สองวันต่อมา...
กลางดึกคืนหนึ่ง ธิชารู้สึกหิวขึ้นมา เธอจึงเดินลงมาที่ห้องครัว ระหว่างทางที่เธอกำลังจะเดินไปห้องครัวนั้น หญิงสาวก็พบร่างของพ่อเลี้ยงหนุ่มนอนอยู่ที่โซฟา
“ครายอ่ะ....” เสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มบอกถึงสติสัมปัชชัญญะที่มีอยู่น้อยนิด
“ธิชาเองค่ะ” หญิงสาวตอบไป ตอนนี้เธออยากจะเปลี่ยนใจกลับขึ้นไปบนห้อง ความหิวหายไปหมด
“เธอนั่นเอง...ผู้หญิงใจร้าย” เสียงอ้อแอ้ของพ่อเลี้ยงหนุ่มต่อว่าหญิงสาว
“ใครใจร้าย บ้าหรือเปล่า เมาแล้วก็นอนไปเถอะค่ะ” เมื่อได้ยินเขากล่าวหาว่าเธอใจร้ายเธอก็ไม่อยากจะสนใจเขาขึ้นมาทันที
“ไม่นอน จะขึ้นไปนอนบนห้อง” พ่อเลี้ยงหนุ่มกล่าว ก่อนที่จะเดินเซไปเซมา แล้วพยายามที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน
ธิชามองดูภาพตรงหน้าด้วยความเหนื่อยใจ เธอจะทนดูเขาตกบันไดตายได้เหรอ ในเมื่อชีวิตของเขา มันแลกมาด้วยชีวิตของพ่อเธอ
“หยุดอวดเก่งแล้วอยู่นิ่งๆ ฉันจะพาพ่อเลี้ยงขึ้นไปเอง” หญิงสาวออกคำสั่งกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“ไม่เป็นไรฉันเดินเองได้ ผู้หญิงใจร้าย” พ่อเลี้ยงหนุ่มยังดื้อดึงและก็กล่าวหาหญิงสาวอีกครั้ง
“หยุดทำตัวแบบนี้สักที ขึ้นไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวใครเขาเห็นเข้าเขาก็เลิกเคารพหรอก” ร่างบางเดินเข้าไปช้อนใต้วงแขนของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ก่อนจะหิ้วปีกเขาเดินขึ้นชั้นบนด้วยความทุลักทุเล
“ไม่เอา ไม่ไปกับผู้หญิงใจร้าย” พ่อเลี้ยงหนุ่มแสร้งว่าหญิงสาวอีกครั้ง พอเขาได้ออกแรงเดิน สติสัมปัชชัญญะก็เริ่มกลับมาบ้าง
“ไปไม่ไปก็ต้องไป เลิกเรียกฉันว่าผู้หญิงใจร้ายสักที” หญิงสาวแหวออกไป ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวโตจะน่าหยิกขนาดนี้ นี่ถ้าเธอไม่กลัวว่าจะตกบันไดตาย เธอไม่มีวันมายุ่งวุ่นวายกับเขาเด็ดขาด
“ไม่เรียก ก็เธอมันใจร้ายจริงๆ นี่นา ฉันเสียใจรู้มั้ย” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยออกไป แม้ว่าจะเริ่มรู้สึกตัวบ้างแล้ว แต่บางอย่างเขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
“เลิกพล่ามได้แล้ว แล้วก็ตั้งใจก้าวขาสักที ฉันหนักรู้มั้ยเนี่ย” หญิงสาวบ่นอุบแต่ก็ลากพ่อเลี้ยงหนุ่มขึ้นมายังชั้นสองของบ้านได้ด้วยความลำบาก ก่อนที่เธอจะพาเขาเดินไปยังห้องของเขา เธอกะว่าเธอจะปล่อยเขาแค่หน้าห้อง แต่เมื่อเธอปล่อยเขาเท่านั้น ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มก็ล้มไม่เป็นท่า
“ใคร ใครมันมาผลักฉัน” พ่อเลี้ยงหนุ่มโวยวายออกมาด้วยความโมโห เมื่อธิชาเห็นสภาพของพ่อเลี้ยงหนุ่ม หากว่าเธอไม่ส่งถึงเตียงนอนคงจะโวยวายอยู่อย่างนี้ทั้งคืนแน่ หญิงสาวจึงจำใจเดินเข้าไปหิ้วปีกพ่อเลี้ยงหนุ่ม ก่อนที่เธอจะพาเขาเดินเข้าไปยังห้องของเขาเอง