เกวลินแวะมาเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดและขับรถยนต์คู่ใจมุ่งหน้าสู่พัทยาเพื่อพักผ่อนและชาร์ตพลังให้ร่างกาย ใครกันนะที่เป็นคนต้นคิดว่าอกหักต้องมาทะเลแล้วเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยสิ สองวันที่ผ่านมาเธอกินน้ำตาต่างข้าวและหลับไปพร้อมคราบน้ำตาทุกคืน เป็นใครก็ทำใจยากเมื่อผู้ชายที่คบกันมาสี่ปีและวาดฝันถึงการมีครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันมาบอกเลิกเพื่อไปคบผู้หญิงอีกคนทั้งที่เพิ่งเจอกัน หญิงสาวนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้รู้จักกับแทนไท เธอเข้ามาทำงานในโรงแรมห้าดาวแห่งนี้ในตำแหน่ง sale catering หรือเซลล์ที่ดูแลในส่วนของการขายแพ็กเกจแต่งงานและห้องจัดเลี้ยง เธอได้พบกับแทนไทครั้งแรกในห้องอาหารของพนักงานซึ่งขณะนั้นเขายังอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการแผนกคอมพิวเตอร์
ชายหนุ่มแสดงท่าทีสนใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นและเข้ามาจีบอย่างจริงจัง จนเธอใจอ่อนยอมคบหากับเขาเพราะความจริงใจให้เกียรติ รวมถึงแทนไทเป็นผู้ชายที่ตรงสเปคเธอทุกอย่าง ทั้งหน้าตาดี บุคลิกภาพดี และอายุมากกว่าเธอถึงห้าปี เกวลินบอกตัวเองเสมอว่าหากจะต้องแต่งงานเธอจะเลือกคู่ชีวิตที่อายุมากกว่าเท่านั้น เพราะเขาจะได้ช่วยบอกช่วยสอนและเป็นผู้นำให้เธอในทุกๆ ด้าน และอีกเหตุผลคือการมีแฟนอายุมากกว่าทำให้เธอสามารถออดอ้อนมีมุมกุ๊กกิ๊กน่ารักได้มากว่าคนอายุเท่ากันหรือน้อยกว่า แทนไทมีทุกอย่างครบตามที่เธอต้องการ เธอจึงไม่รีรอที่จะตกลงเป็นแฟนกับเขา
หลังคบกันได้หกเดือนแทนไทก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการแผนกไอที เธอและเขาไปฉลองด้วยกันที่ร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่งและระหว่างที่เขาขับรถมาส่งเธอที่คอนโด เธอก็เสียจูบแรกในชีวิตสาวให้กับเขาด้วยความเต็มใจ แค่คิดถึงเกวลินก็เผลอยกมือขึ้นถูริมฝีปากอย่างรังเกียจ น่าแปลกที่อาการเจ็บช้ำจากการถูกทิ้งไม่ได้เจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างที่คิด หลังจากร้องไห้จนสาแก่ใจตลอดสองวันที่ผ่านมา เธอก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดเสียใจทุเลาลงไปมาก ถึงแม้จะไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้งเพราะยังเผลอนึกถึงช่วงเวลาดีๆ กับเขาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา และเสียดายเวลาที่เธอควรจะได้ใช้กับผู้ชายดีๆ ที่เหมาะสมและคู่ควรจะมาเป็นคู่ชีวิต ตอนนี้เธอเป็นสาวเลขสามเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่านับจากนี้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าเธอจะเปิดใจรับใครเข้ามาในหัวใจได้อีกครั้ง และคำถามคืออะไรล่ะเป็นตัวชี้วัดว่าเขาจะเป็นคนดีจริงๆ ในเมื่อคนที่คบกันมาถึงสี่ปียังเปลี่ยนไปเพียงชั่วเวลาเพียงหนึ่งเดือน ยิ่งคิดเกวลินก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจจนถามตัวเองว่าหรือเธอควรมุ่งมั่นสู่คานทองอย่างลัดดาเพื่อนสนิท ที่ขณะนี้สนุกกับการทำงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินแถบตะวันออกกลาง
