ไฮเดรนเยียสีฟ้าร่วงโรยตามพื้นหญ้า ว่ากันว่าดอกไม้ดอกนี้สื่อถึงความเข้าใจและซื่อสัตย์ระหว่างคู่รัก พิธีแต่งงานใหญ่ยักษ์ในไร่องุ่นยามเย็นจึงล้อมไปด้วยทุ่งดอกไม้สุดโรแมนติกแซมหลอดไฟสีวอร์มไวต์
‘ญดาริน’ ระบายยิ้มต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วยท่าทีที่ขัดกับท่าทางของชายหนุ่มข้างกายเธอสิ้นเชิง นอกจากท่าทางจะไม่เป็นมิตรแล้ว ใบหน้าคมสันของ ‘ปุริน ประเวศสกุล’ ยังเคร่งขรึมไม่แสดงความยินดีแถมยังดูเหมือนไม่แยแสกับคำครหาที่ว่าเขาถูก ‘คุณพรรณนาราย’ ผู้เป็นย่ามัดมือชกให้แต่งงานกับเด็กในบ้าน
“คุณปุนไหวไหมคะ เดี๋ยวรับแขกเสร็จพิธีกรน่าจะเรียกเราขึ้นไปบนเวที” สายตากังวลลอบมองอย่างนึกเป็นห่วงอีกฝ่ายในใจ เมื่อวานชายหนุ่มกลับบ้านเกือบฟ้าสางซ้ำยังมาตอนพิธีเริ่มแบบเฉียดฉิว การกระทำสุดโต่งดูขบถจนคุณหญิงพรรณนาแทบประทับองค์นางมาร ทว่าคนดื้อแพ่งกลับไม่แคร์เพราะถือว่าตนทำตามหน้าที่ไม่ได้ล้มเลิกข้อตกลง
ชายหนุ่มเพิกเฉยทั้งยังมีกลิ่นเหม็นหึ่งตามตัว ใบหน้าบอกบุญไม่รับและใต้ตาหมองคล้ำชัดเจนว่าอาบเหล้าย้อมใจมาทั้งคืน
“ถามทำไมหรือกลัวคืนนี้ไม่ได้ผัวสมใจ”
“หญ้าแค่กลัวคุณปุนเหนื่อยค่ะ ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น” ริมฝีปากอมชมพูเม้มแน่นจากนั้นจึงเสมองทางอื่น หญิงสาวไม่อยากสบตาเจ้าบ่าวที่เกลียดเธอเข้าไส้ การมีสถานะเจ้าสาวซึ่งเขาไม่ต้องการคงไม่แปลกถ้าอีกฝ่ายจะเฉยชาและไม่ไยดีความรู้สึก คนผิดคงเป็นเธอมากกว่าที่อ่อนแอไม่เข้มแข็งพอ
“หึ… แถเก่ง” ปุรินยิ้มเยาะ
“ไปสิ ขึ้นไปแสดงละครที่เธอถนัดกัน” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยจบก็กระชากต้นแขนร่างบางให้เดินตาม ผู้หญิงง่ายๆ หวังรวยทางลัดคนนี้ไม่ควรค่าแก่การให้เกียรติ ดูเอาเถอะถ้าวันนี้เขาหักหน้าเธอกลางงานวิวาห์ ญดารินหน้าหนายอมทำหน้าที่เมียปลอมๆ ต่อไหวหรือเปล่า หากพรุ่งนี้หญิงสาวร้องไห้ขอหย่าปุรินจะปิดบาร์ในเมืองฉลองชัยชนะเจ็ดวันเจ็ดคืน
เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อบ่าวสาวยืนคู่กันกลางเวที ดวงตากลมสะท้อนแสงไฟฉายแววกังวลนิดๆ เพราะพิธีกรหยอดคำถามให้ทางฝ่ายเจ้าสาวก่อน
