เสียท่าแค่เพราะว่าหยิบแก้วผิด
เสียท่าแค่เพราะว่าหยิบแก้วผิด
“ยัยอังเปาเป็นอะไร”
“ก็อย่างที่เห็น ซึมเหมือนหมา”
“อกหักมาเหรอ?”
“อืม ไอ้เหี้ยพี่ชานนนอกใจ”
หญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษากระโปรงยาวลากดินขยับแว่นหนาก่อนจะวางกระเป๋าหนักที่แบกตำรามาเรียนกว่าสามเล่มใหญ่ๆ ไว้บนโต๊ะ
“อกหักเรื่องเล็ก แต่ถ้าพวกเราทำงานของอาจารย์ฤดีไม่เสร็จเป็นเรื่องใหญ่แน่”
นะโม ว่าพลางหยิบตำราเรียนกฎหมายเล่มหนากว่าสองเล่มออกมาแจกจ่ายให้กลุ่มเพื่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งอังเปาที่ยังคงร้องไห้ฟูมฟายอยู่
“โหดจังวะแม่ป้า ฉันอกหักอยู่นะไม่เห็นเหรอ”
“เห็น แต่อกหักได้ก็ต้องทำงานได้”
นะโมเอ่ยตอบด้วยท่าทีเฉยชา เธอเคยเตือนอังเปาอยู่หลายครั้งแล้วว่าอย่าคบกับชานน แต่อังเปาก็ไม่ฟังอกหักกับคนเดิมซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง จนครั้งนี้นะโมก็รู้สึกอยากด่าเพื่อนซ้ำมากกว่ามานั่งปลอบใจ
“เฮ้อรอบนี้ฉันเห็นด้วยกับยัยป้านะอังเปา นะโมมันเตือนแกหลายครั้งแล้วแต่แกก็ไม่จำเอง”
“ที่แกบอกว่าเคยเห็นไอ้ชานนแอบกิ๊กกั๊กอยู่กับผู้หญิงคณะบริหารเรื่องจริงเหรอนะโม”
“แกคิดว่าฉันจะโกหกไปเพื่ออะไร”
นะโมละสายตาเฉยชาจากหนังสือเล่มหนา มองใบหน้าที่อาบไปด้วยคราบน้ำตาของอังเปา แม้เธอจะไม่อยากเห็นเพื่อนเศร้า แต่ในเมื่อเพื่อนไม่ฟังเธอก็จะไม่พูดซ้ำอีก
“เออฉันขอโทษที่ไม่ฟัง ต่อจากนี้ฉันจะเลิกกับมันให้เด็ดขาดจะไม่ให้อภัยมันอีก”
“สาธุ!”
ลูกตาลกระแทกเสียงใส่อังเปาอย่างขบขัน เธอไม่ค่อยเชื่อมั่นในคำพูดเพื่อนสักเท่าไหร่นัก คำว่าเด็ดขาดไม่เคยปรากฏในพจนานุกรมของหญิงสาวที่ชื่อว่าอังเปา
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง การแก้โจทย์กฎหมายมหาโหดของอาจารย์ฤดีก็ผ่านพ้นไป ขนมผิง รีบวางปากกาสะบัดข้อมือไหวด้วยอาการปวดเมื่อย เธอเขียนคำตอบลงบนกระดาษมากกว่าสองหน้ากระดาษเอสี่ ใครไหวไปก่อนเลยแต่เธอขอตอบแค่นี้พอ
ขืนให้ตอบเหมือนนะโม ข้อมือเธอได้อักเสบพอดี กระดาษคำตอบของเพื่อนมาวางกองรวมกัน โดยมีแผ่นบนสุดเป็นของนะโม ที่เขียนตอบมากกว่าสามหน้ากระดาษเอสี่โดยไม่บ่นเมื่อยมือสักคำ
“งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
นะโมว่าพลางลากสังขารไม่เต็มร้อยของตัวเองไปยังห้องน้ำของคณะ เธอยังแฮงค์เหล้าจากปาร์ตี้เมื่อวานไม่หาย ซ้ำยังปวดเกร็งบริเวณเอวจนแทบไม่อยากขยับตัว
เธอจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด และที่น่าตกใจคือเธอดันเสียท่าตื่นขึ้นมาบนเตียงในโรงแรมขนาดใหญ่โดยไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์