ฝ่ายนั้นตั้งปณิธานไว้ว่าจะทำงานเที่ยวและเก็บเงินสำหรับใช้ในบั้นปลายชีวิตที่บ้านพักคนชรา เพราะไม่คิดจะแต่งงานมีครอบครัวและก็จะไม่เป็นภาระใครด้วยการไปใช้บั้นปลายชีวิตในบ้านพักคนชรา ที่มีคนดูแลและมีเพื่อนมากมายไม่เหงาอย่างแน่นอน แค่คิดถึงเพื่อนรักของเธอก็โทรเข้ามาหาพอดี เกวลินหยิบสมอล์ทอล์กมาใส่ที่หูและกดรับผ่านพวงมาลัย
“ว่าไงจ๊ะ” เกวลินทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส
“แกโอเคใช่ไหมเกล” ลัดดาถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลทำให้เกวลินยิ้มออกมาอย่างซึ้งใจ ที่แม้จะอยู่คนละซีกโลก แต่เพื่อนรักของเธอก็โทรมาถามด้วยความห่วงใย เพราะทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าเธอกับแทนไทเลิกรากัน
“ก็ดีขึ้นแล้วนะ แกไม่ต้องห่วงนะดา ฉันไม่อ่อนแอตายเพราะอกหักแค่นี้หรอก ชีวิตยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย” เกวลินพูดอย่างที่ใจคิด เพราะผู้หญิงอย่างเธอจะไม่ยอมตายเพราะบูชาความรักอย่างแน่นอน สำหรับคนอื่นเธอไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้วความรักต้องใช้ทั้งหัวใจและสมอง
“วันนี้แกไม่มีบินเหรอ”
“มีสิ ตอนนี้กำลังนั่งรถไปโรงแรมที่พัก ฉันก็เลยโทรหาแกได้”
“อ๋อ แล้วแกเป็นไงบ้าง” เกวลินถามเพื่อนเพราะโดยส่วนมากแล้วทั้งสองจะคุยกันทางไลน์มากกว่า เพราะเวลาที่ต่างกันแล้วอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าขณะนั้นเพื่อนสาวอยู่ส่วนไหนของโลก การแชทคุยในไลน์จึงสะดวกกว่าเพราะหากว่าลัดดาไม่ว่างก็จะมาตอบกลับทีหลังเมื่อสะดวก แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังติดต่อพูดคุยกันอยู่เสมอ
“ฉันเหรอ ก็สบายดีและสนุกกับงานมากๆ และยังยืนยันที่จะมุ่งสู่หมู่บ้านคานทองเช่นเดิม” เกวลินขำที่เพื่อนสาวยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมอย่างแน่วแน่
“นักบินหล่อๆ กับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสที่แกดูแลไม่มีใครทำให้แกหวั่นไหวได้บ้างเลยเหรอ”
“ไม่มีอะ ฉันไม่ให้ใครมาสั่นคลอนความตั้งใจฉันได้หรอก ตอนนี้มุ่งมั่นบินเก็บเงินอย่างเดียวเท่านั้น แกสนใจจะมาอยู่หมู่บ้านคานทองกับฉันไหมล่ะ” ลัดดาแกล้งแหย่ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนสนิทนั้นใฝ่ฝันถึงการมีครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกๆ ที่น่ารักมากขนาดไหน
“คงไม่หรอกแก ถึงฉันจะเจอผู้ชายเฮงซวยขนาดไหน แต่ฉันก็เชื่อว่าชาติก่อน ฉันต้องทำกรรมดีเอาไว้บ้าง เพราะฉะนั้นสวรรค์คงไม่ใจร้ายสาปให้ฉันเจอแต่ผู้ชายแย่ๆ หรอก ฉันเชื่อว่ามันต้องมีใครสักคนที่เกิดมาเพื่อเป็นของฉันจริงๆ”
“จ้ะ ฉันเอาใจช่วยแกนะ ถึงโรงแรมแล้วแค่นี้ก่อนนะเกล วันนี้ไฟลท์เต็มร่างแทบแหลก”
“โอเค บายจ้ะ คิดถึงแกนะเพื่อน”
“คิดถึงเหมือนกัน บาย”