“ผมเชื่อว่าหลายคนต้องอยากรู้แน่ๆ หนุ่มโหดอย่างพ่อเลี้ยงปุนใช้วิธีไหนถึงมัดใจคุณหญ้าได้ครับ”
“คุณปุนใจดีค่ะ จริงๆ ไม่ใช่แค่กับหญ้าแต่เขาใจดีกับทุกคน”
หญิงสาวตอบตามใจคิดแต่พ่อเลี้ยงหนุ่มพอได้ยินกลับแสยะยิ้มทั้งยังมองว่าเธอเสแสร้ง นิสัยเขาห่างไกลคำว่าใจดีลิบลับ
ชายหนุ่มจึงพิพากษาเจ้าสาวคนสวยในแง่ร้าย ญดารินคงอยากให้รอบข้างเข้าใจว่าผู้ชายที่เลือกแต่งงานด้วยเป็นสามีสุดเฟอร์เฟกต์เลยสร้างภาพลักษณ์แฟมิลีแมนโดยไม่สนคนอื่นอาจมองว่าเธอตอแหลปั้นน้ำเป็นตัว
“ว้าวผมพึ่งรู้ว่าพ่อเลี้ยงก็มีมุมนี้” พิธีกรหนุ่มหลิ่วตาแซว
“คุณไม่ถามบ้างเหรอว่าทำไมผมถึงเลือกแต่งงานกับกอหญ้า”
“อ่อครับๆ” ชายหนุ่มฝืนยิ้มอย่างสุดความสามารถก่อนภาวนาให้หน้าที่ในค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี เขาหวาดกลัวพ่อเลี้ยงหน้าดุจนอยากใส่เกียร์หมาวิ่งหนี เพราะกิตติศัพท์เขี้ยวลากดินและนิสัยร้ายกาจของปุรินคนในพื้นที่เขารู้กัน
เจ้าบ่าวรูปงามชำเลืองมองหญิงสาวข้างกายพอพบเธอหน้าซีด ดวงตาสีนิลสั่นระริกก้มลงมองพื้นเขาผุดรอยยิ้มนึกสนุก อยากแกล้งทรมานญดารินให้ขาดใจ
“กอหญ้าน่ารักไม่เคยผิดคำสัญญา ผมหวังว่าชีวิตคู่เราหลังจากนี้เธอจะไม่ทำให้ผมผิดหวังอย่างที่เคยพูด” น้ำเสียงเข้มเอ่ยไม่หักหน้าแต่สามารถกระแทกความเจ็บช้ำสู่ใจดวงน้อยได้อย่างเลือดเย็น เขาย้ำข้อตกลงก่อนวันวิวาห์กลางเวที ไม่ต่างอะไรกับการเฉือนหัวใจคนวาดฝันรักแท้ทางอ้อม
ความจริงเงื่อนไขงานการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีความรักเกี่ยวข้องสักนิด ทุกอย่างเป็นไปตามความประสงค์ของคุณหญิงพรรณนาราย ท่านอยากให้หลานชายเป็นฝั่งเป็นฝาเพราะจะได้เบาใจว่าไม่มีเหลือบไรมาคอยกวนหูกวนตา แต่หากทั้งคู่ไม่มีทายาทภายในเวลาที่กำหนดสถานะผัวเมียถือว่าเป็นอันสิ้นสุด พรรณนาราต้องยอมล่าถอยและไม่บังคับปุรินอีก
พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้เช่นนั้นจึงบังคับแกมขู่เข็ญให้หญิงสาวเซ็นสัญญาตลบหลังผู้เป็นย่า เขายอมเสียที่ดินซึ่งมารดาเธอเคยเอามาจำนองเพื่อแลกกับอิสรภาพ ดังนั้นหมายความว่าญดารินไม่มีสิทธิ์ท้องเด็ดขาดถ้าอยากได้สมบัติชิ้นสุดท้ายของแม่คืน