หลังมื้ออาหารจบลงและได้จัดเตรียมยาให้ผู้เป็นพ่อเสร็จแล้ว มัดหมี่จึงเดินเข้าห้องนอนเพื่อใช้เวลาส่วนตัวบ้าง หญิงสาวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำรอง เป็นกางเกงยีนส์ขาสั้นกับเสื้อยืดพอดีตัวสีขาว
โดยเธอเลือกที่จะใช้เวลาว่างตอนนี้ในการวาดรูปที่ลูกค้าสั่งมา มือเล็กหยิบอุปกรณ์วาดรูปขึ้นมา แล้วนั่งลงบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ก่อนจะหยิบดินสอขึ้นมาร่างแบบ ซึ่งโต๊ะทำงานตั้งอยู่ปลายเตียงและติดกับหน้าต่างที่ปิดม่านไว้
บ้านของเธอเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สภาพศึกหรอตามกาลเวลา และเพราะไม่มีเงินมากพอที่จะมาซ่อมบำรุง ทำให้สภาพบ้านค่อนข้างทรุดโทรม แต่ด้านในตัวบ้านนั้นยังดีอยู่ บ้านหลังนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อ
ส่วนแม่ ท่านทิ้งพวกเราสองคนไปตั้งแต่เธอเพิ่งอายุสิบขวบ ท่านหนีไปเป็นภรรยาเก็บของคนรวย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของเธอติดเหล้า จนร่างกายย่ำแย่และเป็นโรคตับในที่สุด เธอไม่คิดถึงแม่มานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้เกลียดท่านหรอก อย่างไรเสียก็เป็นแม่ของเธอ
ปกติในช่วงวันหยุดเธอจะเข้าไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านดอกไม้ ส่วนวันปกติที่มีเรียน หากวันไหนที่เลิกเร็วเมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอมักจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปทำงานล้างจานที่ร้านหมูกระทะหน้าหมู่บ้าน มีทำงานยิบย่อยเพิ่มเติมอีกหลายอย่างที่เธอทำ รวมถึงงานรับจ้างวาดรูปก็ด้วย
เธอชอบการวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก หลายครั้งที่คุณครูคัดเลือกผลงานของเธอส่งไปประกวด ซึ่งก็จะได้รับรางวัลอยู่เสมอ กระทั่งตอนเรียนจบมัธยมปลาย เธอยื่นพอร์ตโฟลิโอเข้าสอบชิงทุนที่มหา’ลัยชื่อดัง หรือก็คือมหา’ลัยที่เธอกำลังศึกษาอยู่ในตอนนี้ และผลที่ได้คือเธอสอบได้ทุนจริง ๆ
ที่เธอทำงานหนักทั้งที่ยังเรียนอยู่ก็เป็นเพราะเธออยากหาเงินให้ได้เยอะ ๆ ก่อนที่จะเรียนจบและก่อนที่เธอจะยุติการเป็นเด็กเลี้ยงของคุณกองทัพ ตอนนี้พ่อของเธออาการดีขึ้นมากแล้ว เลยไม่มีเรื่องให้ต้องได้ใช้เงินมากนัก
ครืดดด ครืดดด
พลันความคิดในหัวต่างหยุดชะงักลง เมื่อเสียงสั่นของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ดวงตากลมมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอแล้วก็ได้แต่สงสัย ก่อนจะวางงานในมือลงแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย
“ฮัลโหลค่ะ” เธอกรอกเสียงลงไปตามสายเพื่อบอกให้คนที่โทรมารู้ว่าเธอรับสายเขาแล้ว
(ออกมาหาฉันหน่อย ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านเธอแล้ว)
ทันทีที่ฟังจบหัวใจดวงน้อยก็แทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มัดหมี่รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือเรียวกระชากผ้าม่านให้เปิดออก ก่อนจะเห็นว่าชายหนุ่มลงมายืนอยู่ข้างรถที่หน้าบ้านเธอจริง ๆ
“คุณมาทำไมคะ วันนี้วันพุธนะคะ มันไม่ใช่วันที่เรานัดกันไว้นี่” เธอเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ดวงตากลมยังไม่ละไปจากคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน และวันนัดที่ว่าก็คือวันที่เธอตกลงกับเขาไว้แล้วว่าเราจะเจอกันแค่เฉพาะวันนั้น นั่นก็คือวันอังคารและวันศุกร์ของทุกสัปดาห์
(ไม่ใช่วันนัดแล้วจะเจอกันหน่อยไม่ได้หรือไง) คนปลายสายถามกลับมา
“จะให้มัดไปทำเรื่องอย่างนั้นเหรอคะ ไม่เอาหรอกนะ มัดยังเจ็บจากเมื่อวานอยู่เลย” เสียงหวานโอดครวญใส่คนปลายสาย
(ออกมาเถอะน่า ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำ) เขาตะล่อมเธอเสียงนุ่ม พยายามแสดงความจริงใจผ่านน้ำเสียงให้ได้มากที่สุด ขณะดวงตาคมก็มองร่างเล็กที่ยืนมองเขาอยู่ในห้องนอนเหมือนกัน
“วันนี้มัดออกไปไม่ได้ค่ะ มัดต้องทำงานส่งลูกค้า” เสียงหวานตอบปฏิเสธเขาไป
เธอไม่อยากออกไปกับเขาเลย ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์มาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหลอกล่อให้เธอออกไปหานอกเหนือจากวันนัดของเรา ซึ่งทุกครั้งก็จบลงที่เธอถูกเขาจับกินทุกที
(มัดหมี่ถ้าเธอยังดื้อไม่ยอมออกมา ฉันจะเป็นคนเข้าไปหาเธอเอง) เขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคนตัวเล็กดื้อรั้น จนเขาต้องขู่เธอออกไป และดูเหมือนว่าจะได้ผลดีเสียด้วย เมื่อเธอรีบวิ่งออกมาจากบ้านทันทีที่เขาพูดจบ
เธอกดวางสายจากเขาเมื่อออกมานอกรั้วบ้านแล้ว ใบหน้าสวยงอง้ำเพราะถูกคนเอาแต่ใจข่มขู่ พอปิดประตุรั้วบ้านเสร็จเธอก็รีบขึ้นรถสอดตัวเข้าไปนั่งฝั่งข้างคนขับ พอชายหนุ่มตามขึ้นมาประจำที่เรียบร้อยแล้วก็รีบออกตัวทันที เพราะท่าทางของคนตัวเล็กที่ดูกังวลว่าจะมีใครมาเห็น
กองทัพขับรถพาหญิงสาวมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคน เขาจอดรถไว้ตรงมุมอับสายตาโดยที่ไม่ยอมดับเครื่องยนต์
“พามัดมาที่นี่ทำมะ...ว๊ายย!!” เธอกำลังจะหันไปถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ ทว่าอยู่ดี ๆ ทั้งร่างก็ลอยหวือข้ามไปนั่งคร่อมบนตักแกร่งที่เบาะอีกฝั่งเสียแล้ว
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาปรับเบาะลงตั้งแต่ตอนไหน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มือปลาหมึกของคนเจ้าเล่ห์เริ่มลูบไล้ไปตามสะโพกเธอ
มัดหมี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ พยายามดิ้นออกจากตักเขาให้ได้ หากแต่ก็ไม่เป็นผลกองทัพเอนตัวนอนราบไปกับเบาะที่ปรับลงจนสุด มุมปากยกยิ้มชอบใจที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก
ทำเอาหญิงสาวอดใจสั่นกับรอยยิ้มพราวเสน่ห์ของเขาไม่ได้ ช่วงนี้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหวกับคนตรงหน้าบ่อยขึ้นเสียด้วย แต่ก็อดไม่ให้หวั่นใจไม่ได้จริง ๆ
เพราะชายหนุ่มใจดีกับเธอมาก ทั้งอบอุ่นและตามใจ อยากได้อะไรเขาก็หามาให้ทันที เจอกันแต่ละครั้งเขาก็เอาใจใส่เธอมาก ถึงแม้จะต้องแลกด้วยการถูกเขาจับกินจนขาอ่อนก็ตาม
“คุณปล่อยมัดนะ” ถึงจะหวั่นไหวแต่เธอก็ไม่ได้อยากอยู่ในท่วงท่าล่อแหลมแบบนี้เสียหน่อย
ร่างเล็กพยายามดีดดิ้นเพื่อพาตัวเองกลับไปนั่งอีกฝั่ง ทว่าก็ไม่เป็นผล หนำซ้ำยังโดนเขาล็อกเอวไว้ให้อยู่นิ่งอีก
“ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งตื่นนะ แล้วถ้ามันตื่นคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือเธอ” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม ทั้งแววตาและน้ำเสียงดูเจ้าเล่ห์ จนเธออยากหยิกให้แขนเขียวเชียวล่ะ แต่ก็ได้แค่คิด
และมันที่ว่าก็คือลูกชายคนเก่งของเขาที่ยามนี้เริ่มขยายตัวดุนดันก้นเธอแล้ว ใบหน้าหวานเห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นเป็นจังหวะ เขาจะหื่นทุกที่ไม่ได้!
“คุณก็ปล่อยสิ มัดจะกลับไปนั่งที่เดิม” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก ดวงตากลมหลบสายตาพราวระยับของคนด้านล่าง เพราะกลัวจะหัวใจวายเสียก่อน
“ไม่ปล่อย ตอนนี้เธอทำมันตื่นแล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องรับผิดชอบสิ”
หญิงสาวอยากจะแกล้งบ้าแล้วกรี๊ดใส่หน้าเขาสักที แต่เธอดันไม่กล้าพอ ถึงภายนอกเธอจะดูตัวเล็กนุ่มนิ่ม ทว่าก็ไม่ได้ยอมคนไปหมดสักหน่อย เพียงแต่กับคนคนนี้ เธอคงต้องยอมนั่นแหละ ใครจะไปทำอะไรคนบ้าอำนาจแบบเขาได้ล่ะ