มีใครคบเลยหรือ ถึงได้มานอนเจ็บป่วยอ้างว้างเพียงลำพังเหมือนคนไร้ญาติขาดมิตรอย่างนี้
ลมหายใจสะท้านที่ผ่อนออกมาแฝงไปด้วยความรวดร้าว ทว่าก็ไม่มีใครรับรู้นอกเสียจากตัวเธอเอง หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้น ประจวบกับที่บานประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมๆ กับร่างสูงของชายผู้ใส่สูทเต็มยศ เธอมองใบหน้าตี๋ๆ ดูดีหากว่าจะยิ้มสักหน่อยอย่างจำได้
“สวัสดีค่ะคุณไรวินท์” เธอยกมือไหว้ทักทายพนักงานระดับสูงร่วมบริษัท อีกฝ่ายยกมือรับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่คิ้วเลิกขึ้นเหมือนแปลกใจนิดๆ เอ่ยถามตามมารยาทว่า
“คุณแสนคะนึงเป็นยังไงบ้างครับ”
“อืม...” เธอขยับร่างกายสำรวจเนื้อตัว นอกจากบนหัวที่มีผ้าพันแผล กับความขบเมื่อยและระบมเป็นบางส่วน ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสึกหรอแตกหัก “แค่เจ็บแผลที่หัวนิดหน่อย แต่ทุกอย่างก็น่าจะปกตินะคะ”
เลขาหน้านิ่งพยักหน้ารับ มองคนเจ็บอย่างชั่งใจว่าสามารถรับในสิ่งที่เขากำลังจะพูดได้หรือไม่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า
“ผมมาตามคำสั่งบอสครับ”
“บอส?” แสนคะนึงซาบซึ้ง แค่พนักงานตัวเล็กๆ อย่างเธอเจ็บป่วย ท่านประธานบริษัทถึงกับส่งเลขาคนสนิทมาเยี่ยมไข้เธอเลยหรือ
“ฝากขอบคุณท่านประธานด้วยนะคะ”
ไรวินท์นิ่วหน้า ผู้หญิงคนนี้คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก ทำไมถึงเรียกสามีตัวเองเสียห่างเหินทำเหมือนไม่รู้จักกันแบบนั้น...
คิดจะประชดหรือเรียกร้องความสนใจจากบอสผ่านเขางั้นหรือ?
เลขาหนุ่มส่ายหน้า นับวันนิสัยของภรรยาเจ้านายก็ยิ่งน่าเบื่อมากขึ้นทุกที เขาไม่อยากเสียเวลากับเธอแม้แต่นาทีเดียว จึงยื่นซองเอกสารให้แก่เธอ
“นี่เป็นเอกสารข้อตกลงการหย่าที่บอสสั่งให้ผมนำมาให้คุณดูครับ ถ้าอ่านแล้วไม่มีปัญหา รบกวนคุณช่วยเซ็นต์ชื่อด้วยครับ”
“หา! ว่าไงนะคะ?” แสนคะนึงร้องถามตาโตแทบถลน
“บอสต้องการหย่ากับคุณครับ” เขาย้ำชัดอีกครั้ง
หย่า!
ก็หมายความว่าเธอแต่งงานกับบอสอย่างนั้นหรือ...
เธอเนี่ยนะแต่งงานกับบอส?
เป็นไปไม่ได้!
เธอยังโสด...โสดสนิท! ผัวสักคนก็ยังไม่มีเป็นตัวเป็นคน มีแต่ผัวทิพย์ในซีรีส์ทั้งไทยจีนเกาหลี แถมวันๆ นอกจากทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เธอก็เอาแต่กินกับนอน บริษัทพลัสกรุ๊ปใหญ่โตที่เธอทำงานอยู่ในตำแหน่งแผนกบัญชี แทบไม่ได้เงยหน้าจากกองเอกสารที่สูงท่วมหัวเท่ากองภูเขา อย่าว่าแต่จะได้เจอหน้าหรือพูดคุยกับท่านประธานเลย แม้แต่คนในแผนกเดียวกันก็ยังแทบไม่ได้คุยกันสักคำ แล้วจะไปแต่งงานกับเขาตั้งแต่เมื่อไรล่ะ...
บ้าไปแล้ว... ต้องบ้าแน่ๆ มองอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้!?