ทิชา ทิชานนท์
จังหวะเดียวกันนั้นเสียงริงโทนโทรศัพท์ของดาราหนุ่มดังขึ้น ทิชาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยกขึ้นดูก็รู้ว่าเป็นเบอร์ที่คุ้นเคย
"ว่ายังไงครับพี่แมคมีอะไรหรือเปล่า ผมกำลังจะเดินกลับไปที่รถครับ"
"คุณอานภาโทรมาครับน้องทิชารีบมาที่รถเลยครับ พี่สตาร์ทรถรออยู่ที่หน้าตลาดนะครับ" น้ำเสียงคนปลายสายดูเครียดจนดาราหนุ่มรับรู้ได้
"ได้ครับพี่แมคผมกำลังรีบไปครับ"
ดาราหนุ่มกดวางสายแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคนรัก ซึ่งจันทร์ก็รู้ถึงเรื่องราวที่คนทั้งคู่พูดกันดี
"รีบไปเถอะเดี๋ยวแม่ของนายจะเป็นห่วงเอา" พ่อค้าหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
"จะไปแล้วใช่ไหม รีบๆ ไปให้พ้นตลาดฉัน ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก ถ้าเป็นไปได้นะก็ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีกเลยยิ่งดี อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ข่าวว่าแกกำลังจะหมั้นกับลูกสาวเจ้าของจิวเวลรี่แบรนด์ดังน่ะ รีบหมั้นรีบแต่งแล้วก็ขนเอาตระกูลของแกไปอยู่ต่างประเทศให้หมดด้วยก็ดีนะ ฉันกับพี่จันทร์จะได้มีความสุขกันสักทีไปเลยไป 555" คำถากถางที่ดูเย้ยหยันยังคงถูกพร่ำออกมาจากปากของลูกชายเจ้าของตลาดอย่างไม่ขาดคำ
ทันทีที่เขาได้ฟังคำบอกของพ่อค้าหนุ่มที่พูดต่อดาราหนุ่มจบลงพร้อมทั้งยังมีเสียงหัวเราะที่แสดงออกถึงการมีชัยชนะในสงครามน้ำลายครั้งนี้ ทำให้ควีนต้องเจ็บตัวอีกครั้งเมื่อดาราหนุ่มวิ่งเข้าไปปล่อยหมัดเน้นๆ เข้าที่รอยเดิมอีก 2 ครั้งติดๆ กัน เป็นไปตามคาดไม่มีใครสามารถช่วยป้องกันปากน้อยๆ ของควีนได้ทันอีกเช่นเคยและผลการกระทำจากน้ำมือของดาราหนุ่มก็ไปตกที่ลูกน้องคนสนิทอย่างเขมอีกตามเคย
ทำให้ทิชารีบวิ่งเข้าไปประคองเขมให้ลุกขึ้นมา หลังจากถูกฝ่ามือเล็กของเจ้านายตบจนล้มลงเป็นครั้งที่สองก่อนที่ดาราหนุ่มจะกล่าวขอโทษคนเจ็บอย่างคนรู้สึกผิด
"ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะครับเขมที่ทำให้คุณต้องมาเจ็บตัวแทนผม เจ้านายของคุณมันใช้ไม่ได้จริงๆ รู้ว่าสู้ผมไม่ได้ก็ไปลงที่คุณ ผมมีข้อเสนอให้คุณอยู่ที่ว่าคุณจะสนใจไหม?"
ดาราหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกเห็นใจลูกน้องคนสนิทของอีกฝ่ายเป็นอย่างมากก่อนจะชำเลืองมองควีน คนที่เป็นผู้ทำร้ายลูกน้องที่จงรักภักดีอย่างเขมได้ลงคอ
"คุณทิชาอย่าเรียกผมว่าคุณเลยครับ ผมเป็นเพียงลูกน้องคนหนึ่งที่ไม่ได้มีเกียรติและศักดิ์ศรีอะไรมากมาย คุณลดตัวเรียกผมแบบนี้ผมรู้สึกไม่ดีครับ ผมไม่รู้นะครับว่าข้อเสนอที่คุณเสนอให้ผมมันคืออะไร ผมไม่สามารถจะรับข้อเสนอคุณได้จริงๆ เพราะผมต้องทำงานใช้หนี้แทนพ่อของผมที่เคยไปยืมเงินเจ๊หยกไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย ผมจึงถูกเพื่อนของพ่อส่งมาทำงานใช้หนี้จนกว่าจะหมดครับ ไม่ว่าผมจะเจออะไรหนักหนามากแค่ไหน ยังไงสิ่งเดียวที่ผมต้องทำคือ "อดทน" ผมขอขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม"
เมื่อทุกคนได้ฟังเรื่องราวที่เขมเล่าให้ฟัง ส่งผลให้ดาราหนุ่มถึงกับต้องเสียน้ำตาเพราะความเห็นใจ ซึ่งพ่อค้าหนุ่มก็มีอาการไม่ต่างกันเพราะว่าเขามีอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่าลูกน้องคนสนิทของควีนเสียอีก
ทางลูกชายเจ้าของตลาดกลับมีสีหน้าเย้ยหยัน สะใจ มีความสุขกับสิ่งที่เขาได้ฟังจากปากลูกน้องของเขาก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจมากขึ้น
"หนี้สินที่พ่อมันได้สร้างเอาไว้ไม่ใช่น้อยๆ นะ มันคงไม่มีปัญญาหาเงินจำนวนนั้นมาชดใช้ได้ทันเวลาหรอก ดีแล้วล่ะที่ได้มันมาเป็นขี้ข้า ฉันเองจะได้ไม่ต้องเปลืองมือเปลืองตีนไปทำร้ายใครเพราะมันนี่แหละฉันถึงได้สบายไม่ต้องออกแรงเอง หึๆ...” ควีนกล่าวด้วยท่าทางจีบปากจีบคออย่างน่าหมั่นไส้ สร้างความเกลียดชังให้แก่ดาราหนุ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
"พูดแบบนี้จะเอาอีกใช่ไหมแต่บอกไว้ก่อนเลยนะคราวนี้ผมจะไม่ใช้มือ คนทุกคนเขามีศักดิ์ศรี มีคุณค่า ไม่เกี่ยวกันหรอกนะว่าจะเป็นคนรับใช้หรือเป็นเจ้านาย เขาก็คือคนเหมือนคุณเช่นกัน คุณคงไม่เข้าใจเรื่องความเป็นมนุษย์หรอกสินะ เพราะจิตใจของคุณมันคงจะดำมืดแทบจะมองหาสีแดงของเลือดบริสุทธิ์ไม่เจอ ผมอยากรู้ว่าพ่อของเขมเป็นหนี้แม่ของคุณเท่าไหร่ผมจะเป็นคนชดใช้ให้ทั้งหมดเอง เขมจะได้เป็นอิสระจากคนใจร้ายอย่างคุณเสียที..."
ควีนได้ฟังเช่นนั้นก็รีบพูดสวนขึ้นทันที ด้วยท่าทางรนรานและตื่นตระหนกเหมือนกำลังจะแสดงออกถึงอะไรบางอย่าง "ไม่ได้นะ!! แกจะทำแบบนั้นไม่ได้!..."
"ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อคุณทำกับเขาเหมือนเขาไม่ใช่คน ผมทนดูเหตุการณ์แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าคุณไม่บอก เดี๋ยวผมจะไปถามเจ๊หยกเอง เพราะแม่ของคุณเป็นแฟนคลับของผมอยู่พอดี"
ยิ่งควีนได้ฟังแบบนั้นเขาเริ่มมีอาการแปลกๆ มากขึ้น สีหน้าตกใจ รนราน กระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันเขมลูกน้องคนสนิทก็เริ่มมีอาการคล้ายๆ กัน แต่ไม่มากเช่นนายของเขา
ทำให้ดาราหนุ่มอดสงสัยไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าวของทั้งคู่ แต่ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าที่จะให้อิสระแก่เขม จึงรีบเดินไปที่รถหน้าตลาดที่มีใครคนหนึ่งสตาร์ทรถรอเขาอยู่เป็นเวลานาน โดยมีจันทร์พร้อมกับคนทั้งสองเดินตามมาด้วยท่าทางแปลกๆ ตลอดทางเดิน
รถเบนซ์สปอร์ตสีดำสตาร์ทจอดรอใครคนหนึ่งที่หน้าตลาดพร้อมกับชายหนุ่มร่างกำยำพอประมาณบวกกับความสูงที่เกินมาตรฐานชายไทย ยืนพิงรถในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนและมีเสื้อหนังสีดำคลุมทับ กอดอกยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเป็นระยะ แว่นดำที่ใส่ทำให้ใบหน้าดูโดดเด่น ตัดกับผิวขาวของเขาอย่างถนัดตา ผมหยักศกยาวเลยบ่าสีดำขลับถูกรวบแบบรวกๆ ไว้ที่ท้ายทอย ส่งผลให้เขาเป็นจุดสนใจสาวๆ รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ต่างส่งสายตามองเขาเป็นสายตาเดียวกันแถมบางครั้งยังมีการส่งรอยยิ้มหวานๆ ของพวกเธอให้เขาอยู่ตลอดแทบทุกคน หากมองดีๆ ชายหนุ่มคนนี้ดูเซอร์ๆ ซึ่งอาจจะเป็นสเปคของสาวๆ หลายคน ขณะที่เขากำลังยืนรอใครอยู่ คนๆ นั้นก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับชายหนุ่มอีกสามคน
"พี่แมคผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้พี่รอนาน"
ดาราหนุ่มกล่าวขอโทษชายหนุ่มมาดเซอร์พลางยกมือขึ้นไหว้แล้วสายตาของเขาก็เห็นความผิดปกติที่หลังมือขวาของทิชาก่อนที่จะคว้ามือนั้นเข้ามาดู
"ไปโดนอะไรมาอีกแล้วครับเนี่ยน้องทิชา"
ชายหนุ่มถามขณะที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเทาเช็ดเลือดที่ออกตามแผลเล็กๆ ที่บริเวณหลังมือของดาราหนุ่ม ระหว่างที่ดาราหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากตอบ จันทร์ก็รีบเดินเข้ามาแล้วชิงตอบก่อนอย่างมีเหตุมีผล
"คือเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรแล้วครับ พี่แมคพาทิชากลับไปหาคุณนภาเถอะครับ"
"ไม่! ผมจะไปบ้านของเจ๊หยกก่อนแล้วต้องไปเดี๋ยวนี้ด้วย..”
ดาราหนุ่มปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะบอกจุดหมายปลายทางให้แก่พี่ชาย
ลูกชายเจ้าของตลาดรีบสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนไปที่บ้านของตน "แกจะไปที่บ้านฉันทำไม บ้านของฉันไม่ต้อนรับแก!"
"เดี๋ยวคุณก็รู้ว่าเจ๊หยกจะต้อนรับผมไหม ไปกันเถอะครับพี่แมค จันทร์ขึ้นรถคุณเขมด้วยครับ"
ทันทีที่ทุกคนก้าวขึ้นรถกันไปหมด ยิ่งทำให้เป็นลูกชายเจ้าของตลาดต้องวิ่งไปที่รถยนต์ของตนเองด้วยความรีบร้อน ก่อนจะขับรถยนต์ของตนขับตามรถเบนซ์สปอร์ตของดาราหนุ่มไปอย่างกระชั้นชิด
"ไม่ได้นะ... เขมแกจะไปจากฉันไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมให้แกไปจากฉันเด็ดขาด" ควีนพยายามเหยียบคันเร่งเพื่อจะขับรถยนต์ตามรถเบนซ์คันด้านหน้าไปให้ทัน ด้วยความเร็วและแรงของรถยนต์บวกกับความไม่คุ้นชินกับรถประเภทนี้ส่งผลให้ควีนไม่สามารถบังคับรถได้ดีเท่าที่ควรทำให้รถยนต์ส่ายไปส่ายมาอย่างน่าหวาดเสียวตามหลังรถเบนซ์สปอร์ตอยู่ไม่ห่าง