มิหนำซ้ำยังโชคร้ายเพราะเธอดันเจอถุงยางอนามัยใช้แล้วในถังขยะ มันทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าเมื่อคืน…เรื่องราวแบบนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว นั่งโมโหตัวเองอยู่นาน พอตั้งสติได้เธอก็รีบใส่เสื้อผ้า ทว่ากลับมีแต่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงตัวใหญ่ไซต์ผู้ชายวางไว้ดีหน่อยที่มีชั้นในตัวใหม่วางไว้ด้วย
แต่ที่น่าสงสัยคือเสื้อผ้าเธอหายไปไหนนี่สิ
เท่าที่จำความได้คือเธอไปปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของอังเปา โดยเพื่อนสาวปิดร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัยเลี้ยงฉลอง คนที่ชวนมาก็มีหลากหลายคณะตามประสาสาวนักสังสรรค์
นะโมจำได้ว่าเธออยู่โต๊ะตลอดเวลาไม่ได้ไปไหน กระทั่งเผลอหยิบแก้วผิดดื่มเหล้าของอังเปา หลังจากนั้นร่างกายเธอก็รู้สึกแปลกๆ กระสับกระส่ายกระวนกระวาย จนรู้ตัวอีกทีเธอก็ตื่นมาอยู่บนเตียงในสภาพยับเยินแล้ว
“บ้าเอ้ย! ไม่น่าพลาดเลยนะโม”
นึกถึงหญิงสาวก็ยิ่งโมโหตัวเอง อุตส่าห์พยายามไม่อยู่ใกล้มนุษย์เพศชายแล้ว แต่สุดท้ายก็ดันเสียท่าให้กับผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าจนได้
มือเล็กรองรับน้ำจากก็อกสาดกระทบหน้าตัวเอง
นะโมเป็นคนสวยที่ใช้ความสวยไม่เป็น เธอชอบใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายไม่แต่งตัว เวลาอยู่ที่บ้านหรือคอนโดก็มักจะใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น มัดผมกระเซอะกระเซิงไว้หลวมๆ ใบหน้าไร้ซึ่งเครื่องสำอาง แค่โปะแป้งเด็กก็ดีถมแล้ว
พอต้องมามหาวิทยาลัย ก็ชอบใส่เสื้อผ้านักศึกษาตัวใหญ่กับกระโปรงยาวลากพื้น รองเท้าผ้าใบและแว่นหนาเตอะ
สภาพเธออย่าว่าแต่ผู้ชายเมินเลย ขนาดหมายังเมิน
แต่ก็นะเธอก็มีเหตุผลของเธอ สมัยนี้คดีฆ่าข่มขืนมันเยอะ และเธอก็ค่อนข้างมีรูปร่างสัดส่วนเห็นชัด อกเป็นอก ตูดเป็นตูด ที่ผ่านมาพวกผู้ชายบ้ากามทั้งหลายก็ชอบมองหน้าอกเธอ ทำให้นะโมหลีกเลี่ยงโดยการงดใส่เสื้อผ้าโชว์อกเอว
ตอนนี้เธอขออย่างเดียวคืออย่าให้ไอ้ผู้ชายที่นอนกับเธอเป็นโรคก็พอ ส่วนอะไรที่ผ่านไปแล้วเธอก็จะปล่อยผ่านไป ลิ้มรสชาติวันไนท์สแตนด์สักครั้ง
กลับมาถึงโต๊ะเรียนที่กลุ่มเพื่อนรักนั่งคุยกัน อังเปาก็รีบกวักมือเรียกนะโมให้เข้าไปนั่ง
“ยัยป้า ทำงานเสร็จแล้วเราไปกินก๋วยเตี๋ยวคณะวิศวะกันนะ” อังเปาเสนอ
“ทำไมต้องวิศวะ?”
“มันอร่อยไง!”
