ตอนที่ 9
มุกดารินทร์ปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูอย่างช้าๆ พยายามซ่อนความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับอาเธอร์ในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ เธอกอดกระเป๋านักเรียนแน่น ก่อนจะแอบเหลือบมองใบหน้าคมของเขากำลังขับรถอยู่ อาเธอร์ยังคงนิ่งเฉย หลังขับรถออกมาจากบริเวณโรงเรียนได้สักระยะเขาก็เอ่ยขึ้น
“วันนี้เป็นไงบ้าง…” เสียงทุ้มต่ำทำลายความเงียบในรถ มุกดารินทร์แปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าอาเธอร์จะเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
“ก็…ดีค่ะ เพื่อนใหม่ น่ารักทุกคนเลย” เธอตอบแผ่วเบา ก่อนจะพยายามหันหน้าไปมองวิวข้างทางเพื่อหลบสายตาที่รู้สึกเหมือนกำลังจ้องมองเธออยู่
อาเธอร์ไม่ได้ถามอะไรต่อ รถสปอร์ตแล่นไปบนถนนที่การจราจรติดขัด มุกดารินทร์รู้สึกได้ถึงความร้อนจากแสงแดดยามเย็นที่สาดเข้ามาทางกระจกด้านข้าง เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลบแดด แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
ขณะรถจอดติดไฟแดง มือหนาของอาเธอร์ก็ยื่นเข้ามาใกล้ ก่อนจะเลื่อนม่านกระจกขึ้นเพื่อกันแสงแดดให้เธอ พร้อมกับเร่งพัดลมแอร์ให้แรงขึ้นอีกนิดโดยไม่ได้พูดอะไร สัมผัสแนบชิดของเขาเฉียดผ่านเรือนร่างของเธอเมื่อครู่ ก็ทำให้มุกดารินทร์รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง จนเด็กสาวต้องนั่งตัวเกร็งใบหน้าร้อนผ่าวในเวลาต่อมา
“ห้าโมงเย็นแล้ว แต่แดดยังแรงอยู่เลย เธอร้อนมากมั้ย” เสียงทุ้มถามเรียบๆ แววตาคมกริบเหลือบมองเธอเพียงเสี้ยววินาที ในขณะที่รถเคลื่อนตัวได้ทีละน้อย
“ไม่แล้วค่ะ...ขอบคุณค่ะ” เธอตอบรีบบอกเสียงเบา เพราะหลังจากที่เขาเร่งพัดลมแอร์ อุณหภูมิในรถก็ต่ำลง มีเพียงแค่ความรู้สึกร้อนรุ่มในใจของมุกดารินทร์เท่านั้น
อาเธอร์ยิ้มมุมปาก เขาชอบปฏิกิริยาของน้องสาวเมื่อสักครู่ ชอบเวลาที่มุกดารินทร์แสดงอาการเขินอายทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ ความน่ารักไร้เดียงสาของเธอกำลังทำให้พี่ชายอย่างเขารู้สึกว้าวุ่นและควบคุมตัวเองได้ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกทีอย่างไม่รู้ตัว พอขึ้นทางด่วนเรียบร้อย การเดินทางก็สะดวกขึ้น
หลังจากลงทางด่วนมา ทั้งสองก็ต้องมาเจอกับสภาพถนนที่มีแต่รถติดเหมือนในคราแรก มีรถราจอดนิ่งสนิทบนท้องถนนนับพันคัน อาเธอร์ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองดูนาฬิกาบนจอกลาง แล้วหันมามองมุกดารินทร์ที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ
“เอากระเป๋ามาดูสิ…ไปเรียนวันแรกได้อะไรบ้าง” สิ้นเสียงเขาก็ยื่นมือมาดึงกระเป๋าเป้ของเธอไปวางบนตักตัวเองอย่างถือวิสาสะ
“พี่อาเธอร์!” มุกดารินทร์อุทานอย่างตกใจ พยายามจะแย่งกระเป๋าคืน แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้
“ขอดูหน่อย!!!” เขาเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่อาเธอร์กำลังจะรูดซิปกระเป๋าเปิดออก มุกดารินทร์ก็รีบเอื้อมมือไปจับข้อมือแกร่งของเขาไว้แน่น ราวกับจะยื้อยุดไม่ให้เขาก้าวล่วงเข้าไปในโลกส่วนตัวของเธอได้สำเร็จ
แต่เมื่อสายตาคมที่ดุดันของอาเธอร์ก็ทำให้มุกดารินทร์รู้สึกเกรงกลัวจนทำอะไรไม่ถูก มือของเธอที่เคยจับกุมเขาไว้แน่นพลันคลายออกทันที ก่อนจะหดกลับมาแนบลำตัวอย่างรวดเร็ว เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตาของเขาอีก เด็กสาวได้แต่ก้มหน้างุด ปล่อยให้อาเธอร์กระทำในสิ่งที่เขาต้องการด้วยท่าทางที่ยอมจำนน
“ในกระเป๋าเธอ...มีอะไรที่ฉันไม่ควรให้เห็นงั้นเหรอ?” อาเธอร์ถามเสียงเรียบ แววตาคมกริบเต็มไปด้วยความอยากรู้
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่มันเป็นของใช้ผู้หญิง” เธอพยายามอธิบาย เสียงสั่นเครือ อาเธอร์ไม่ตอบ ก่อนจะรูดซิปกระเป๋าเป้ออกอย่างไม่สนใจเสียงห้ามปรามของมุกดารินทร์ราวกับจะแกล้งเธอ มุกดารินทร์ไม่คิดว่าเขาจะดื้อดึงถึงขนาดนี้
เด็กสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อทันที เธอไม่คิดว่าเขาจะค้นกระเป๋าของเธอจริงๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นมือของเขาที่กำลังจะหยิบ สมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ด้านบนสุดของกระเป๋าออกมา
“เล่มนั้นไม่ได้นะคะ!” มุกดารินทร์ร้องห้ามเสียงหลง เธอรีบเอื้อมมือไปขวางไว้สุดกำลัง และพยายามจะคว้าสมุดคืนด้วยความร้อนรน แต่ด้วยความที่อาเธอร์มีช่วงแขนที่ยาวกว่า เขากลับยื่นแขนข้างที่ถือสมุดออกไปไกลอีกนิด ทำให้ปลายนิ้วของเด็กสาวสัมผัสเพียงอากาศ ก่อนที่มุกดารินทร์จะเอื้อมออกไปจนสุดตัว ร่างกายแทบจะลอยตามไป แต่ก็ยังไม่สามารถคว้าสมุดเล่มนั้นกลับคืนมาได้ ความรู้สึกสิ้นหวังและความอับอายถาโถมเข้าใส่ เมื่อรู้ว่าความลับที่เธอซ่อนไว้กำลังจะถูกเปิดเผยต่อหน้าเขา
และในเสี้ยววินาทีนั้น ร่างของมุกดารินทร์แนบชิดกับอกแกร่งของอาเธอร์อย่างไม่ตั้งใจ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวโชยแตะจมูกเขา ทำให้หัวใจของอาเธอร์เต้นระรัวอย่างประหลาด เขาอดไม่ได้ที่จะโอบกอดเธอไว้หลวมๆ เพื่อกันไม่ให้เด็กสาวเอื้อมมาแย่งสมุดคืน ดวงตาคมกริบของเขาสบเข้ากับดวงตาที่เบิกกว้างของมุกดารินทร์ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้บรรยากาศภายในรถอบอวลไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ ทั้งความประหม่า ความหวั่นไหว และความปรารถนาที่ซ่อนเร้น