โคร้ม!!!!!!
เสียงเก้าอี้ถูกโยนลอยกระทบพื้นโดยฝีมือผู้ชายร่างใหญ่เด็กหญิงคนหนึ่งหลบมุมอยู่ซอกลึกข้างหลังตู้โซมๆ สะดุ้งตกใจตัวสั่นผวาไม่กล้าออกมาจากที่ซ่อน
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม ห๊ะ!!”
พลั่ก!!!
“โอ๊ยยยฮึก ฮ....ฮึก” หญิงสาวที่ถูกพลักร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“ถ้าคิดจะหักหลังฉันแกจะเป็นยังไง”
“หนูกลัวแล้ว ฮึก ฮือออ”
เด็กหญิงใบหน้าหวานแต่ดวงตาหมองหมน ร่างกายถูกทำร้ายเลือดไหลตามศีรษะเป็นทาง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เธอสั่นตัวถอยหนีชายร่างใหญ่เดินเข้าไปใกล้ มือใหญ่บีบปากเธอแน่นกระซิบข้างหูร่างบาง เธอคนนั้นนิ้วหน้าด้วยความเจ็บ กลัวจนตัวสั่น
“หลับให้สบายนะเด็กน้อย”
“กรี๊ดดดดดดด”
เฮือกกกกก
“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้การบินXX ได้นำท่านมาถึงที่หมายแล้วกรุณา...............”
“ฝันอีกแล้วเหรอ เหมือนจริงเป็นบ้า”
ใช่ค่ะ คุณฟังไม่ผิดฉันฝัน! ฝันเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด 3 ปี เป็นฝันที่น่ากลัวมาก เหมือนมันเกิดขึ้นในชีวิตจริงเลย ในฝันภาพเด็กผู้หญิง 2 คนนั้นใบหน้าเบลอๆ จนไม่รู้ว่าคือใคร แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นถึงต้องทำร้ายพวกเธอด้วย มันเป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นกับฉันเป็นครั้งคราว ฉันก็ยังหาคำตอบกับมันไม่ได้สักที แต่ช่างฝันมันเถอะเพราะตอนนี้ได้เวลาลงจากเครื่องแล้ว
ประเทศญี่ปุ่น
ร่างบางผมยาวประมาณกลางหลัง สีบลอนทอง สูง 160 ซม. ตัวเล็กผิวขาวเหมือนน้ำนม ใบหน้านวลใสที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางสีอ่อนๆ โทนสีพีช เธอลากกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบิน
“ถึงสักที ญี่ปุ่นของฉัน”
ฉันชื่อ โลมาค่ะ ถามว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่า....ว่า...น้องงงง เป็นสาวขอนแก่นยังบ่เคยมีแฟน บ้านอยู่แดนอีสานนน อะ อะ อะ อะอะ พอ! โลมาจะเป็นอิสระแล้วโว้ย จะแอบเที่ยวให้เต็มอิ่มเลย ว่าไปนั้น ^^ ที่จริงฉันมาหาหมอค่ะ อ่า....ไม่บอกหรอกนะว่ามาหาทำไม ประจวบเหมาะกับที่พี่ชายที่สุดแสนจะน่ารักของน้อง โทรเช้า โทรกลางวัน โทรเย็นจนน้องที่น่ารักต้องบินมาหาถึงที่ พูดแล้วก็คิดถึงโทรหาสักหน่อยดีกว่า
…Trrrrrrrrr…
(ว่าไงยัยตัวแสบ)
“คิดถึงฉลาม”
(คิดถึงก็มาหาพี่สิ ปิดเทอมแล้วนี่)
“ไม่เอาหรอกน้องไม่อยากไปกวนฉลามทำงาน ฉลามจะได้ไม่เหนื่อยที่ต้องมาดูแลน้องด้วย”
(ห้ามพูดแบบนี้อีกนะสำหรับพี่ โลมาคือความสุขของพี่ครับ ไม่มีทางที่พี่จะเหนื่อยกับโลมา เข้าใจมั้ย)
“เข้าใจค่ะ แค่นี้ก่อนนะโลมาจะไปห้างกับคุณป๊า”
(ครับๆ ดูแลตัวเองดีๆนะ ฝากบอกคิดถึงคุณป๊าด้วย)
“ค่ะ รักฉลามนะ”
^^ หึๆ แค่คิดก็ฟินแล้ว อิสระ 3 วันของฉันมาเที่ยวญี่ปุ่นโดยที่ไม่บอกฉลาม ไม่ใช่ว่าไม่บอกนะแค่จะมาเซอร์ไพรส์พี่ชายเฉยๆ อุส่าหคิดแผนตั้ง 2 วันเอาตีนก่ายหน้าผากก็แล้ว เขี่ยอุนจิเจ้ากวางตุ้ง (หมา) ก็แล้ว จนคุณป๊าเดินมาเขกหัวบอกว่ามันสกปรก โป๊ะเชะ! กับคุณหมอที่รักษาย้ายไปประจำการที่ญี่ปุ่นพอดี ฉันเลยขอคุณป๊ามารักษาโรคบ้าๆ นี้ และมาเซอร์ไพรส์พี่ชายด้วย แต่ก่อนจะเซอร์ไพรส์ขอเที่ยวให้หนำใจ 3 วันก่อนแล้วกัน โตเกียวดิสนีย์แลนด์จ้า รอโลมาก่อนนะจ๊ะ
ตุ้บ
ตุ้บ
ปัก (-_-)
ยังไม่พ้นสนามบินเลยตัวฉันนั้น ก็ได้เบิกฤกษ์ความซวยซะแล้ว เสียงที่หนึ่ง คือเสียงกระเป๋าฉันเองคะ ส่วนสองนั้น มือถือสุดหรูที่พึ่งถอยใหม่มาสดๆ ร้อน และสาม ตัวฉันนั้น ได้เนรเทศก้นตัวเองลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น ช่างเป็นกุลสตรีจริงๆ -_-!
