EP.2

1659 Words
เวลาต่อมา - คณะสิ่งแวดล้อม - พรึบ ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้มันเกือบจะบ่ายสองแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเพราะต้องเอาเอกสารบ้าบอนี่มาส่ง! พระเจ้านี่มันยุคไหนแล้วทำไมยังต้องใช้เอกสารอยู่? "ไหนว่าเรียนสิ่งแวดล้อม แต่ไหงยังใช้กระดาษอยู่กัน" ฉันสะบัดผมสีส้มตัวเองไปด้านหลังก่อนจะเดินห่างออกมาจากซูเปอร์คาร์สีส้มของตัวเองเพื่อเดินเข้าไปในตัวอาคาร ทันทีที่เดินเข้าไปฉันก็ต้องอึ้งกับสวนที่ตั้งอยู่ใจกลางคณะเลย...ก็รู้อยู่หรอกนะว่าแต่ละคณะจะตกแต่งแตกต่างกันออกไป แต่ฉันก็เพิ่งจะเห็นสวนที่ใหญ่ และสวยขนาดนี้แถมยังเปิดหลังคาตรงกลางให้น้ำและแสงแดดตกลงมาอีก "เวอร์มาก.." แต่สวยจริงอันนี้ไม่เถียง เพราะงั้นก็คงไม่แย่อะไรถ้าจะเดินเข้าไปถ่ายสตอรี่ตัวเองกับสวนตรงกลางสักหน่อย "แสงอย่างสวย" ฉันเอ่ยชมกับตัวเองหลังถ่ายสตอรี่เสร็จ ชอบหน้าตัวเองเวลาแสงตกกระทบแฮะ รู้สึกสวยออร่าจับมาก "โทษที" "อ๊ะ.." ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะหันมองคนที่มาทัก แต่กลับต้องชะงักค้างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรตรงหน้า...เบ้าหน้าพระเจ้าตั้งใจสร้างสุดๆ ฉันเบิกตามองคนตรงหน้าที่มีดวงตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางและรูปหน้าที่คมสุดๆ เขาทั้งหล่อและสูงมากขนาดว่าฉันสูงไปกว่าร้อยเจ็ดสิบเซ็นแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองเตี้ยอ่ะ แต่หน้าคุ้นมากเหมือนเคยเจอที่ไหน... "เธอควรขยับออกจากตรงนี้นะ" "ห๊ะ?" ฉันเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าก่อนจะมองตามนิ้วของเขาที่กำลังชี้ลงบนพื้น "เธอกำลังเหยียบดอกไม้อยู่" "โอ๊ะ ซอรี่...โทษทีไม่ได้ตั้งใจ" ฉันรีบยกเท้าขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างหลังเห็นว่าที่เขาพูดมันจริง ฉันเหยียบดอกไม้ที่กำลังจะบานซะเต็มเท้าเลย "ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ" "ครับ ไม่เป็นไร" อ้าว..ไหงยอมง่ายขนาดนี้อ่ะ สายตาเขาดูไม่โอเคกับการที่ฉันเหยียบดอกไม้สุดๆเลยนะ แต่การกระทำและคำพูดกับไปคนละทางเลย ฉันหรี่ตามองเขาที่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเรียบร้อยดี แถมยังดูสะอาดเหมือนคนอาบน้ำวันละสิบรอบก่อนจะหรี่ตามองเข็มกลัดคณะ.. "เอ่อ..นายเรียนที่คณะนี้ใช่ไหม?" "อืม" "ดี งั้นถามเรื่องค่ายอาสานี้หน่อยสิพอดีเราต้องไปส่งใบสมัคร" ฉันยื่นเอกสารไปให้คนตรงหน้าดูก่อนเขาจะหยิบไปอ่าน และเหลือบมองฉันด้วยแววตานิ่งเรียบคล้ายกำลังประเมินอะไรฉันอยู่ ฉันรู้สึกได้น่ะสิเพียงแค่ว่าเขาไม่ได้พูดมันออกมาเท่านั้น สายตาเขามันบ่งบอกอ่ะว่ากำลังประเมินฉันอยู่ "เราคิดว่านายน่าจะรู้จักน่ะ..ใช่ไหม?" "ครับ เป็นค่ายที่เราดูแลน่ะ" "หื้ม ค่ายอาสานี้นายดูแลงั้นเหรอ?" "ใช่ ไม่คิดว่าอาจารย์จะหาคนมาทัน...เธอคงเป็นนักศึกษาคณะธุรกิจสินะ" "ใช่ และคงต้องแนะนำตัวสินะ...