เวลา 21:30 น.
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งดื่มอยู่ท่ามกลางไฟแสงสีและสาวสวยมากมายที่เดินวนเวียนมาอ่อยมายั่วแทบทุกวินาที แต่เขากลับนิ่งและไม่แม้แต่จะชายตามองผู้หญิงพวกนั้น
เพราะเขา... มีคนที่รักอยู่ในใจอยู่แล้ว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ?”
เสียงของภควัตเจ้าของโรงงานผลิตรถยนต์ยี่ห้อดังที่สุดในประเทศถามเพื่อนรักด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมเพื่อนของเขาต้องทำหน้าตาเหมือนคนเบื่อโลก ทั้งๆ ที่ควรจะมีความสุข ให้สมกับคนกำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวหน่อย
“เปล่า”
อนาวินตอบเสียงเรียบขณะที่สมองคิดอะไรเต็มไปหมด แต่เรื่องที่คิดล้วนแต่เป็นเรื่องของแฟนสาวของเขาทั้งนั้น
“มีปัญหากับแฟนเหรอ?”
ภัควัตถามออกไปตามความรู้สึกที่น่าจะเป็นไปได้ เพราะคนฉลาดรอบรู้ไปเสียทุกเรื่องอยากอนาวินไม่มีทางมีปัญหาเรื่องงานแน่ๆ
“ฟู่ว~” อนาวินพ่นลมหายใจออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ บอกตามตรงว่าเขาเองยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ระหว่างเขากับพิมพ์ดาวมีปัญหาอะไรกัน
หลังจากที่เขากับเธอไปเดทกันครั้งก่อน เธอก็เงียบหายไป โทรหาก็ไม่รับสาย ไลน์ไปก็ไม่ตอบและที่เขาใจร้อนกับเรื่องนี้ก็เพราะผู้ชายที่เข้ามาทักเธอตอนที่เขากับเธอกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหาร เขาดูออกว่าทั้งสองคนเป็นมากกว่าคนรู้จักกัน เพราะแฟนสาวของเขาฮอตเหลือเกินในกลุ่มผู้ชาย
“เล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ เผื่อจะช่วยอะไรได้”
ภควัตพูดออกไปด้วยท่าทางไม่จริงจังนัก เพราะไม่อยากให้เพื่อนซีเรียสแต่ทุกคำพูดที่ออกไปล้วนแต่เป็นความจริงใจทั้งนั้น
อนาวินตัดสินใจเล่าทุกอย่างระหว่างเขากับแฟนสาวที่เพิ่งจะคบกันให้เพื่อนฟังทุกอย่าง
“ถ้าเป็นอย่างที่นายเล่ามา มันไม่มีอะไรน่าหนักใจเลยสักนิด”
ภัควัตพูดออกไปตามประสบการณ์อันโชกโชน และความรู้ที่เก็บเกี่ยวมาจากสาวๆ ที่เคยควง ซึ่งปัญหาของอนาวินมันเล็กนิดเดียว
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ… ฉันคิดว่าเธออาจจะกำลังงอนนายอยู่”
ภควัตพูดไปตามที่คิดและประมวลผลจากสิ่งที่อนาวินเล่าให้ฟัง ถึงผู้หญิงจะเป็นเพศที่เข้าใจยาก แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับผู้ชายมากประสบการณ์อย่างภควัตจะเข้าใจ
“งอน?”
อนาวินยิ่งงงไปกันใหญ่ เธอจะงอนเขาเรื่องอะไร ในเมื่อเธออยากได้อะไรเขาก็ตามใจซื้อให้เธอทุกอย่าง
“นายไม่รู้หรือไงว่าผู้หญิงเป็นเพศที่คิดเยอะ มโนเก่งเป็นที่หนึ่ง การที่นายไม่ยอมแตะต้องตัวเธอเลยทั้งๆ ที่เป็นแฟนกัน มันทำให้เธอคิดว่านายไม่ได้จริงจังกับเธอ หรือบางที… เธออาจจะคิดว่านายรังเกียจเธอก็ได้”
การสันนิษฐานของภควัตทำให้อนาวินฉุกคิดขึ้นมาทันทีหรือจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะทุกครั้งที่ไปด้วยกันเธอจะชอบมาคลอเคลียเขา แต่เขาก็พยายามรักษาระยะห่างเอาไว้เพราะกลัวเธอจะเสียหาย ไม่ได้รังเกียจเธอแต่อย่างใด กลับกันเขากลับต้องการเธอจนแทบจะรอถึงวันแต่งงานไม่ไหว
ใช่แล้ว!!
เขาตั้งใจจะขอเธอแต่งงานหลังจากที่เขาจัดการปัญหาในบริษัทเสร็จ ถึงเขากับเธอจะคบหาดูใจกันได้ไม่นาน แต่เขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาตามหา
“ผู้หญิงทุกคนต้องการความชัดเจน แล้วนายก็ควรจะแสดงความชัดเจนให้เธอกับเธอซะ ถ้าไม่อยากเสียเธอไป” ภควัตบอกเพื่อนรักด้วยความหวังดี
..
บ้านอัครเทพ
ร่างบางก้าวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ตั้งแต่วันที่พ่อจากไปเธอก็ต้องเข้าไปบริหารงานทุกอย่างแทนพ่อของเธอ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยศึกษาเรื่องนี้เลย ช่วงแรกๆ เธอเกือบจะท้อ แต่โชคดีที่มีชานนท์ผู้ช่วยของคุณพ่อมาช่วยสอนงานให้ จนทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
เสียงของดารารายดังขึ้นมาจากชั้นบนของตัวบ้านหลังใหญ่ แต่จะเรียกว่าบ้านคงไม่ถูก เนื่องจากความใหญ่โตของบ้าน เรียกว่าคฤหาสน์น่าจะเหมาะกว่า
ตึก!! ตึก!! ตึก!!
ดารารายรีบเดินมาหาลูกสาวด้วยท่าทางเอาอกเอาใจ แล้วยังช่วยถือกระเป๋าให้จนน่าหมั่นไส้ต่อสายตาของคนที่มองอยู่
“ลูกพิมพ์... ไปหาน้ำมาให้พี่พราวดื่มหน่อยสิลูก พี่ทำงานมาเหนื่อยๆ”
ดารารายหันไปบอกลูกสาวอีกคนที่นั่งเป้ปากอยู่บนโซฟาในมุมรับแขก แล้วยิ่งได้ยินแม่ใช้ไปเอาน้ำมาให้พี่สาวที่ไม่ได้สนิทกันเหมือนพี่น้องทั่วไปก็ยิ่งทำให้เธอไม่พอใจและเกิดความน้อยใจขึ้นมา เมื่อแม่เอาอกเอาใจพี่สาวและทำเหมือนเธอเป็นหมาหัวเน่า
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่อย่าไปใช้น้องเลย”
พราวฟ้าพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานตามฉบับของคนที่ถูกเลี้ยงมาแบบผู้ดี
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
เสียงของพรพิศน้องสาวพิทักษ์พ่อของพราวฟ้า และเป็นคนเลี้ยงพราวฟ้ามาตั้งแต่แบเบาะ
“กลับมาแล้วค่ะคุณน้า พราวซื้อขนมไทยร้านโปรดของคุณน้ามาฝากด้วยนะคะ”
พราวฟ้าหันไปพูดกับคุณน้าของเธอด้วยท่าทางเป็นกันเอง ต่างจากเวลาที่อยู่กับแม่กับน้องที่ยังไม่สนิทกันเท่าที่ควร แต่พราวฟ้าก็เป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ไม่นานเธอคิดว่าคงจะปรับตัวได้
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