โลมายัยซุ่มซาม!!
“เจ็บ”
“เป็นอะไรไหม” เสียงทุ้มสำเนียงไทยแท้ดังขึ้นเป็นจังหวะที่ฉันลุกขึ้นยืนเงยหน้ามองเจ้าของร่างสูงตรงหน้า ชั่วขณะที่สบตากับดวงตาคมดุคู่นั้น ความรู้สึกบางอย่างของก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เต้นไม่เป็นจังหวะยามรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าเผยออกมา
“ม...ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อปฏิเสธ
“แต่ว่ามือคุณมีเลือดออก” คนตรงหน้าพูดจบ ฉันยกมือตัวเองขึ้นมองดู อ่า… ได้เเผลจนได้
“ไปทำแผล” เสียงของคนตรงหน้าบอกฉันพร้อมกับเก็บของที่ตก มืออีกข้างจับมือฉันที่เป็นแผลลากฉันเดินไปร้านคาเฟ่ใกล้ๆ วางของที่ถือไว้ตรงหน้าจับฉันให้นั่งลง
“นั่งรอตรงนี้ก่อน” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยบอกฉันแล้ววิ่งออกจากร้านไป กะพริบตาปริ่มๆ ด้วยความมึนงง แล้วทำไมฉันต้องมากับเขา ยัยโลมาแกเชื่อฟังคนไม่รู้จักได้ไงเนี่ย มืออีกข้างจับเพื่อฟังเสียงก้อนเนื้อข้างซ้ายที่กลับมาเต้นปกติแล้ว เมื่อกี้มันคืออะไรฉันเป็นอะไรไป นั่งเถียงกับตัวเองสักพักร่างสูงตรงหน้าที่หายไปวางถุงอะไรบางอย่างตรงหน้าฉัน
“?”
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจคนตรงหน้าพร้อมกับเอื้อมมือฉันไปจับเอง ด้วยความตกใจฉันพยายามดึงมือกลับ สายตาคมดุจับจ้องมาที่ฉันเพื่อเป็นการบอกนัยๆ
“อย่าดื้อ”
“โลมาทำเองได้” ด้วยความตกใจลืมตัวจนเผลอพูดชื่อแทนตัวเองขึ้นมา ร่างสูงตรงหน้าเปิดถุงหยิบอุปกรณ์ออกมาทำแผลอย่างเบามือ
“พี่ทำให้ครับ”
ตึกตัก ตึกตัก
อีกแล้วใจฉันเต้นอีกแล้ว มือเบาจังรู้สึกอุ่นๆ คนที่พึ่งเจอตรงหน้าเขาเป็นใครกันนะ
“โอ๊ะ เจ็บ” ฉันสะดุ้งเมื่อเบต้าดีนโดนแผล รีบชักมือกลับแต่คนตรงหน้าไม่ยอมปล่อยมือเลย
ฟู่ ฟู่ ~
สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจมากกว่านั้น คือคนตรงหน้าก้มลงมาเป่าแผลให้ฉัน อีกแล้วใจเต้นอีกแล้ว
ฉันจะตายไหมเนี่ย ><
“หายแสบหรือยัง”
“หะ หายแล้วค่ะ”
“หึ” คนตรงหน้าเผยยิ้มมุมปากมองหน้าฉัน
“เอ๋ พี่เป็นคนไทยเหรอคะ” ลืมไปเลยว่าเราคุยกันภาษา ไทยอยู่ ดูจากรูปร่างแหละความสูงพี่เขาแล้วน่าจะอายุเยอะกว่าฉัน
“อืม” เสียงทุ้มเอ่ยตอบสั้นๆ จากนั้นนำพลาสเตอร์ลายหมีพูห์...ที่ดูไม่เข้ากับพี่แกเลย ปิดแผลให้ฉัน เสร็จสักที
“ขอบคุณค่ะ”
“มาคนเดียว?”
“คะ เอ่อ… มาคนเดียวค่ะ”
“พักอยู่ที่ไหน” สายตาคมจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้ารอคำตอบ
“โรงแรมxxx ค่ะ” นี่ฉันเป็นอะไรไปทำไมต้องบ้าจี้ไปตอบพี่เขาทุกคำถามด้วย
“เอ่อ…ฉันต้องไปแล้ว ขอบคุณที่ทำแผลให้นะคะแล้วก็ขอโทษด้วยที่เดินชนค่ะ” ฉันลุกขึ้นยืนเก็บของ ลากกระเป๋าเตรียมจะออกจากร้าน ไม่ลืมที่จะก้มหัวขอบคุณเขาอีกครั้ง แล้วเดินออกจากร้านไป ทว่า ในขณะที่จะเดินออกจากร้านนั้น แขนกลับถูกคว้าไว้ด้วยมือใหญ่ของร่างสูงที่เป็นคนแปะพลาสเตอร์หมีพูห์ให้ ฉันเอียงคอเลิกคิ้วข้างหนึ่งเชิงถามคนตรงหน้าที่เลื่อนมือจากแขนลากลงมากุมมือฉันไว้
“เดียวไปส่ง”