ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้นฤดาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงคอแต่นอนไปได้ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่าห้องนอนของตนเองไม่มีแอร์แล้วความเย็นจะมาจากไหน เพราะทั้งห้องเงียบกริบไม่ได้ยินเสียงพัดลมอย่างเคย
เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติหญิงสาวรีบลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าตอนนี้ตนเองนอนอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ห้องของตัวเองแล้วก็เริ่มนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง
นฤดาอยากจะร้องกรี๊ดและโวยวายเหมือนนางเองในละครแต่เธอก็รู้ว่าความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น เธอจำทุกอย่างได้ดีทุกอย่างมันเริ่มขึ้นหลังจากที่เธอคุยกับปรเมศวร์เสร็จแล้ว หญิงสาวจำได้แม้กระทั่งเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับผู้ชายที่เจอในผับ ผู้ชายคนนั้นชื่อลูคัสเขาชวนเธอสูดอากาศข้างนอกร้าน จากนั้นเธอก็ตามเขาไปในรถและเป็นคนเริ่มจูบเขาก่อนเธอรู้ตัวทุกอย่างแต่กลับคุมตัวเองไม่ได้
เธอไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเท่าที่คุยกับปรเมศวร์ทำให้เธอรู้ว่ายังไงผู้ชายก็ไม่ได้ต้องการความบริสุทธิ์จากผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สิ่งแรกที่นฤดาคิดว่าตนควรจะต้องรับทำก็คือออกไปจากที่นี่
เธอรีบเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วเพราะกลัวเจ้าของห้องจะกลับเข้ามา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาประตูห้องก็เปิดออกเสียก่อน
“หม่ามี้ขา หม่ามี้กลับมาหาจัสมินแล้วใช่ไหมคะ จัสมินดีใจมากค่ะ หม่ามี้รู้ไหมว่าจัสมินคิดถึ๊งคิดถึงคะหม่ามี้ที่สุดเลยค่ะ”
นฤดาทำตัวไม่ถูกเมื่อเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามากอดจนเธอล้มลงไปบนเตียงนอน
“หนู...คือฉันไม่ใช่....” เธอกำลังจะปฏิเสธแต่ก็หยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพราะเด็กหญิงตัวน้อยไม่เพียงแค่กอดเธอแน่นแต่ยังร้องไห้ออกมาอีกด้วย
“ขอโทษนะคะ พอดีส้มโอห้ามคุณหนูไม่ทัน”
“พี่ส้มโอจะห้ามจัสมินทำไมคะจัสมินแค่จะมาหาหม่ามี้”
“เสียงใครมาหาแดดดี๊แต่เช้าเอ่ยใช่เจ้าหญิงจัสมินหรือเปล่าน้า” เสียงผู้ชายที่ดังมากจากห้องน้ำทำให้นฤดาหันไปมองแล้วต้องรีบหันกลับมาแทบไม่ทันเพราะตอนนี้เขาสวมแค่ผ้าขนหนู
“จัสมินเองค่ะแดดดี๊”
“หนูมาถึงเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหรคะ”
“จัสมินมาถึงเมื่อวานค่ะ แดดดี๊ขาทำไมเมื่อคืนแดดดี๊ไม่บอกจัสมินล่ะคะว่าพาหม่ามี้มาหา”
“เมื่อคืนแดดดี๊กลับดึกมากค่ะเลยไม่ได้ปลุกหนู แล้วเช้านี้หนูกินข้าวหรือยังคะ”
“ยังเลยค่ะ จัสมินแวะมาหาแดดดี๊ก่อน แล้วจัสมินก็เจอหม่ามี้”
“เอ่อคือฉัน...” นฤดามองหน้าผู้ชายตัวโตและเด็กหญิงตัวเล็กสลับกันไปมา
“อย่าเพิ่งพูดอะไร” เขานั่งลงข้างๆ แล้วกระซิบเบาๆ
“ทำไมหม่ามี้ทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ หมามี๊ไม่คิดถึงจัสมินเหรอ ไม่ดีใจเหรอคะที่ได้เจอจัสมิน”
“คุณทำอะไรสักอย่างสิคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะลูก หม่ามี๊ของหนูเพิ่งมาถึงยังไม่ได้นอนพักก็เลยเพลียๆ หนูให้หม่ามี๊พักผ่อนก่อนดีไหมคะ”
“หม่ามี๊จะไม่ไปทำงานที่อื่นอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“ค่ะ” เพราะเห็นเขาพยักหน้าให้นฤดาเลยตอบออกไป
“สัญญานะคะ” เด็กหญิงตัวเล็กยื่นนิ้วก้อยมาให้สายตาของเธอจ้องหน้านฤดาจนหญิงสาวยอมยกนิ้วของตอนขึ้นมา
