เวลาต่อมา
- คณะสิ่งแวดล้อม -
พรึบ
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้มันเกือบจะบ่ายสองแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเพราะต้องเอาเอกสารบ้าบอนี่มาส่ง!
พระเจ้านี่มันยุคไหนแล้วทำไมยังต้องใช้เอกสารอยู่?
"ไหนว่าเรียนสิ่งแวดล้อม แต่ไหงยังใช้กระดาษอยู่กัน"
ฉันสะบัดผมสีส้มตัวเองไปด้านหลังก่อนจะเดินห่างออกมาจากซูเปอร์คาร์สีส้มของตัวเองเพื่อเดินเข้าไปในตัวอาคาร ทันทีที่เดินเข้าไปฉันก็ต้องอึ้งกับสวนที่ตั้งอยู่ใจกลางคณะเลย...ก็รู้อยู่หรอกนะว่าแต่ละคณะจะตกแต่งแตกต่างกันออกไป แต่ฉันก็เพิ่งจะเห็นสวนที่ใหญ่ และสวยขนาดนี้แถมยังเปิดหลังคาตรงกลางให้น้ำและแสงแดดตกลงมาอีก
"เวอร์มาก.."
แต่สวยจริงอันนี้ไม่เถียง เพราะงั้นก็คงไม่แย่อะไรถ้าจะเดินเข้าไปถ่ายสตอรี่ตัวเองกับสวนตรงกลางสักหน่อย
"แสงอย่างสวย"
ฉันเอ่ยชมกับตัวเองหลังถ่ายสตอรี่เสร็จ ชอบหน้าตัวเองเวลาแสงตกกระทบแฮะ รู้สึกสวยออร่าจับมาก
"โทษที"
"อ๊ะ.."
ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะหันมองคนที่มาทัก แต่กลับต้องชะงักค้างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรตรงหน้า...เบ้าหน้าพระเจ้าตั้งใจสร้างสุดๆ ฉันเบิกตามองคนตรงหน้าที่มีดวงตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางและรูปหน้าที่คมสุดๆ เขาทั้งหล่อและสูงมากขนาดว่าฉันสูงไปกว่าร้อยเจ็ดสิบเซ็นแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองเตี้ยอ่ะ
แต่หน้าคุ้นมากเหมือนเคยเจอที่ไหน...
"เธอควรขยับออกจากตรงนี้นะ"
"ห๊ะ?"
ฉันเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าก่อนจะมองตามนิ้วของเขาที่กำลังชี้ลงบนพื้น
"เธอกำลังเหยียบดอกไม้อยู่"
"โอ๊ะ ซอรี่...โทษทีไม่ได้ตั้งใจ"
ฉันรีบยกเท้าขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างหลังเห็นว่าที่เขาพูดมันจริง ฉันเหยียบดอกไม้ที่กำลังจะบานซะเต็มเท้าเลย
"ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"
"ครับ ไม่เป็นไร"
อ้าว..ไหงยอมง่ายขนาดนี้อ่ะ สายตาเขาดูไม่โอเคกับการที่ฉันเหยียบดอกไม้สุดๆเลยนะ แต่การกระทำและคำพูดกับไปคนละทางเลย ฉันหรี่ตามองเขาที่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเรียบร้อยดี แถมยังดูสะอาดเหมือนคนอาบน้ำวันละสิบรอบก่อนจะหรี่ตามองเข็มกลัดคณะ..
"เอ่อ..นายเรียนที่คณะนี้ใช่ไหม?"
"อืม"
"ดี งั้นถามเรื่องค่ายอาสานี้หน่อยสิพอดีเราต้องไปส่งใบสมัคร"
ฉันยื่นเอกสารไปให้คนตรงหน้าดูก่อนเขาจะหยิบไปอ่าน และเหลือบมองฉันด้วยแววตานิ่งเรียบคล้ายกำลังประเมินอะไรฉันอยู่ ฉันรู้สึกได้น่ะสิเพียงแค่ว่าเขาไม่ได้พูดมันออกมาเท่านั้น
สายตาเขามันบ่งบอกอ่ะว่ากำลังประเมินฉันอยู่
"เราคิดว่านายน่าจะรู้จักน่ะ..ใช่ไหม?"
"ครับ เป็นค่ายที่เราดูแลน่ะ"
"หื้ม ค่ายอาสานี้นายดูแลงั้นเหรอ?"
"ใช่ ไม่คิดว่าอาจารย์จะหาคนมาทัน...เธอคงเป็นนักศึกษาคณะธุรกิจสินะ"
"ใช่ และคงต้องแนะนำตัวสินะ...เราชื่อวิเวียนนายล่ะ"
"เรน เราชื่อเรน"
เรน....ดวงตาฉันเบิกกว้างมองคนตรงหน้าทันทีหลังเขาบอกชื่อตัวเองให้ฉันรู้ และชืิ่อนี้ก็ฝังในความทรงจำที่ฉันอยากจะลืมสุดๆ พลั้นคำพูดของเด็กหนุ่มมัธยมปลายก็ดังขึ้นในหัว
'ทำบ้าอะไรของเธอ?'
