เมื่อนะโมถูกตบ

1690 Words
เมื่อนะโมถูกตบ ‘นี่เธอจำผู้ชายที่อยู่กับเธอเมื่อคืนไม่ได้เหรอ ยัยสี่ตา’ “คนที่ชนนะโมเมื่อกี้หล่อดีนะ แกรู้จักไหมอังเปา” ขนมผิงเอ่ยถามไปพลางสอดสายตามองหาร้านขนมหวานไปพลาง “รู้จักสิ พี่โยธา อยู่ปีสามดังมากในคณะวิศวะ เห็นว่าเพิ่งไปแข่งขันอะไรสักอย่างมาด้วยนะ” “ได้รางวัลไหม” “แน่นอนสิอันดับหนึ่งไม่มีใครเทียบเทียม” “แบบนี้ก็แปลว่าเก่งมากอ่ะดิ” “ที่สุด! หล่อ เก่ง ฉลาด สุภาพบุรุษ เพอร์เฟค!” เพอร์เฟคกับผีสิ! สุภาพบุรุษจริงเขาไม่ทำแบบนั้นกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักหรอกนะ นะโมด่าทอในใจก่อนจะหันหลังกลับไปมองหน้าชายคนที่อยู่ในบทสนทนาซึ่งกำลังทานข้าวอยู่กับกลุ่มเพื่อนด้านหลังเธอ ขณะที่ดวงตาทั้งคู่สบกันใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชาก็กระตุกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะเมินสายตานะโมและก้มทานอาหารต่อ “ไหนไอ้ชานนของแกฮะอังเปา” “นั่นสิ ขอฉันมองหาแป๊บ” อังเปาว่าพลางกวาดสายตาไปรอบๆ โรงอาหารคณะวิศวะ ก่อนจะสะดุดดังจึ้กหลังจากเห็นอดีตแฟนหนุ่มของตัวเองที่เพิ่งเลิกกันเมื่อเช้ากำลังหยอกล้อเล่นอยู่กับสาวสวยหุ่นเอ็กซ์ที่เห็นไกลๆ ยังมองออกว่าเอาแตงโมยัดนมตัวเองแทนฟองน้ำ “ไอ้ ชา นน!!” พรึ่บ! อังเปารีบรุดออกจากโต๊ะด้วยความเร็วจนเพื่อนคว้าตัวไม่ทัน เธอเดินไปยังโต๊ะของชานนที่ยังนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเพ่งเล็ง เมื่ออังเปาไปถึงก็ทุบโต๊ะอย่างแรง ปึง!! “ไอ้ชานน!!!” เสียงเล็กตวาดเรียกชื่อชานนเสียงดัง จนคนทั้งโรงอาหารในละแวกนั้นหันมอง “อะ อังเปา!” “เออ! เลิกกับกูได้ไม่ถึงวันกลับมานั่งจู๋จี๋อยู่กับแม่โคนมตัวใหม่ มึงตายแน่ไอ้เลว!” ขนมผิงเกาะแขนลูกตาลแน่นไม่กล้าเข้าไปแทรกเพื่อลากตัวอังเปาออกมา เพราะรู้ดีว่าหากเพื่อนระเบิดลงแล้วใครก็ห้ามไม่ไหว เว้นก็แต่… “ยัยป้าเข้าไปห้ามมันหน่อย” “ห้ามทำไม สมควรแล้วนี่ดูก็รู้ว่านอกใจตั้งแต่ยังคบกับอังเปา โดนสั่งสอนเสียบ้างก็สมควร” “แต่ฉันกลัวยัยอังเปาฟิวส์ขาดน่ะสิ ดูท่ารอบนี้จะโมโหจริงๆ นะ” นะโมมองไปยังอังเปาก็แอบรู้สึกเห็นด้วยกับลูกตาล “เฮ้อ…” หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะเดินนิ่งๆ เข้าไปหาอังเปา เดิมทีอยากจะมองดูเฉยๆ ไม่คิดจะเข้ามาห้ามเพราะโต๊ะที่ชานนนั่งดันอยู่ข้างๆ กับโต๊ะของโยธา แต่ก็ช่วยไม่ได้ เธอเองก็ไม่อยากให้เพื่อนสติแตกจนเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน “อังเปาหยุด” นะโมร้องห้ามแต่เพื่อนสาวคนสนิทก็ไม่ฟัง เรียกได้ว่าเกิดอาการหูดับไปชั่วขณะก็ว่าได้ “ไอ้เลว! แกทำอย่างนี้ได้ไงวะ” อังเปายังไม่หยุดโวยวายเดินเข้าไปฟาดงวงฟาดงาใส่ชานนจนวงแตก ทั้งยังเผลอลงไม้ลงมือกับชานนจนฝ่ายชายเกิดบาดแผลเพราะเล็บเจลสุดแหลมคมดันเผลอฟาดใส่หน้าเขาเข้าไปเต็มๆ “เข้าไปดึงตัวมันกลับมาเลยนะโม” “เออรู้แล้วนา” นะโมจำใจเดินแทรกกลุ่มเพื่อนชานนเข้าไปดึงร่างอังเปาออกมา