ลูคัสโอนเงินค่าจ้างครึ่งหนึ่งให้กับนฤดาส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเขาจะจ่ายให้เธอหลังจากทำงานครบหนึ่งเดือน
“รออยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวคนของฉันจะเอาชุดมาให้เปลี่ยน”
“แล้วคุณจะไปไหนคะ”
“ฉันก็จะเปลี่ยนชุดสิ หรือเธอจะให้ฉันนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว ฉันเห็นนะว่าเธอแอบมองกล้ามท้องฉันอยู่”
"ฉันจะแอบมองทำไม ทำอย่างกับตัวเองหุ่นดีนัก”
“แต่เมื่อคืนเธอไม่ได้พูดแบบนี้นะ ฉันจำได้เธอชมว่าฉันหุ่นดีกล้ามน่าจับ”
“ที่ฉันพูดเพราะฉันเมา แต่มันก็แปลกนะปกติฉันก็เคยกินเหล้าแต่ก็ไม่เคยมีอาการเหมือนเมื่อคืน หรือคุณวางยาฉัน”
“ฉันจะทำแบบนั้นทำไม แล้วเครื่องดื่มที่ฉันสั่งให้เธอฉันก็เป็นคนกินเอง”
“หรือว่าแก้วนั้น” นฤดาคิดถึงเครื่องดื่มที่ว่างอยู่บนโต๊ะของปรเมศวร์
“นึกออกแล้วเหรอว่าไปกินที่ไหนมา”
“นึกออกแล้ว น่าจะเป็นแก้วที่อยู่บนโต๊ะของแฟนฉัน ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าแฟนเก่ามากกว่าเพราะฉันบอกเลิกเขาไปแล้ว” เสียงพูดเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
“เธอบอกเลิกเขาตอนเมาหรือเปล่า แล้วถ้ามาทำงานกับฉันแบบนี้เขาจะไม่ว่าใช่ไหม” ลูคัสรีบชวนคุยเรื่องอื่นเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะนึกออกว่าตนเองนั้นไปดื่มอะไรที่ไหนมาบ้าง
“ฉันเมาก็จริงแต่ฉันก็พอมีสติ” นฤดาจำเรื่องราวระหว่างตนเองกับปรเมศวร์ได้ทุกอย่าง
“ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอหรอกนะ ขอแค่เขาอย่ามาทำให้เสียเรื่องก็พอ”
พูดจบเขาก็กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนและกลับออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกับกางเกงผ้าสีเดียวกัน
ลูคัสออกจากห้องนอนไปแล้วนฤดาก็โทรศัพท์ไปคุยกับนุ่นและบอกเรื่องที่ตนเองเลิกกับปรเมศวร์
“เลิกได้ก็ดีเหมือนกันนะ นุ่นว่าสวยๆ อย่างหวานหาแฟนใหม่ได้ไม่ยาก เจ้านายของคุณเฉินก็น่าสนใจดีนะ ท่าทางเขาก็ชอบหวานอยู่นะ”
“เจ้านายคุณเฉินเหรอ หวานไม่เห็นรู้จัก”
“ก็คนที่หวานคุยด้วยแล้วให้เขาไปส่งที่บ้านไงล่ะ ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นเจ้านายคุณเฉิน ยายปลาบอกว่าเขารวยมากมีธุรกิจตั้งหลายที่ทั้งในเมืองไทย ฮ่องกงแล้วก็ที่สิงคโปร์เขาเป็นมาเฟียด้วยนะนุ่นว่าเท่ห์สุดๆ ไปเลย”
“เขาเป็นมาเฟียเหรอ”
“หวานไม่รู้เหรอ”
“ไม่รู้เลยหวานกับเขาไม่ค่อยคุยกันเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่”
“ก็เห็นหายไปด้วยกันนึกว่าจะรู้จักมากขึ้นเสียอีก”
“ไม่หรอก เราแทบไม่รู้จักเขาเลย” นฤดาไม่รู้เรื่องไรเกี่ยวกับเขาเลยนอกจากเขาชื่อลูคัสและมีลูกสาวชื่อจัสมิน
“แล้วเมื่อคืนเขาไปส่งถึงบ้านไหม”
“อือ ถึงบ้าน” เธอตอบว่าถึงบ้านแต่ไม่ได้หมายถึงบ้านของตนเอง
“เรื่องเลิกกับพี่กายหวานจะบอกเพื่อนคนอื่นเองหรือจะให้นุ่นบอกให้ล่ะ”
“หวานให้นุ่มบอกให้หน่อยได้ไหม พอดีหวานปวดหัวว่าจะนอนต่ออีกนิด”
“อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า วันนี้นุ่นว่างให้นุ่นไปอยู่เป็นเพื่อนดีไหม” นุ่นหรือนีรชาเป็นครูสอนอนุบาลและตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม
“ไม่เป็นไร หวานว่านอนพักสักตื่นก็คงดีขึ้น”
“ถ้าไม่ไหวแล้วอยากไปหาหมอก็โทรบอกนุ่นนะ”
“ได้จ้ะ ขอบใจมาก”
วางสายได้ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังนฤดารีบเดินไปเปิดเพราะเดาว่าน่าจะเป็นคนของลูคัสที่บอกจะเอาชุดมาให้
“หนูจะเอาชุดไปแขวนไว้ให้นะคะ ส่วนชุดที่จะไปเที่ยวทะเล เดี๋ยวหนูจะจัดใส่กระเป๋าให้ค่ะ” สาวใช้พูดจบก็เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ
“ส่วนนี่เป็นพวกของใช้ส่วนตัวค่ะ หนูจะวางไว้ที่หน้ากระจกนะคุณเลือกหยิบใช้ได้เลย หนูไม่รู้ว่าปกติคุณใช้แบบไหนก็เลยเลือกตามที่คนขายแนะนำค่ะ
“ขอบคุณค่ะ” นฤดามองข้าวของที่สาวใช้ถือเข้าไปในห้องอย่างงงๆ พอพวกเธอเดินออกไปแล้วหญิงสาวก็สำรวจของทั้งหมดอีกครั้ง ของแต่ละอย่างเป็นยี่ห้อที่ขายตามห้ามสรรพสินค้าซึ่งเธอเคยเห็นแค่ไม่เคยคิดจะซื้อเพราะมันแพงเกินกว่าเธอจะเอื้อมถึง
นอกจากเครื่องสำอางแล้วยังมีเสื้อผ้าอีกหลายชุดเธอซึ่งแต่ละตัวก็ติดเย็บอย่างประณีตเธอไม่รู้ว่าเขาไปหาของเหล่านี้มาจากไหนภายในเวลาไม่นานและที่แปลกใจมากไปอีกก็คือชุดชั้นในที่ขนาดมันพอดีกับไซส์ของเธอเหลือเกิน
นฤดารีบอาบน้ำและเลือกสวมเดรสสีครีมแขนกุดตัวยาวซึ่งดูน่าจะเรียบร้อยเหมาะสมกับการทำหน้าที่มารดาของเด็กหญิงที่ชื่อจัสมิน เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ด้วยเครื่องสำอางที่คนของลูคัสเตรียมให้พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ค่อยๆ เปิดประตูห้องออกมาช้าๆ
“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ” สาวใช้สองคนที่เอาของเข้าไปให้เมื่อครู่ถามขึ้น
“ค่ะ ฉันต้องไปไหนต่อคะ”
“ตามมาทางนี้ก่อนค่ะคุณต้องไปเจอคุณท่านก่อนจะไปเจอคุณหนูจัสมินค่ะ”
นฤดาเดินตามทั้งสองคนมายังอีกฝั่งหนึ่งของบ้านซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องนอนที่ออกมา
“เชิญด้านในค่ะ” สาวใช้ผายมือให้เธอเดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราและด้านในมีคนรออยู่ก่อนแล้วสามคน
หนึ่งในนั้นคือลูคัสส่วนอีกสองคนน่าจะเป็นบิดามารดาของเขา เธอยกมือไว้และยิ้มเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองคนรับไว้ทำให้ความกลัวลดลงไปบ้าง
“นั่งก่อนสิหนู”
“บนเก้าอี้” ลูคัสรีบบอกเมื่อเห็นว่านฤดากำลังจะนั่งลงบนพื้น
“ค่ะ”
“นี่พ่อแม่ของฉัน”
“สวัสดีค่ะ” พอเขาแนะนำหญิงสาวก็ยกมือไหว้อีกครั้ง
“ลูคัสเล่าเรื่องที่หนูจัสมินเข้าใจผิดให้แม่ฟังแล้วนะ แม่ต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้จัสมินเข้าไปในห้องนอนแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่าน หนูผิดเองที่ตามเขามาที่นี่”
“ถ้าหนูจะมาทำหน้าที่แม่ของจัสมินหนูก็ควรเรียกคุณย่าของเธอว่าแม่และเรียกคุณตาของเธอว่าพ่อนะ”
“ค่ะ”
“แม่รู้ว่าสิ่งที่ลูคัสบอกให้หนูทำนั้นมันเข้าใจยากและดูไม่สมเหตุสมผลแต่พวกเราทุกคนรักจัสมินและไม่อยากทำร้ายจิตใจของเธอ”
“ท่านคะ เอ่อแม่คะเรื่องแม่ของจัสมินทำไมถึงไม่บอกความจริงไปเลยล่ะคะ”
“เราเคยบอกแล้วว่าแม่ไปอยู่สวรรค์ตอนนั้นจัสมินก็ยังไม่เข้าใจว่าสวรรค์คืออะไรพวกเราพยายามจะค่อยๆ บอกเธอให้รู้ไปทีละนิดแต่ก็มีคนไม่หวังดีบอกจัสมินว่าแม่ของเธอตายไปแล้วและไม่มีทางที่เธอจะได้เจอกับแม่ของเธออีก ตอนนั้นจัสมินร้องไห้อย่างหนักเธอกรีดร้องจนสลบ” คุณมะลิวัลย์เล่าเรื่องหลานสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“แล้วจากนั้นล่ะคะ” นฤดาถามด้วยความสนใจ
“พอตื่นมาอีกครั้งก็กลายเป็นเด็กที่ไม่ร่าเริงพวกเราพาเธอไปพบคุณหมอจิตวิทยาเด็กและเข้ารับการบำบัดอยู่นานกว่าจะกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง พอจัสมินถามถึงแม่อีกครั้งพวกเราจึงไม่พูดถึงการไปสวรรค์ เราย้ายเธอไปอยู่ที่สิงคโปร์และเลือกที่จะโกหกเธอว่าแม่ของเธอไปทำงาน”
“แต่วันหนึ่งจัสมินต้องรู้ความจริงนะคะ”
“ใช่ วันหนึ่งเธอต้องรู้แต่พวกเราอยากให้จัสมินโตกว่านี้อีกนิด เราไม่อยากให้จัสมินกลับไปเศร้าอย่างเดิมอีก”
“แล้วทำไมคุณลูคัสถึงไม่หาแฟนใหม่ล่ะคะแล้วก็เธอสวมรอยเป็นแม่มาไปเลยล่ะคะ”