"เป็นอะไรรึเปล่า?"
"ปะเปล่า เราโอเค"
ฉันผงะถอยหลังทันทีหลังเรนโน้มใบหน้าลงมามองฉันที่นิ่งเงียบไปด้วยความสงสัย เขาเอียงใบหน้าเล็กน้อยคล้ายกำลังทำความเข้าใจกับท่าทีของฉันก่อนจะขยับออกห่าง เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเรา
"เอกสารนี้จริงๆไม่ต้องส่งก็ได้ เรามีเว็บให้กรอกข้อมูลอยู่ แต่สงสัยอาจารย์คุยกันแล้วเข้าใจผิดไปคนละความหมาย"
"ก็ว่าอยู่ สมัยนี้แล้วยังต้องมาส่งเอกสารอีกแบบนี้มันเสียเวลาจะตาย"
ถึงจะยังตกใจที่เจอคนที่เคยรู้จัก แต่มันอดไม่ได้ที่จะบ่น
"อาจารย์คงเป็นห่วงว่าจะส่งไม่ทันแหละ ยังไงเราจะส่งเอกสารให้ฝ่ายบุคคลให้"
"แล้วนี่เราต้องไปกันกี่วันอ่ะ เห็นอาจารย์บอกแค่ว่าไปตลอดช่วงซัมเมอร์"
"ก็ตามที่อาจารย์บอกนั่นแหละหนึ่งเดือนครึ่ง"
"ว้าว เราจะไปทำอะไรเพื่อสังคมกันบ้างเหรอทำไมถึงได้ไปนานขนาดนั้น?"
"เยอะนะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะมีปฐมนิเทศก่อนเดินทาง"
"อ่อ เยี่ยมเลยสิ"
เรนพูดตัดบทเพราะคงรู้ว่าฉันต้องได้ถามเขาต่อแน่ ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วฉันสงสัยหลายอย่างเลยแหละตอนนี้
"งั้นกว่าจะถึงวันนั้นเราขอเบอร์เรนไว้หน่อยสิ"
เรนขมวดคิ้วมองฉันทันทีหลังฉันพูดออกไปแบบนั้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ส่งให้เขา
"ก็เราไม่มีเพื่อนเลย อย่างน้อยก็รู้จักเรนแล้วหนึ่งคน"
"ค่ายนี้วิเวียนจะได้เพื่อนเพิ่มแน่นอน"
"รู้ค่ะ แต่ตอนนี้อยากมีเบอร์เรนก่อนเพื่อความสบายใจ"
ฉันยัดโทรศัพท์ตัวเองเข้าไปในมือของเรนก่อนจะยิ้มกดดันให้เขากดเบอร์ให้สักที ดูก็รู้ว่านายคนนี้มันโลกส่วนตัวสูง คงไม่มีเพื่อนเลยสินะ....น่าสงสารซะจริงแต่ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะนายคนนี้ปากร้ายสุดๆ
ดีที่เขาจำฉันไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรฉันไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นใครหรอกตอนนั้นมันก็ยังเด็กอ่ะนะ
"เบอร์เรา"
"ขอบคุณน๊า ไม่ได้เรนนี่แย่เลย"
ฉันยิ้มให้เรนพร้อมกับกดโทรออกหาเขาก่อนจะยักคิ้วให้หลังเรนหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา
"ส่วนนั่นเบอร์เรา ยินดีที่ได้รู้จักนะเรน"
"ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก"
เรนยิ้มให้ฉันนิดๆในตอนที่ฉันโบกมือลาเขาด้วยรอยยิ้ม
"งั้นเราไปก่อน ไว้เจอกันนะเรน"
"อืม ไว้เจอกันครับวิเวียน"
ฉันยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกมาจากคณะสิ่งแวดล้อม วันนี้เจอเรื่องเซอร์ไพรส์หลายเรื่องมาก เรื่องที่หนึ่งเลยคืออาจารย์ให้ไปค่ายทำดีเพื่อสังคม สองเลยคือเจอคนที่โคตรหล่อ และสามคือคนที่โคตรหล่อคนนั้นดันเป็นคนที่เคยพูดไม่ดีด้วยเมื่อสมัยก่อนแถมยังเป็นหัวหอกในการทำค่ายอีก
"มีอะไรที่จะเซอร์ไพรส์กว่านี้ไหม วันนี้มันเริดซะจริง!"
แต่มันจะเริดกว่านี้ถ้าไม่ได้ไป พระเจ้าน่าจะรู้ใจลูกสิว่าลูกน่ะรักทะเลมากกว่าภูเขา!
สองอาทิตย์ต่อมา
06.06 am.
"โหยย หมอกอย่างสวยอากาศคงดีมากแน่เลย!"
"จริง ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่คือประเทศเดียวกัน!"
"สวยมากก"
พรึบ!
"ให้ตาย"
ฉันกัดฟันด้วยความเหลืออดหลังได้ยินเสียงนกน้อยที่กำลังตื่นตาตื่นใจราวกับเรากำลังเข้ามาในโลกใบใหม่กันอยู่ กะอีแค่หมอกและภูเขาที่เยอะฉิบหายสุดลูกหูลูกตาทำเป็นตื่นเต้นไปได้
"ว้าว.."
แต่มันก็โคตรจะสวยสะกดสายตาจริงๆอ่ะนะ ฉันขยับลุกขึ้นนั่งดีๆพร้อมกับหันมองออกไปนอกกระจกมองวิวข้างทางที่เต็มไปด้วยภูเขาสลับกันยาวไปจนสุดลูกหูลูกตาแถมยังเต็มไปด้วยม่านหมอกที่กำลังขยับลอยต้องกับแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น
"โอ้ก้อช.."
นี่สินะรางวัลของคนตื่นเช้า...แต่มันง่วงไม่ไหวอ่ะ สวยอยู่แต่หนังตาคือไม่สู้ เพราะงั้นขอนอนต่อแล้วกัน...
เวลาต่อมา
"วิเวียน...วิเวียน"
"อือ.."
ฉันลืมตาตื่นอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าหล่อฟ้าประทานที่กำลังลอยอยู่ตรงหน้าตัวเองจนเผลอเอื้อมมือไปคว้าจับเอาไว้ เพราะกลัวว่าพ่อเทพบุตรในฝันจะหายไปอีก
"อย่าหนีนะ!"
"เชี้ย!! นี่ไปถึงขั้นไหนกันแล้วเนี่ย!?"
ฉันเบิกตากว้างแบบตื่นเต็มตามองใบหน้าเรนที่อยู่ห่างกันแค่คืบจนต้องผละตัวออกพร้อมกับหันมองกระทิงเพื่อนของเรนที่กำลังยืนปิดปากมองเราอยู่ เขาเป็นเพื่อนในค่ายคนที่สองของฉันหลังจากเรนแนะนำให้รู้จักตอนปฐมนิเทศก่อนมาออกค่าย และแน่นอนนายเรนเลือกคบเพื่อนที่หน้าตาระดับเดียวกันมาก เพราะกระทิงเองก็หล่อแซ่บสุด ผู้ชายผิวแทนสุดเข้มอ่ะเนาะ
"ขอโทษเรานึกว่าเราฝันอยู่!"
ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะมองเรนสลับกับกระทิงด้วยความตกใจ
"กำลังฝันว่าไล่จับใครอยู่ล่ะ ฮ่าๆ"
กระทิงเอ่ยแซ็วฉันอย่างขำๆจนฉันส่ายหน้าไปมาด้วยความอับอาย และหันมองเรนที่กำลังยกมือลูบหน้าตัวเองอยู่
"ขอโทษนะเรน เจ็บไหมเนี่ย?"
"ไม่เป็นไร ตอนนี้ถึงที่ที่เราจะพักแล้วน่ะแต่ตอนเช็กชื่อไม่เห็นเลยเดินขึ้นมาตาม"
"ให้ตาย...ถึงนานยังเนี่ย"
"ก็นานจนคนอื่นๆเอาของไปเก็บเตรียมตัวกันแล้วอ่ะ"
กระทิงตอบแทนเรนด้วยรอยยิ้มจนฉันต้องรีบสะบัดตูดลุกเดินตามพวกเขาลงมาจากรถบัสมหาลัย และเอาของไปเก็บที่พัก...เดี๋ยวนะที่พักมันแปลกๆไหม?
"ทำไมเรามาวัดกันล่ะ?"
"ก็วัดเป็นที่ที่กว้างสุดสำหรับนอนแล้ว ผู้หญิงจะได้นอนในโบสถ์ส่วนพวกผู้ชายกางเต็นท์นอนแถวสนาม เป็นไงธรรมชาติรังสรรค์สุดๆว่าไหม"
กระทิงหันมาตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมกับผายมือให้ฉันเห็นวิวของภูเขาที่รายล้อมเราอยู่ขณะที่ฉันกำลังยิ้มแห้งมองไปรอบๆตัวด้วยความตื่นตระหนัก....นอนวัดเนี่ยนะ...
เหลือจะเชื่อ! อย่าเผลอวีนนะวิเวียนเธอต้องยิ้มสู้เท่านั้นนะ!