ยื้อแย่งอยู่นานอังเปาก็ไม่ฟังทั้งยังสะบัดมือนะโมทิ้งจนเธอต้องออกแรงดึงแขนอังเปาอีกรอบ แต่ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพลียะ! เสียงดังนั้นทำให้บรรยากาศทุกอย่างหยุดชะงักนิ่ง นะโมที่ถูกแรงอังเปาฟาดเข้าหน้าจังๆ อย่างไม่ยั้งมือก็ถึงกับหน้าหัน แว่นหนาตกกระแทกพื้นจนเลนส์แตก “ไอ้เปา!” ลูกตาลที่เห็นเหตุการณ์ก็เอ่ยชื่อคนทำด้วยความตกใจ สองสาวลูกตาลกับขนมผิงรีบวิ่งเข้าไปดูนะโม มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา ข้างแก้มเป็นรอยแดงฉาดลากยาว นะโนหันกลับมาพร้อมกับใช้ปลายนิ้วโป้งคลึงรอยแผลที่มุมปากเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตาอังเปาด้วยแววตาน่ากลัว “นะ นะ นะโม ฉันขอโทษ” “…” “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” อังเปารีบลนลานเดินเข้ามาหานะโม “…” คนที่เพิ่งถูกตบนิ่งเงียบก้มหน้าลงไปหยิบแว่นตาที่ตกพื้นกำไว้ในฝ่ามือ เธอหันไปมองหน้าอังเปาครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดแขนที่ถูกเพื่อนอีกสองคนจับไว้และเดินจากออกมา “นะโมเดี๋ยวก่อน..” “ไม่ต้องตามมา” ลูกตาลทำท่าจะวิ่งตามแต่กลับถูกนะโมเอ่ยห้ามไว้ น้ำเสียงเยียบเย็นราวกับธารน้ำแข็งของเธอทำให้ลูกตาลไม่กล้าขัดคำสั่ง และรู้ดีว่าท่าทีของนะโมเช่นนี้คือกำลังปฏิเสธทุกคนที่พยายามจะเข้าใกล้ “เอาไงดีลูกตาล เราตามไปดีไหม” “ไม่ต้องหรอกผิง ตอนนี้ตามไปก็มีแต่จะทำให้มันโมโหมากกว่าเดิมปล่อยไปก่อน” ทางฝั่งโยธาเมื่อเห็นนะโมเดินออกไปเขาก็ลุกตามเธอ ร่างสูงเดินตามหญิงสาวออกมายังหน้าคณะวิศวะ เห็นแผ่นหลังของนะโมไวไวก็รีบเดินตามไป เธอกำลังนั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะม้าหินจึงเดินเข้าไปหา “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม” “…” นะโมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างไม่สบอารมณ์ ณ เวลานี้ถ้าโยธากล้าเอ่ยปากส่งเสียงรบกวนเวลาสงบสติอารมณ์ของเธออีกแค่ประโยคเดียว เธอก็พร้อมจะฟาดงวงฟาดงาใส่เขาได้เหมือนกัน “จะไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง” “ไม่ต้อง” “อย่าดื้อสิ เมื่อคืนตอนอยู่บนเตียงไม่เห็นเธอจะดื้อแบบนี้เลย” “หุบปาก! แล้วอย่าพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก” “ทำไมจะพูดไม่ได้ มันคือความจริงนี่” “ฉันบอกให้หุบปาก!” เธอเริ่มสะกดความโมโหเอาไว้ไม่ไหวแล้ว แต่โชคดีที่รถบัสของมหาวิทยาลัยวิ่งผ่านมาพอดี เธอจึงเดินหนีเขาขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์บนรถบัส พอเริ่มหายหัวร้อนนะโมก็หยิบโทรศัพท์ที่ถือติดตัวไว้ออกมากดหาเบอร์ลูกตาล (ฮัลโหลนะโมแกอยู่ไหน!) ลูกตาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลนลานเป็นห่วง “กลับมาเอารถที่คณะ เก็บของให้หน่อยเดี๋ยวฉันไปเอาที่หอแกเอง” (ได้ๆ งั้นแกจะมาเอาตอนไหนก็โทรมานะ) “อืม” หมดธุระที่จะพูดนะโมก็กดตัดสายพร้อมกับทอดสายตาออกไปนอกรถบัส มองวิวข้างทางที่เป็นต้นไม้ใหญ่ประดับตลอดแนวถนนไปยังคณะ ตึ้ง! [อังเปา : นะโมฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆฉันไม่ได้ตั้งใจทำแกเจ็บ ขอโทษนะ] นะโมไล่อ่านข้อความจากอังเปาทุกตัวอักษรก่อนจะคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงโดยไม่พิมพ์ตอบกลับเธอ นะโมเคยเตือนอังเปาอยู่หลายครั้งแล้วว่าเวลาทำอะไรให้มีสติตลอดเวลา โมโหได้ โกรธได้ เอาคืนได้ แต่อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนขาดสติ เวลามีคนห้ามก็ให้รู้จักฟังไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแบบวันนี้ หากปล่อยแบบนี้ต่อไป ไม่เตือนเพื่อนให้ดี ชีวิตของอังเปายามโมโหคงได้กลายเป็นไฟที่ไม่มีใครดับได้ และเธอก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น [นะโม : ผิงแกพาอังเปากลับห้องตอนนี้เลย อย่าปล่อยให้มันอยู่ขายหน้าที่นั่นนาน] [ขนมผิง : รับทราบ! ตอนนี้กำลังจะออกจากโรงอาหาร แล้วแกล่ะอยู่ไหนโอเคไหม] [นะโม : อืม] ณ คอนโดนะโม หญิงสาวกลับมาถึงห้องก็เปิดตู้เสื้อผ้าเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดตัวโคร่งสีชมพู สวมทับบนร่างกาย เปลี่ยนกระโปรงตัวยาวเป็นกางเกงขาสั้นหลวมๆ ไม่ให้อึดอัด จากนั้นก็เดินมาทายาที่หน้ากระจก “มือหนักชะมัด” นะโมเห็นรอยแดงบนใบหน้าก็ถอนหายใจเพราะนอกจากรอยแดงแล้วยังมีรอยแผลจากเจ็บเจลของเพื่อนด้วย เธอเปิดลิ้นชักหายาทาก่อนจะร้องซีดออกมาเพราะความแสบ จัดการกับหน้าตัวเองเสร็จก็หยิบกระเป๋าเงินพร้อมกับโทรศัพท์และกุญแจรถเพื่อออกไปร้านแว่นขาประจำซื้อแว่นตาใหม่อีกอันแล้วไปเอาของที่คอนโดลูกตาล ระหว่างทางเดินไปยังลิฟต์นะโมก็เจอใครบางคนที่ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย โยธาเดินสวนออกมาจากลิฟต์ เขาผงะเธอผงะ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเนื่องจากตอนนี้ข้างกายโยธามีหญิงสาวน่ารักอีกหนึ่งคนเดินควงแขนมาด้วยกัน นะโมที่ไม่ได้สนใจอะไรมากเห็นเขาเป็นเพียงเศษฝุ่นเม็ดหนึ่งก็เลือกเดินผ่านร่างโยธาไปด้วยท่าทางหมางเมินราวกับไม่อยู่ในสายตา ต่างจากโยธาที่วางสายตาบนใบหน้าเธอตั้งแต่เขาทั้งคู่สบตากัน “รู้จักเหรอคะพี่โยธา” สายตาเขาที่มองนะโมทำให้คนตัวเล็กข้างกายโยธาเอ่ยถามพลันมองแผ่นหลังนะโมที่ค่อยๆ เดินจากไป “เปล่าจ้ะ” ใบหน้าหล่อละมุนยกยิ้มหวานพร้อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพูดกับคนข้างกาย ทำเอานะโมที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลและได้ยินเสียงนั้นถึงกับแบะปากอยากจะอ้วก โชคดีของเธอแล้วที่ตอนมีอะไรกันไม่ได้รู้สึกตัวไม่งั้นเธอคงเสียใจและขยะแขยงเขามากกว่านี้ ถือเสียว่าใช้โอกาสนี้ทำบุญทำทานให้คนอดอยากได้กิน ขอให้อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD