เมื่อตัดสินใจจะเดินหน้าต่อ น้ำมนต์ก็ไม่รอช้า เธอขอความช่วยเหลือให้เพื่อนบ้านพาเธอไปที่เกาะลันตา เนื่องจากการสัญจรไปมาต้องใช้เรือเท่านั้น และบิดาของเธอก็คงไม่ยอมไปส่งอย่างแน่นอน
เพียงไม่นานหญิงสาวก็มาหยุดที่หน้า ดิวารา รีสอร์ทหรูของนายหัวพีรวัชร์ น้ำมนต์นึกไม่ออกเลยว่าคนอย่างเธอจะเข้าถึงตัวนายหัวพีรวัชร์ได้อย่างไร
แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะถอยไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องเดินหน้าต่อเพื่อหาทางคุยเรื่องที่ดินกับของที่บ้านเธอกับเขาให้ได้ น้ำมนต์จึงเดินเข้าไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยของรีสอร์ท ก่อนที่เธอจะแจ้งเจตจำนงค์ของการมาที่นี่
“สวัสดีค่ะ ฉันมาขอพบนายหัวพีรวัชร์ค่ะ” น้ำมนต์รวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป
“นัดไว้หรือเปล่าครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยถามด้วยความสุภาพ
“ไม่ได้นัดไว้ค่ะ” น้ำมนต์ตอบตามความจริง
“ถ้าไม่ได้นัดไว้ นายหัวไม่อนุญาตให้เข้าพบนะครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยตอบกลับอย่างสุภาพ
“พี่รปภ.ขา.. พี่จะใจดีช่วยบอกได้มั้ยว่ามีวิธีไหนที่ฉันจะได้คุยกับนายหัว” เมื่อเข้าทางตรงไม่ได้ น้ำมนต์ก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้เธอบรรลุเป้าหมายให้ได้
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวนายหัวรู้เรื่องผมโดนไล่ออกพอดี” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยออกมาด้วยความหวั่นเกรง
“ฉันมีเรื่องสำคัญจริงๆ นะคะ แล้วถ้าพี่ช่วยฉันฉันจะไม่มีวันบอกใครเด็ดขาด ขอร้องเถอะค่ะ” น้ำมนต์ประนมมือไหว้พนักงานรักษาความปลอดภัยเพื่อขอความเมตตา นั่นทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้รู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก เขานิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะประเมินน้ำมนต์ด้วยสายตา และเขาก็คิดว่าคนอย่างผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคงไม่ได้มีมารยาอะไร เธออาจจะมีความจำเป็นจริงๆ ก็ได้ ทำให้เขาตัดสินใจบอกบางอย่างกับเธอออกไป
“นายหัวจะลงมาดูที่จัดงานเลี้ยงงานแต่งงานของเพื่อนสนิทนายหัว ถ้าอยากเจอนายหัวจริงๆ ก็ไปดักพบท่านที่ริมสระ แล้วห้ามบอกนะว่าฉันบอกเธอเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นฉันโดนไล่ออกแน่นอน” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้บอกน้ำมนต์