มารีนนั่งรถมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมองเห็นไนต์คลับที่เธอเพิ่งเหยียบย่างมาเมื่อคืนก่อน แม้ตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางวันแต่มันก็แผ่รัศมีความชั่วร้ายได้ไม่น้อยไปกว่ากัน
เธอต้องคุยกับเซเวียร์ให้รู้เรื่อง
ร่างบางย่างกรายลงมาและตรงไปที่ประตูด้านหลังของไนต์คลับ ตากลมโตเหลือบมองความสวยงามที่ถูกฉาบไว้ภายนอก นึกเสียดายการตัดสินใจเมื่อคืนนี้
หากเธอรู้ก่อนว่าที่แห่งนี้มีเซเวียร์ซึ่งเป็นเพื่อนคนสนิทของเจคอบเป็นเจ้าของ เธอจะไม่ก้าวเข้ามาเลย แต่เพราะที่แห่งนี้เป็นสาขาเปิดใหม่ เธอไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้น ถึงได้พลาดตกหลุมพรางเข้ามาอีกครั้ง
"ฉันมาหาเซเวียร์" เธอบอกกับการ์ดสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตู
พวกเขาไม่ได้กีดกันขัดขวางเธอ คล้ายกับว่ามีคำสั่งมาจากเบื้องบนล่วงหน้า ชายร่างใหญ่สองคนเปิดทางให้เธออย่างง่ายดาย
หญิงสาวกลืนน้ำลายแล้วเดินเข้าไปตามทางเดินที่มีแสงสลัว ไม่นานก็เจอชายผู้ดูแลอีกคนที่ยืนเฝ้าอยู่มุมทางเดิน ยังไม่ทันได้พูดอะไรคนผู้นั้นก็ผายมือเชื้อเชิญเธอ
"เชิญครับคุณมารีน"
มารีนได้แต่พยักหน้ารับด้วยความประหม่า แล้วเดินตามคนคนนั้นไป เขามาส่งเธอหน้าประตูห้องชั้นใต้ดินของไนต์คลับ ชายผู้ดูแลเปิดประตูให้เธอ
"ขอบคุณค่ะ" เธอกล่าวแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไป พยายามควบคุมจิตใจให้ปกติที่สุด
"มาไวดี"
ถ้อยคำนั้นกล่าวทักทายอย่างหยอกเย้า มารีนหันไปก็เจอเซเวียร์นั่งจิบวิสกี้โดยที่สองข้างกายเขามีผู้หญิงสองคนนั่งชิดใกล้
"ออกไปก่อน"
"ค่ะคุณเซเวียร์" สองสาวว่าง่ายรีบเชิญตัวเองออกจากห้องไปทันที
เซเวียร์นั่งเอนพิงโซฟาด้วยท่าทีสบายใจ
"นั่งก่อนสิมาย เดี๋ยวไอ้เจคอบมันจะมาด่าฉันอีก ที่ให้เด็กเก่ามันทนยืนขาแข็ง"
มารีนถลึงตามองคนตรงหน้า ได้ยินชื่อเขาคนนั้นทีไรเธอเสียอาการทุกที มารีนเลือกที่จะไม่นั่งลง เธอเดินเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วเข้าเรื่องอย่างตรงประเด็น
"คุณจะเอายังไง"
"หมายถึงเรื่องไหน" เซเวียร์กล่าวด้วยเสียงเรียบเรื่อย ออกแนวสบายใจไม่ได้ทุกข์ร้อน ทว่าคนฟังกลับยิ่งร้อนรนจนกำมือแน่น
"เรื่องเมื่อคืนที่ฉันทำให้ไนต์คลับคุณเสียหาย ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอเซเวียร์"
ถึงขนาดทำให้ที่ทำงานของเธอมีปัญหา คนพวกนี้มันมีหัวจิตหัวใจกันอยู่ไหม
"ฉันจะตกงานตอนนี้ไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่มีเงินมาใช้หนี้ให้คุณด้วย"
"ขอโทษนะมาย" เขาเอ่ยน้ำเสียงสบาย ๆ รอยยิ้มยังประดับบนใบหน้า "แต่พวกฉันไม่ใช่คนดีหรือพวกใจบุญ...เธอก็รู้"
มารีนเม้มปากแน่น การหวังความเมตตาจากพวกเขาช่างเป็นเรื่องไร้สาระ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเบื้องหลังคนพวกนี้มันน่ากลัวแค่ไหน
เห็นสีหน้าหญิงสาวหม่นลงด้วยความกังวลมาเฟียหนุ่มก็กระตุกยิ้ม
"ฉันต้องการเงินนั่นในสามวันนี้" น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นลง ความหยอกเย้าแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัว คล้ายกับว่านี่คือร่างจริงของเขา
"สามล้านนะมาย ถ้าเธอหาไม่ได้หรือคิดจะตุกติกฉันคงต้องใช้เส้นสายสักหน่อย"
"เซเวียร์..." มารีนเริ่มเหงื่อตก
คนเหล่านี้เวลาบีบคั้นกดดันผู้คน ไม่มีใครที่หลุดรอดไปได้
"เธอคงจะหางานใหม่ในเร็ว ๆ นี้ไม่ได้แน่นอน ฉันพนันได้เลย หรือต่อให้หาได้ก็คงไม่พอจะใช้หนี้ฉันหรอก"
"..."
"ถึงเธอจะเคยเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนฉันในอดีต แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วน่ะสิ ช่วยไม่ได้ที่ฉันคงต้องโหดร้ายกับลูกหนี้"
มารีนหลุบตาลงต่ำ พวกเขามันเป็นปีศาจร้ายที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น นับประสาอะไรกับเธอ
"ไม่มีทางเลือกให้ฉันหน่อยเหรอ" น้ำเสียงนั้นกังวานขอร้อง
เซเวียร์ตวัดสายตาขึ้นมองมารีนเล็กน้อย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นอย่างกับว่ารอคอยคำถามนั้นนานแล้ว
"มีสิ"
มารีนจ้องมองไปที่เขาทันที
"ทุกอย่างอาจจะคลี่คลายได้ด้วยดี ถ้าเธอลองไปคุยกับ...เจคอบ"
ถ้อยคำนั้นทำให้มารีนรู้สึกกระจ่างแจ้ง เซเวียร์แย้มยิ้มก่อนเอ่ยประโยคสุดท้าย
"เธอก็รู้ว่ามีมันคนเดียวที่จะช่วยเธอได้มาย"
นับตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาจนจะเข้าวันที่สามแล้วที่เซเวียร์ยื่นคำขาด ตลอดช่วงที่ผ่านมาหญิงสาวพยายามร่อนใบสมัครงานใหม่ไปทั่ว ทว่าก็ยังไม่มีใครตอบรับ นอกจากหนี้ที่เธอติดไว้สามล้านนั่นยังมีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันที่รอช้าไม่ได้ และเรื่องสำคัญที่โผล่เข้ามาใหม่ก็เกิดขึ้น
เป็นเรื่องที่เธอกังวลที่สุดมาตลอดสองปีนี้
'เราอาจจะต้องทำการผ่าตัดซ้ำอีกครั้งนะมาย อาการของลุงพงษ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร'
คำพูดของภูริชที่บอกเธอเมื่อวันก่อนยิ่งทำให้ให้มารีนกดดันหนักขึ้น นับตั้งแต่การผ่าตัดใหญ่ในอดีตลุงของเธอก็ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์มาตลอด แม้จะผ่าตัดอย่างปลอดภัยแต่อาการแทรกซ้อนยังมีมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ
และดูเหมือนครั้งนี้จะหนักที่สุด
ขณะคิดถึงปัญหามากมาย หน้าของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในความคิด
'เธอก็รู้ว่ามีมันคนเดียวที่จะช่วยเธอได้มาย'
คำพูดของเซเวียร์อาจจะจริงอย่างว่า
ตอนนี้เจคอบคือทางออกเดียว มีเพียงเขาเท่านั้น
ทั้งหนี้และค่าใช้จ่ายที่เธอต้องการ เขาต้องให้เธอได้แน่ จากที่ตอนแรกเป็นเขาที่ยื่นข้อเสนอ ตอนนี้เธอกลับคิดว่าตัวเองต้องการจะเข้าหาเขาด้วยความร้อนใจเสียมากกว่า
"ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอกมาย" เธอบอกกับตัวเองคล้ายปลอบใจ
มันเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว เธอจะทำแบบนี้อีกครั้งก็คงไม่แย่ไปกว่านี้หรอก
เมื่อคิดได้เช่นนั้นพอตกเวลากลางคืนมารีนก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัว เธอเลือกชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำ ผิวผ้าช่วงแขนคลุมยาวจนถึงข้อมือแต่ด้านบนปาดไหล่และขับเน้นผิวขาวช่วงเนินอก
หญิงสาวแต่งแต้มใบหน้าอีกเล็กน้อย ปล่อยผมสีดำขลับสยายไปตามแผ่นหลัง เธอเรียกรถโดยสารแล้วบอกจุดหมายปลายทาง
มุ่งหน้าไปสถานที่ที่คาดว่าจะได้เจอกับ 'เขา'
แสงสีในไนต์คลับหรูส่องวูบวาบในบริเวณโซนด้านหน้าที่เธอเข้ามาถึง ผู้คนมากมายนั่งดื่มกันตามโต๊ะ บ้างก็ยืนพูดคุยหรือคลอเคลียกันตามมุมต่าง ๆ
คืนนี้มารีนตั้งใจมา เธอพยายามมองหาคนผู้นั้นเพื่อที่จะเจรจา
ตลอดทางเดินผู้ชายหลายคนมองเธอแทบไม่ละสายตา ใบหน้าหวานที่ทั้งละมุนและคมสวยทำให้เธอดูโดดเด่น ทรวดทรงวันนี้เย้ายวนตามากกว่าคืนก่อนเพราะชุดที่เธอใส่ทั้งรัดรูปและเซ็กซี่ แต่ว่ามารีนไม่ได้สนใจใครนอกจากคนสำคัญในวันนี้
เธอเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าทางเข้าบริเวณโซนVVIP เดาว่าพวกเขาต้องอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้เจคอบจะอยู่ที่นี่ไหม
แต่ไม่ลองเสี่ยงดูก็ไม่รู้
"มีบัตรไหมครับ" พนักงานถามเธอ โซนนี้ไม่ใช่ใครจะเข้าก็เข้าได้ ต้องมีบัตรสมาชิกพิเศษเท่านั้น
"ไม่มีค่ะ แต่ช่วยบอกเจ้านายคุณว่าฉันชื่อมารีน"
พนักงานมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้เธอรออยู่ตรงนี้สักพัก จากนั้นหนึ่งในพนักงานก็เดินหายไปด้านใน มารีนยืนรอด้วยใจประหม่า เธอพยายามข่มอารมณ์ด้วยท่าทีที่สงบที่สุด
ไม่นานนักพนักงานคนนั้นก็กลับมา พร้อมเอ่ยคำตอบที่เธอคาดหวัง
"เชิญครับคุณมารีน"
หญิงสาวแอบผ่อนลมหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มเข้าไป
เธอเดินมาตามทางเดินด้านในที่ค่อนข้างเงียบสงบ เสียงจากภายนอกแทบไม่เล็ดลอดเข้ามา จนกระทั่งเรียวขามาหยุดอยู่ที่หน้าห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง หัวใจของมารีนก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น จากที่คิดว่าเธอพร้อมเผชิญหน้า แต่ตอนนี้กลับมีความรู้สึกตื่นกลัวไม่น้อย
แต่เธอตัดสินใจแล้ว...จะเดินกลับไม่ได้อีก
"คนที่คุณต้องการพบอยู่ในห้องนี้ครับ สามารถเข้าไปได้เลยครับ ผมส่งได้แค่นี้" พูดจบพนักงานคนนั้นก็หันหลังจากไปทันที
มารีนเม้มปากแน่น ยกมือที่ชื้นเหงื่อแตะที่จับประตู เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนออกมายาว ๆ นับหนึ่งถึงสามแล้วดันประตูเข้าไป
วินาทีที่ประตูถูกผลักเข้าไป สิ่งแรกที่เธอได้ยินคือเสียงเพลงจังหวะเนิบช้าด้านใน และเสียงพูดคุยหัวเราะของกลุ่มผู้ชายในห้อง
ขาเรียวค่อย ๆ ก้าวเข้าไปและประตูถูกปิดลง สายตาของกลุ่มคนที่นั่งอยู่ก่อนก็หันมามองทางเธอโดยไม่ต้องนัดหมาย
มารีนเงยหน้ามองและแทบอยากจะหายไปตอนนี้เลยก็ว่าได้
ทำไมวันนี้พวกเขาต้องอยู่กันเยอะขนาดนี้
มาเฟียทั้งสี่คน ธาวิน เอเดน เซเวียร์ และเจคอบ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เสียงหัวเราะพูดคุยเมื่อกี้เงียบกริบ
สายตาทุกคนยังจับจ้องเธอ มีเพียงเจคอบที่หันกลับไปยกแก้วขึ้นจิบเหมือนไม่ใส่ใจ
มารีนตั้งสติ ข่มความอายและประหม่า ตัดสินใจเอ่ยออกไป บอกเจตนาอย่างไม่อ้อมค้อม
"ฉันมีธุระจะคุย"
เจคอบยังคงไม่หันมามองเธอ เขาต้องการให้เธอพูดให้ชัดเจน
"มีธุระกับใคร" เป็นเซเวียร์ที่ถามออกมาอย่างเย้าหยอก ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ทำเพียงเงียบฟัง
"ฉัน..."
เจคอบตวัดสายตามองเธอเล็กน้อย ก่อนวางแก้วแล้วทำท่าจะลุกออกจากวงสนทนา
"กูว่ากูกลับก่อนดีกว่าว่ะ"
มารีนหน้าเสีย เขากำลังแกล้งเธอชัด ๆ เลย แต่เธอจะปล่อยโอกาสหลุดมือไปไม่ได้ ไม่รู้วันไหนจะได้เจอเขาอีก
"เจคอบ ฉันจะคุยกับคุณ!" เอ่ยออกไปแล้วก็อายจนอยากซุกหน้าเข้าไปใต้พรม
ทุกคนเงียบแล้วหันมามองเธอ ส่วนเจ้าของชื่อกลับกระตุกยิ้มมุมปาก
"ฉันไม่ค่อยได้ยิน ขออีกรอบ"
ไอ้คนบ้า เขามันเลวร้ายนัก มารีนได้แต่ด่าเขาในใจแต่ก็ยอมเอ่ยอีกครั้ง
"ฉันอยากจะคุยกับคุณ...เจคอบ"
"ได้สิ" ในที่สุดเขาก็ยอมหันมามองเธอ แถมยังเดินเข้ามาใกล้จนตัวแทบจะชิดเธออยู่แล้ว
ชายหนุ่มโน้มกระซิบเสียงต่ำใกล้หูเธอโดยไม่อายเพื่อนคนอื่นที่นั่งอยู่
"อยากคุยก็ตามฉันมา"