“เอาความจริง”
“อยากไปเจอไอ้ชานน อยากเห็นว่ามันตรอมใจขนาดไหนที่เลิกกับฉันไป”
“มันคงตรอมใจอยู่หรอก อย่าลืมว่ามันนอกใจแก”
“ก็นั่นแหละ อย่างน้อยได้เห็นว่ามันมีความสุขในขณะที่ฉันทุกข์ ฉันจะได้ตัดใจได้ไง”
ข้ออ้างร้อยแปดพันเก้าก็ไม่ทำให้ความคิดนะโมเปลี่ยน สำหรับนะโมการกระทำของอังเปาก็เป็นเพียงแค่ ‘การมูฟออนเป็นวงกลม’ แถมยังวงเล็กมากด้วย
“ตามใจ ฉันกินที่ไหนก็ได้ขอแค่อร่อย”
“งั้นไปกันเลยรับรองว่าอร่อย”
โรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์
สี่สาวนิติศาสตร์เดินเข้ามานั่งในโรงอาหารท่ามกลางสายตาของเด็กวิศวะที่มองว่าพวกเธอ ‘แปลก’ เพราะหนึ่งในสี่สาวอย่างนะโม ดันหยิบประมวลกฎหมายเล่มหนาขึ้นมาอ่านในขณะเดิน ทำเอาคนทั้งคณะวิศวะต่างชายตามองแล้วหันไปอมยิ้มกัน
พลั่ก!
“อ้ะ!”
คนไม่มองทางที่เอาแต่ก้มหน้าดูหนังสือร้องเสียงหลงออกมาอย่างเผลอตัว ประมวลเล่มหนาและหนักตกกระแทกเท้าเธออย่างจัง แถมหน้าผากมนดันไปชนกับหน้าอกแข็งๆ ของใครบางคนอีก
“สี่ตาแล้วยังไม่รู้จักมองทางอีก”
เสียงทุ้มเจ้าของร่างสูงที่นะโมเดินชนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้านะโมชัดๆ
โยธา ชื่อของผู้ชายคนนี้ ชายหนุ่มปีสามผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติลงมาเกิด ส่วนสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบต้นๆ เห็นจะได้ เขาเป็นหนุ่มป๊อปคนดังในคณะที่สาวๆ ต่างหลงใหล
แต่สำหรับนะโม เธอกลับรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายแปลกหน้าคนนี้เอาเสียเลย และยิ่งได้ยินเขาเรียกเธอว่าสี่ตา นะโมก็ยิ่งไม่พอใจ มันรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกอีกคนบูลลี่เพราะมนุษย์ย่อมมีสองตา การใส่แว่นแค่ช่วยทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นชัดขึ้น ไม่ได้ทำให้มีตาเพิ่มเสียหน่อย
เธอไม่ใช่สัตว์ประหลาดถึงจะได้มีสี่ตา
“ของเธอ”
มือหนาหยิบประมวลกฎหมายเล่มหนักยื่นคืนให้นะโม
“ขอบคุณ”
เธอเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับรับประมวลคืน อังเปามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาเป็นประกายราวกับได้ดูฉากพบรักระหว่างตัวเอกในนิยายสองคน
“ไอ้เปาเดิน!” ลูกตาลสะกิดเรียกให้เพื่อนสาวอีกคนเดินเพราะกำลังขวางทางเพื่อนอีกสองคนอยู่
หมับ!
ทันทีที่ขบวนขยับและนะโมกำลังจะเดินผ่านร่างโยธาไป มือหนาก็คว้าหมับไว้ที่ข้อแขนของหญิงสาว ก่อนจะกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเธอ จนทำให้นะโมถึงกับเก็บสีหน้าไม่อยู่ ดวงตากลมเบิกโตตกใจทั้งยังมีหยาดเหงื่อไหลออกมาตามกรอบหน้าทั้งสองข้าง
“นี่นาย!”
“หึ!”
กระซิบเรื่องราวน่าตกใจข้างหูหญิงสาวเสร็จ โยธาก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินจากไป ทิ้งให้นะโมยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่ด้วยท่าทางช็อกราวกับเจอผีในช่วงเวลากลางวันแสกๆ