เราชื่อวิเวียนนายล่ะ" "เรน เราชื่อเรน" เรน....ดวงตาฉันเบิกกว้างมองคนตรงหน้าทันทีหลังเขาบอกชื่อตัวเองให้ฉันรู้ และชืิ่อนี้ก็ฝังในความทรงจำที่ฉันอยากจะลืมสุดๆ พลั้นคำพูดของเด็กหนุ่มมัธยมปลายก็ดังขึ้นในหัว 'ทำบ้าอะไรของเธอ?' "เป็นอะไรรึเปล่า?" "ปะเปล่า เราโอเค" ฉันผงะถอยหลังทันทีหลังเรนโน้มใบหน้าลงมามองฉันที่นิ่งเงียบไปด้วยความสงสัย เขาเอียงใบหน้าเล็กน้อยคล้ายกำลังทำความเข้าใจกับท่าทีของฉันก่อนจะขยับออกห่าง เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเรา "เอกสารนี้จริงๆไม่ต้องส่งก็ได้ เรามีเว็บให้กรอกข้อมูลอยู่ แต่สงสัยอาจารย์คุยกันแล้วเข้าใจผิดไปคนละความหมาย" "ก็ว่าอยู่ สมัยนี้แล้วยังต้องมาส่งเอกสารอีกแบบนี้มันเสียเวลาจะตาย" ถึงจะยังตกใจที่เจอคนที่เคยรู้จัก แต่มันอดไม่ได้ที่จะบ่น "อาจารย์คงเป็นห่วงว่าจะส่งไม่ทันแหละ ยังไงเราจะส่งเอกสารให้ฝ่ายบุคคลให้" "แล้วนี่เราต้องไปกันกี่วันอ่ะ เห็นอาจารย์บอกแค่ว่าไปตลอดช่วงซัมเมอร์" "ก็ตามที่อาจารย์บอกนั่นแหละหนึ่งเดือนครึ่ง" "ว้าว เราจะไปทำอะไรเพื่อสังคมกันบ้างเหรอทำไมถึงได้ไปนานขนาดนั้น?" "เยอะนะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะมีปฐมนิเทศก่อนเดินทาง" "อ่อ เยี่ยมเลยสิ" เรนพูดตัดบทเพราะคงรู้ว่าฉันต้องได้ถามเขาต่อแน่ ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วฉันสงสัยหลายอย่างเลยแหละตอนนี้ "งั้นกว่าจะถึงวันนั้นเราขอเบอร์เรนไว้หน่อยสิ" เรนขมวดคิ้วมองฉันทันทีหลังฉันพูดออกไปแบบนั้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ส่งให้เขา "ก็เราไม่มีเพื่อนเลย อย่างน้อยก็รู้จักเรนแล้วหนึ่งคน" "ค่ายนี้วิเวียนจะได้เพื่อนเพิ่มแน่นอน" "รู้ค่ะ แต่ตอนนี้อยากมีเบอร์เรนก่อนเพื่อความสบายใจ" ฉันยัดโทรศัพท์ตัวเองเข้าไปในมือของเรนก่อนจะยิ้มกดดันให้เขากดเบอร์ให้สักที ดูก็รู้ว่านายคนนี้มันโลกส่วนตัวสูง คงไม่มีเพื่อนเลยสินะ....น่าสงสารซะจริงแต่ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะนายคนนี้ปากร้ายสุดๆ ดีที่เขาจำฉันไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรฉันไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นใครหรอกตอนนั้นมันก็ยังเด็กอ่ะนะ "เบอร์เรา" "ขอบคุณน๊า ไม่ได้เรนนี่แย่เลย" ฉันยิ้มให้เรนพร้อมกับกดโทรออกหาเขาก่อนจะยักคิ้วให้หลังเรนหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา "ส่วนนั่นเบอร์เรา ยินดีที่ได้รู้จักนะเรน" "ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" เรนยิ้มให้ฉันนิดๆในตอนที่ฉันโบกมือลาเขาด้วยรอยยิ้ม "งั้นเราไปก่อน ไว้เจอกันนะเรน" "อืม ไว้เจอกันครับวิเวียน" ฉันยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกมาจากคณะสิ่งแวดล้อม วันนี้เจอเรื่องเซอร์ไพรส์หลายเรื่องมาก เรื่องที่หนึ่งเลยคืออาจารย์ให้ไปค่ายทำดีเพื่อสังคม สองเลยคือเจอคนที่โคตรหล่อ และสามคือคนที่โคตรหล่อคนนั้นดันเป็นคนที่เคยพูดไม่ดีด้วยเมื่อสมัยก่อนแถมยังเป็นหัวหอกในการทำค่ายอีก "มีอะไรที่จะเซอร์ไพรส์กว่านี้ไหม วันนี้มันเริดซะจริง!" แต่มันจะเริดกว่านี้ถ้าไม่ได้ไป พระเจ้าน่าจะรู้ใจลูกสิว่าลูกน่ะรักทะเลมากกว่าภูเขา! สองอาทิตย์ต่อมา 06.06 am. "โหยย หมอกอย่างสวยอากาศคงดีมากแน่เลย!" "จริง ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่คือประเทศเดียวกัน!" "สวยมากก" พรึบ! "ให้ตาย" ฉันกัดฟันด้วยความเหลืออดหลังได้ยินเสียงนกน้อยที่กำลังตื่นตาตื่นใจราวกับเรากำลังเข้ามาในโลกใบใหม่กันอยู่ กะอีแค่หมอกและภูเขาที่เยอะฉิบหายสุดลูกหูลูกตาทำเป็นตื่นเต้นไปได้ "ว้าว.." แต่มันก็โคตรจะสวยสะกดสายตาจริงๆอ่ะนะ ฉันขยับลุกขึ้นนั่งดีๆพร้อมกับหันมองออกไปนอกกระจกมองวิวข้างทางที่เต็มไปด้วยภูเขาสลับกันยาวไปจนสุดลูกหูลูกตาแถมยังเต็มไปด้วยม่านหมอกที่กำลังขยับลอยต้องกับแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น "โอ้ก้อช.." นี่สินะรางวัลของคนตื่นเช้า...แต่มันง่วงไม่ไหวอ่ะ สวยอยู่แต่หนังตาคือไม่สู้ เพราะงั้นขอนอนต่อแล้วกัน... เวลาต่อมา "วิเวียน...วิเวียน" "อือ.." ฉันลืมตาตื่นอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าหล่อฟ้าประทานที่กำลังลอยอยู่ตรงหน้าตัวเองจนเผลอเอื้อมมือไปคว้าจับเอาไว้ เพราะกลัวว่าพ่อเทพบุตรในฝันจะหายไปอีก "อย่าหนีนะ!" "เชี้ย!! นี่ไปถึงขั้นไหนกันแล้วเนี่ย!?" ฉันเบิกตากว้างแบบตื่นเต็มตามองใบหน้าเรนที่อยู่ห่างกันแค่คืบจนต้องผละตัวออกพร้อมกับหันมองกระทิงเพื่อนของเรนที่กำลังยืนปิดปากมองเราอยู่ เขาเป็นเพื่อนในค่ายคนที่สองของฉันหลังจากเรนแนะนำให้รู้จักตอนปฐมนิเทศก่อนมาออกค่าย และแน่นอนนายเรนเลือกคบเพื่อนที่หน้าตาระดับเดียวกันมาก เพราะกระทิงเองก็หล่อแซ่บสุด ผู้ชายผิวแทนสุดเข้มอ่ะเนาะ "ขอโทษเรานึกว่าเราฝันอยู่!" ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะมองเรนสลับกับกระทิงด้วยความตกใจ "กำลังฝันว่าไล่จับใครอยู่ล่ะ ฮ่าๆ" กระทิงเอ่ยแซ็วฉันอย่างขำๆจนฉันส่ายหน้าไปมาด้วยความอับอาย และหันมองเรนที่กำลังยกมือลูบหน้าตัวเองอยู่ "ขอโทษนะเรน เจ็บไหมเนี่ย?" "ไม่เป็นไร ตอนนี้ถึงที่ที่เราจะพักแล้วน่ะแต่ตอนเช็กชื่อไม่เห็นเลยเดินขึ้นมาตาม" "ให้ตาย...ถึงนานยังเนี่ย" "ก็นานจนคนอื่นๆเอาของไปเก็บเตรียมตัวกันแล้วอ่ะ" กระทิงตอบแทนเรนด้วยรอยยิ้มจนฉันต้องรีบสะบัดตูดลุกเดินตามพวกเขาลงมาจากรถบัสมหาลัย และเอาของไปเก็บที่พัก...เดี๋ยวนะที่พักมันแปลกๆไหม? "ทำไมเรามาวัดกันล่ะ?" "ก็วัดเป็นที่ที่กว้างสุดสำหรับนอนแล้ว ผู้หญิงจะได้นอนในโบสถ์ส่วนพวกผู้ชายกางเต็นท์นอนแถวสนาม เป็นไงธรรมชาติรังสรรค์สุดๆว่าไหม" กระทิงหันมาตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมกับผายมือให้ฉันเห็นวิวของภูเขาที่รายล้อมเราอยู่ขณะที่ฉันกำลังยิ้มแห้งมองไปรอบๆตัวด้วยความตื่นตระหนัก....นอนวัดเนี่ยนะ... เหลือจะเชื่อ! อย่าเผลอวีนนะวิเวียนเธอต้องยิ้มสู้เท่านั้นนะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD