ประเทศญี่ปุ่น...
"พี่ซันขาสตรอเบอรี่ร้านนั้นลูกใหญ่มากเลยดูสิคะ"
ผมมองไปที่ร้านขายสตรอเบอรี่ตามที่น้องทับทิมแฟนใหม่ของผมชี้ให้ดู สตรอเบอรี่ลูกใหญ่มีทั้งสีแดงสดและสีขาวที่มันวางเรียงรายอยู่ในกล่องอย่างสวยงามมันทำให้ผมคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา
"ซันกูอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นอ่ะกูอยากกินสตรอเบอรี่อยากเล่นหิมะเกิดมากูยังไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศเลย"
"อืมๆ ไว้ปิดเทอมกูจะพามึงไปกูจะได้แวะซื้อพวกเซ็กส์ทอยกลับมาด้วย"
"ซื้อมาทำไม"
"ก็ซื้อมาไว้ใช้กับมึงไง5555"
"บ้า ไอ้โรคจิต"
พอคิดถึงมันก็อดยิ้มไม่ได้แต่สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้พาตะวันมันมาเพราะเราเลิกกันแล้วโดยที่ผมเป็นฝ่ายขอเลิกเอง ผมรู้ว่าผมมันเหี้ยมันเลวทั้งที่รู้ว่ามันรักผมมากแค่ไหนแต่ในเมื่อตอนนี้ผมหมดรักมันแล้วผมก็ไม่อยากหลอกมันว่าผมยังรักมันอยู่ บอกตามตรงว่าผมเบื่อกับชีวิตเดิมๆที่ไม่มีอะไรตื่นเต้น เราอยู่ด้วยกันทุกวันตลอดเวลาเกือบสี่ปี ตื่นเช้ามาก็ไปเรียนพร้อมกันกลับมาก็อยู่แต่ในห้องกับมันช่วงแรกๆมันก็มีความสุขดีอยู่หรอกที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสองแต่พอนานๆวันเข้าผมกลับรู้สึกเบื่อยังไงบอกไม่ถูกเบื่อกับการที่ต้องทำอะไรซ้ำๆอยู่กับคนเดิมๆ ผมก็เลยลองออกไปหาเพื่อนเที่ยวกับเพื่อนในกลุ่มดูบ้างมันทำให้ผมเปิดโลกได้เห็นอะไรใหม่ๆไม่ใช่อยู่แค่กับตะวันมันทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งผมได้มาเจอทับทิมเธอทำงานเป็นพนักงานเสริฟ์อยู่ที่ผับแห่งนึงที่ผมกับเพื่อนไปเที่ยว เพื่อนผมที่มาบ่อยมันเล่าให้ฟังว่าทับทิมเรียนอยู่ปีหนึ่งมหาลัยเดียวกันกับพวกผม ผมรู้สึกถูกชะตากับเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เราสบตากันเธอมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้อย่างเขินอายและพอได้นั่งคุยกันก็ทำให้ผมรู้ว่าเธอเป็นคนที่น่ารักสดใสมากๆเธอเอาใจเก่งจนกระทั่งผมกับเธอเรามีอะไรกันในวันที่ผมเมา เธอทำให้ผมลืมทุกสิ่งทุกอย่างเธอเก่งมากในเรื่องบนเตียงผมคลั่งเธอมาก ผมขลุกอยู่กับเธอทั้งวันทั้งคืนสองสามวันติดโดยที่ลืมตะวันไปเลย จนกระทั่งวันหนึ่งผมคิดและตัดสินใจว่าจะเลิกกับตะวันผมเดินไปบอกมันตามตรงแต่ไม่ได้บอกถึงเหตุผลทั้งหมดแต่มันก็บอมเลิกอย่างง่ายดายไม่เอ่ยถามผมสักคำ หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจทำเรื่องซื้อห้องในคอนโดให้มันหนึ่งห้องซึ่งอยู่ในคอนโดเดียวกันกลับผมนี่แล่ะแต่อยู่ชั้นล่างเพราะผมรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับมันเจอหน้ามันทุกวัน มันทำให้ผมรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกที่ยังเห็นมันทำอะไรทุกอย่างให้ผมเหมือนเดิมไม่ว่าจะซักผ้ารีดผ้าทำกับข้าวทำความสะอาดห้อง ผมก็เลยคิดว่าเราควรจะแยกกันอยู่ได้แล้ว จนกระทั่งวันนึงที่แม่โทรหาผมแล้วต่อว่าผมยกใหญ่เรื่องที่ผมเลิกกับตะวัน แม่บอกว่าแม่จะไม่รับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นนอกจากตะวันคนเดียว แม่บังคับให้ผมเลิกกับทับทิมแล้วกลับไปง้อตะวัน ตอนนั้นผมทั้งโมโหทั้งไม่พอใจที่ถูกแม่บังคับผมก็เลยไปหามันที่ห้องแล้วบอกถึงสาเหตุที่ผมอยากเลิกกับมัน สุดท้ายแล้วตอนนี้ทั้งผมกับมันเราไม่เหลือสถานะอะไรกันเลยแม้แต่คำว่าเพื่อน...
"พี่ซันคะ พี่ซัน"
" ........"
"พี่ซันเป็นอะไรคะ พี่ซัน" ทับทิมเขย่าแขนผมทำให้ผมหลุดจากสิ่งที่กำลังคิด
"ห้ะ อะไรทับทิมว่าไงนะพี่ไม่ทันฟัง"
"พี่ซันคิดอะไรอยู่คะเนี้ยะ"
"เปล่า"
"พี่ซันขาทับทิมอยากซื้อเครื่องสำอางร้านนู้น" เธอชี้ไปที่ร้านขายเครื่องสำอางขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงมุมถนน
"อื้มอยากได้ซื้อสิ"
" ขอบคุณนะคะพี่ซันใจดีที่สุดเลย^^" จุ๊บ จุ๊บ ทับทิมหอมแก้มผมอย่างดีใจเพราะผมตามใจเธอทุกอย่างอยากได้อะไรก็ซื้อให้ก่อนที่เราจะพาเดินไปยังร้านขายเครื่องสำอาง แต่แว๊บนึงมันทำให้อดที่จะหันกลับไปมองร้านขายสตรอเบอรี่ร้านนั้นอีกครั้งไม่ได้ผมก็เลยให้ทับทิมเข้าไปในร้านขายเครื่องสำอางก่อนส่วนผมก็เดินกลับมาที่ร้านขายสตรอเบอรี่
"ทับทิมเข้าไปข้างในก่อนนะเดี๋ยวพี่ตามเข้าไป"
"พี่ซันจะไปไหนคะ"
"พี่จะซื้อของฝากเพื่อนน่ะ"
"ก็ได้ค่ะ"
ตะวัน....
ฉันตัดสินใจบอกกับพ่อกับแม่เรื่องที่ฉันกับไอ้ซันเลิกกันโดยให้เหตุผลว่าเราเข้ากันไม่ค่อยได้ทะเลาะกันบ่อยเพราะฉันชอบเอาแต่ใจตัวเอง ชอบหาเรื่องทะเลาะกับมัน เป็นฉันเองที่ผิดมันไม่ได้ผิดอะไร ฉันจำเป็นต้องพูดไปแบบนี้เพื่อที่จะไม่ให้พ่อแม่ของฉันกับพ่อแม่ของไอ้ซันต้องมีปัญหากันฉันกลัวว่าถ้าพ่อกับแม่ของฉันรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงมันคืออะไรพ่อฉันคงไม่เอาไอ้ซันไว้แน่ๆ
"แล้วหนูเสียใจมั้ยลูกที่เลิกกับตาซัน"
"ตอนแรกก็เสียใจแต่ตอนนี้หนูทำใจได้แล้วค่ะเพราะหนูทำตัวเอง" ฉันโกหกแม่เพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ
"ดีแล้วล่ะถ้ารู้ว่าไปกันไม่รอดก็เลิกกันซะตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการมีลูกมีเต้าเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแม่อดสงสารหลานไม่ได้" เรื่องนี้ฉันอยากจะบอกกับแม่ว่าไม่ต้องห่วงเลยเพราะตั้งแต่ที่ฉันกับมันมีอะไรกันฉันทานยาคุมมาตลอดไม่มีทางท้องอย่างแน่นอน
"แล้วนี่หนูจะเอายังไงต่อลูก" พ่อกำนันถามฉัน สีหน้าของพ่อฉันรับรู้ได้ทันทีว่าท่านสงสารฉันมากแค่ไหน
"หนูจะตั้งใจเรียนให้จบเพราะเหลืออีกแค่เทอมเดียวเองแล้วหนูจะกลับมาหางานทำที่เชียงใหม่จะได้อยู่ใกล้กับพ่อกับแม่"
"อื้มมม ดี ดี กลับมาอยู่บ้านเรานะ ไม่มีใครรักและหวังดีกับหนูเท่าพ่อกับแม่หรอก" ฉันสวมกอดพ่อแล้วก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไมไ่ด้
"ฮึก ฮึก ฮึก " ฉันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาแต่...