“ค่ะ”
“สัญญาแล้วต้องประทับตราด้วยค่ะ” เธอหอมไปที่แก้มของหญิงสาวทั้งซ้ายขวาก่อนจะลงจากเตียงและออกไปนอกห้อง
“ส้มโอพาน้องไปกินข้าว บอกคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยว่าไม่ต้องรอ”
“ค่ะคุณลูคัส”
พอส้มโอพาจัสมินออกไปแล้วลูคัสก็เดินไปปิดประตูห้อง
“เราต้องคุยกัน”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณหรอกค่ะ เรื่องเมื่อคืนฉันจะถือว่าเราก็แค่สนุกด้วยกัน ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ” นฤดารีบลุกจากเตียงแต่เขาก็เอาตัวเองมาขวางไว้ทำให้เธอชนกับแผงอกเขาอย่างจังและเขาก็เอามือคว้าเอวเธอไว้
“เธอคิดว่าเข้ามาถึงห้องนอนของฉันแล้วจะกลับไปง่ายๆ เหรอ”
“คุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
“เธอต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังก่อนและรัดแขนแน่นขึ้น
“รับผิดชอบเหรอคะ ฉันเป็นผู้หญิงฉันเสียหายนะคะ เมื่อคืนคุณก็ได้ครั้งแรกของฉันไปแล้วฉันยังไม่เรียกร้องอะไรเลย”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
“แล้วเรื่องไหนอีกคะ หรือเรื่องนี้” เธอไล้ไปลายนิ้วไปบนหน้าอกจากนั้นลากยาวไปยังไหล่และท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยเล็บ
“เธอจะรับผิดชอบยังไง”
“ฉันขอโทษก็ตอนนั้นฉันคุมตัวเองไม่อยู่ แต่คุณก็ทำตัวฉันเป็นรอยเหมือนกันนะดูสิผิวฉันมีแต่รอย” เขามองไปตามผิวเนียนที่มีรอยสีแดงทั่วไปหมดแล้วร่างกายก็รู้สึกตื่นตัวจนต้องรีบปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมกอดแล้วเดินไปนั่งโซฟาที่อยู่มุมห้อง
“เอาล่ะเรื่องนี้ถือว่าเราเสมอกัน”
“ถ้างั้นฉันก็กลับได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ยัง”
“อ้าว”
“ก็ฉันยังไม่ได้คุยเรื่องสำคัญกับเธอเลยนะ”
“มันจะมีอะไรสำคัญกว่าการที่ฉันเสียตัวให้คุณอีกล่ะ”
“เธอลืมไปอย่างหนึ่งนะ”
“อะไรอีกล่ะ”
“เมื่อกี้ลูกสาวของฉันเห็นเธอแล้วนะและจัสมินก็คิดว่าเธอคือแม่”
“คุณก็ไปบอกลูกของคุณเองสิไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันตรงไหน”
“ฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจลูกหรอกนะ” เพราะรักลูกมากกว่าอะไรทั้งหมดเขาจึงไม่อยากให้เธอเสียใจแม้แต่น้อย
“คุณหมายความว่ายังไง”
“เธอต้องรับบทเป็นแม่ของจัสมินจนกว่าจัสมินจะโตพอจะเข้าใจอะไรมากกว่านี้” ลูคัสพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“จะบ้าเหรอคุณ บอกความจริงเธอไปสิหรือไม่ก็พาเธอไปหาแม่ตัวจริง”
“ถ้ามันพาไปง่ายผมก็คงพาไปแล้ว แม่ของจัสมินตายตั้งแต่เธอเกิด ที่ผ่านมาฉันหลอกจัสมินมาตลอดว่าแม่ของเธอไปอยู่ต่างประเทศและยังเดินทางมาหาไม่ได้ แต่เมื่อเช้าจัสมินเจอเธอแล้วก็คิดว่าเธอคือแม่ เธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้รับผิดชอบความรู้สึกของลูกสาวฉัน”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้าฉันมีค่าจ้างล่ะ”
“อย่าคิดว่าฉันจะเห็นแก่เงินไม่กี่พันนะคะ การเป็นแม่คนมันไม่ง่ายแล้วฉันก็ไม่เคยเป็นแม่คนมาก่อนฉันคงทำหน้าที่นั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
“เธอไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะจัสมินมีพี่เลี้ยงอยู่แล้วและลูกสาวฉันก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด เธอทำหน้าที่นั้นไม่นานหรอกอย่างมากก็หนึ่งเดือน”
“จะหนึ่งเดือนหรือหนึ่งวันฉันก็ไม่เป็นแม่ใครหรอกค่ะ”
“หนึ่งล้านแลกกับหนึ่งเดือน”
“อะไรนะคะ”
“ฉันจะจ้างเธอหนึ่งล้านแลกกับการเป็นแม่ของจัสมินหนึ่งเดือน”
“ตกลงค่ะ” เพราะเงินหนึ่งล้านมันมากจนเธอปฏิเสธไม่ลง