เกวลินยิ้มกับตัวเองแม้เธอจะเสียคนรักไป แต่เธอยังมีหลายคนที่รักและพร้อมจะยืนเคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลัดดาเพื่อนสนิทหรือพี่สาวกับมารดา ที่พอรู้ข่าวก็เป็นห่วงและดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ทั้งทำอาหารที่ชอบให้กินทั้งชวนไปเที่ยวพักผ่อน นั่นเป็นกำลังใจชั้นดีที่ทำให้เธอผ่านเรื่องแย่ๆ เหล่านี้ไปได้อย่างที่ไม่สาหัสสากรรจ์นัก
เกวลินใช้เวลาขับรถเพียงสองชั่วโมงก็มาถึงพัทยา หลังจากจัดของเข้าที่พักซึ่งเป็นบังกะโลติดชายหาดเสร็จเรียบร้อยเธอก็หิ้วถุงที่มีตราร้านสะดวกซื้อชื่อดังไปนั่งที่โต๊ะบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านพักซึ่งอยู่ติดทะเล แม้ขณะนี้จะเป็นเวลาห้าทุ่มแล้วแต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินอยู่บริเวณชายหาดบ้างประปราย เนื่องจากบริเวณนี้เป็นหาดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวมีเพียงลูกค้าของโรงแรมเท่านั้นที่สามารถมาเล่นน้ำบริเวณนี้ได้ หญิงสาวหยิบไวน์ขวดเล็กและเบียร์ออกมาดื่มขณะทอดอารมณ์มองออกไปกลางทะเลดำมืด ฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาดทรายไม่ต่างจากเสียงดนตรีขับกล่อมผู้มาเยือน
สายลมเย็นๆ ที่ปลิวมาปะทะผิวกายทำให้เธอต้องกระชับผ้าคลุมไหล่แน่นขึ้น แต่ยังไม่คิดจะเคลื่อนย้ายเข้าที่พัก บรรยากาศเงียบสงบแบบนี้ทำให้เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยและแน่นอนว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะต้องมีเรื่องของอดีตคนรักแวบเข้ามาในหัว เธอยอมรับว่าแค้นเขมิกามากที่แย่งคนรักไปแถมยังพูดจาเยาะเย้ยถากถาง แต่ที่เจ็บกว่าคือแทนไทไม่ได้พยายามห้ามปรามคนรักไม่ให้ระรานเธอเท่าที่ควร ดูเขาออกจะเกรงๆ เขมิกาด้วยซ้ำไป เกวลินยิ้มเยาะตัวเองที่เสียเวลาไปกับผู้ชายแย่ๆ แบบนั้นอยู่หลายปี ยังดีที่เธอไม่เคยเสียตัวให้เขาแม้แทนไทจะเคยขอหลายครั้ง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่ายังไม่ควรให้ความสัมพันธ์กับเขาลึกซึ้งไปมากกว่าที่เป็นอยู่
เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับบรรยากาศแสนเหงา เกวลินก็ปล่อยให้สมองหวนคิดถึงความหลัง หลังจากตกลงคบหากับแทนไทเขาก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี ให้เกียรติและคอยให้คำชี้แนะทั้งเรื่องงานและการใช้ชีวิต แทนไทค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่เพราะอายุมากกว่าเธอห้าปีและไม่ชอบให้เธอแต่งตัวเซ็กซี่หรือเที่ยวกลางคืน บางครั้งเธอแอบรู้สึกว่าเขาบงการชีวิตส่วนตัวเธอมากไปด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเธอจึงเลือกที่จะมองข้าม พอตอนนี้มองย้อนกลับไปเรื่องบางอย่างที่เขาห้ามหรือไม่ชอบก็ดูเป็นเรื่องไร้สาระและไร้เหตุผลสิ้นดี เช่นการกินอาหารข้างทางที่เพื่อนๆ หรือใครๆ ก็กินกันแต่ แทนไทให้เหตุผลว่าไม่สะอาดบ้างเหม็นควันรถบ้าง เขาชอบที่จะไปทานอาหารในร้านติดแอร์หรือภัตตาคารหรูๆ มากกว่า ทำให้เธอต้องแอบไปกับเพื่อนๆ บางครั้งเขาจับได้ก็จะบ่นเธออยู่นาน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เขาไม่ชอบให้เธอใส่ชุดรัดรูปหรือแต่งหน้าจัดโดยให้เหตุผลว่ามันยั่วผู้ชาย เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจนอย่างที่เรียกว่าเนื้อนมไข่ บวกกับผิวพรรณที่ขาวผ่องราวน้ำนมยิ่งเป็นจุดสนใจดึงดูดสายตาผู้ชายอย่างช่วยไม่ได้ นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอและแทนไททะเลาะกัน ก่อนที่เธอจะตัดความรำคาญด้วยการไม่แต่งหน้าจัดและไม่ใส่ชุดรัดรูป เพราะเบื่อที่จะทะเลาะกับเขานั่นเอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องความคิดและทัศนคติที่เขาคอยสอนและมักจะโน้มน้าวให้เธอคิดไปในทิศทางเดียวกันกับเขา
ในตอนนั้นเธอคิดเอาเองว่าเป็นเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ผ่านโลกมาเยอะกว่า แต่พอตอนนี้เธอกลับเห็นว่านั่นคือการเอาความคิดตนเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่ได้รับฟังความเห็นของเธออย่างที่ปากพูด เกวลินหัวเราะในลำคออย่างเยาะหยันเพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยมองเห็นสิ่งเหล่านี้เลย เธอกลับยอมเขาไปทุกอย่างเพื่อที่จะประคับประคองความสัมพันธ์และไม่ต้องทะเลาะกัน นั่นเพราะเธอมีความฝันที่จะได้แต่งงานกับผู้ชายที่เธอรัก มีลูกและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อจะประคับประคองความสัมพันธ์ โดยที่ลืมไปว่าความสัมพันธ์ที่จะยืนยาวตลอดรอดฝั่งได้นั้นมันต้องปรับเข้าหากันทั้งคู่ และไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง ถึงตรงนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณเขมิกาดีหรือเปล่าที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับแทนไทจบลง เพราะตอนนี้เธอก็มีคำถามกับตัวเองว่าหากแต่งงานกันไปแล้ว เธอต้องยอมตามความต้องการของเขาทุกอย่างเธอจะทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ แล้วชีวิตครอบครัวที่ใฝ่ฝันนั้นจะจบลงเช่นไร โชคดีแล้ว โชคดีแล้วจริงๆ ที่เขมิกาก้าวเข้ามา
หลังจากจัดการไวน์ขวดเล็กสองขวดและเบียร์อีกสามกระป๋องเกวลินก็เริ่มรู้สึกมึนๆ แต่เพราะอยากจะเดินเล่นริมทะเลกลางคืนก่อนกลับเข้าที่พัก หญิงสาวจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินลงบันไดเตี้ยๆ เพียงสามขั้นไปยังหาดทรายเบื้องล่าง เกวลินเดินไปเรื่อยๆ เพราะแม้จะค่อนข้างดึก แต่บริเวณชายหาดไม่ได้น่ากลัวเพราะมีแสงไฟจากโรงแรมที่พักร้านอาหารและบ้านพักตากอากาศของพวกเศรษฐีส่องสว่างอยู่ตลอดทาง หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีเธอก็เดินมาจนสุดหาดที่มีบ้านพักตากอากาศหรูหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ แต่ไม่ได้เปิดไฟบริเวณรั้วแบบหลังอื่นๆ แต่กระนั้นก็ยังมีแสงจันทร์และแสงไฟจากบ้านข้างๆ ส่องมาทำให้สามารถมองเห็นความหรูหราของตัวบ้านและรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในได้อยู่ดี เพราะเดินมาไกลเกวลินจึงทรุดกายลงนั่งเพื่อพักเหนื่อยสักครู่ก่อนจะเดินกลับที่พัก