"อยากร้องก็ร้องลูก ร้องให้พอแล้วต่อไปก็เลิกร้องซะ ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก ถ้าหาดีๆไม่ได้ก็อยู่เป็นโสดไปเลยลูก" พ่อกอดปลอบฉันทำให้ฉันยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก ถึงฉันจะทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองเข้มแข็งแต่จริงๆแล้วหัวใจของฉันมันเจ็บปวดและอ่อนแอมาก
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา....
"ตะวันจะไปไหนลูก"
"ไปเก็บสตรอเบอรี่จ๊ะ หนูอยากกินสตรอเบอรี่" คือช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวสตรอเบอรี่จะออกเยอะมากทำให้มีไร่สตรอเบอรี่หลายไร่ที่เปิดให้คนสามารถเข้าไปเก็บเองได้ ฉันโชคดีที่อยู่ที่เชียงใหม่เพราะมีแหล่งปลูกสตรอเบอรี่เยอะ
ฉันปั่นจักรยานมาจนถึงไร่ของลุงกับป้าที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่เด็กเพราะสมัยก่อนฉันมักจะมาขอกินสตรอเบอรี่ที่ไร่ของลุงกับป้าบ่อยๆและท่านก็ใจดีให้สตรอเบอรี่อบแห้งฉันมากินอีกด้วย
"อ้าววตะวัน กลับมาเที่ยวบ้านเหรอลูก" ป้าเจ้าของสวนเอ่ยทักเมื่อเห็นฉันจูงจักรยานเข้ามาจอด
"จ๊ะป้า"
"มาได้ถูกเวลามากเลยลูกช่วงนี้สตรอเบอรี่ในไร่ของป้ากำลังออกเยอะมากลูกใหญ่ๆหวานๆทั้งนั้นเลย"
"เหรอจ๊ะ ดีใจจัง งั้นตะวันขอถังใส่หน่อยจ๊ะ" ป้าเจ้าของสวนเดินไปหยิบถังน้ำพลาสติกที่เอาไว้ใส่สตรอเบอรี่มาให้ฉัน ฉันรับมาแล้วเดินไปเปลี่ยนรองเท้ากับใส่หมวกสานที่ทางไร่เตรียมเอาไว้ให้กับคนที่จะเข้ามาเก็บสตรอเบอรี่ ซึ่งที่นี่จะคิดตามน้ำหนัก ราคาอาจจะสูงกว่าที่สตรอเบอรี่ที่ขายตามข้างทางหน่อยนึงเพราะมันทั้งสดจากต้นและเราสามารถเลือกเองได้ว่าจะเอาลูกเล็กลูกใหญ่ส่วนฉันชอบลูกใหญ่ๆเพราะมันหวานมาก ป้าบอกว่าสตรอเบอรี่ไร่ป้าป้าจะไม่พ่นยาฆ่าแมลงซึ่งฉันสามารถเด็ดแล้วกินได้เลย ฉันก็เด็ดไปชิมไปเก็บจนเพลินจนได้มาเต็มถัง
"นี่จ๊ะป้า" ฉันยื่นถังที่มีสตรอเบอรี่ให้ปัาเพื่อที่แกจะเอาไปชั่งแล้วคิดเงิน
"เอาไปเลยลูกป้าให้ทั้งถังเลยไม่คิดเงิน นานๆกลับมาบ้านที"
"ไม่ได้หรอกจ๊ะของซื้อของขาย ตะวันเกรงใจ^^"
"หึ เกรงใจ ทีเมื่อก่อนกูจำได้ว่ามึงชอบชวนกูมาขอป้าแกกินฟรีอยู่นะกินทีเป็นกิโลๆ" เสียงคุ้นหูทำให้ฉันรีบหันไปทันที
"พอส!!!" ฉันเอ่ยชื่อเจ้าของเสียงนั้นด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่ได้เจอมันนานหลายปี
"อืม กูเอง"
พี่พอสกลับมาแล้วค่าาาาาาาา