ตอนที่ 3

1167 Words
“น้องสาวพระแพงเองเหรอ มองแวบแรกนึกว่าเอาแม่บ้านมาด้วย เกือบจะใช้ให้ยกกระเป๋าแล้ว” เขาพูดออกมาทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้าฉันด้วยซ้ำ มีเพียงหางตาที่เหลือบมามองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เสียงหัวเราะดังขึ้นลั่นห้องรับแขกอย่างน่าอาย ฉันก้มลงมองชุดเดรสลายขนนกตัวเบาที่ฉันใส่มาอย่างไม่มั่นใจ คนบ้านี่ทำให้ฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนี “ไอ้เสือ! แกพูดถึงน้องฉันให้ดีกว่านี้หน่อยได้ไหม น้องฉันกำลังอกหักและเสียใจอยู่นะ” แล้วพี่พระแพงจะไปเล่าให้เขาฟังทำไมล่ะเนี่ย ฉันได้แต่โอดครวญในใจ ถ้ารู้ว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฉันคงไม่ตามพี่มา “อกหัก!” พอได้ยินว่าฉันอกหัก เขาก็ยิ่งหัวเราะกันใหญ่ ไอ้พี่เสือบ้า การที่ฉันอกหักมันน่าตลกตรงไหนยะ "แอบไปมีคนรักตั้งแต่เมื่อไหร่หึ...ยัยเฉิ่ม ถึงได้อกหักน้ำตาเช็ดหัวเข่าแบบนี้ ไหนลองบอกพี่สิว่าไอ้หน้าไหนคือคนที่โชคร้าย เอ๊ย! โชคดีคนนั้น...ฮะฮ่าๆ" เสียงหัวเราะน่าเกลียดนี้จะทำให้ฉันจดจำจนวันตาย ว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ฉันควรอยู่ให้ห่าง เพราะเสียงหัวเราะน่าเกลียดของเขา มันทำให้ฉันทนอยู่รวมกับคนอื่นไม่ได้ ฉันรีบปลีกตัวออกมาหาที่สงบอยู่เพียงลำพัง คงจะมีแค่หาดทราย สายลม และคลื่นทะเลเท่านั้นแหละ ที่จะเยียวยาแผลใจของฉัน และทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาได้ ------พยัคฆินทร์ (เสือ) ------ ปีนี้ผมมีโอกาสได้ชวนเพื่อน ๆ ในกลุ่มมาเลี้ยงรุ่นกัน ผมจึงขอเป็นเจ้าภาพในการจัดหาสถานที่ ซึ่งผมเลือกพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวที่รีสอร์ตของตัวเอง และเพื่อนทุกคนต่างก็เห็นด้วยแบบไม่ขัดข้อง ผมเรียนจบมาแล้วหลายปี จึงเข้ามาทำงานที่นี่เพื่อช่วยพี่ชายและคุณพ่อ แต่ความที่ว่าผมเป็นห่วงแม่เพราะแม่ดูแลร้านอาหารที่อยู่กรุงเทพฯ เพียงลำพัง ผมจึงต้องไป ๆ มา ๆ เพื่อช่วยทั้งสองทาง แม้จะดูยุ่งยากแต่ผมก็มีความสุข ตอนนี้ผมยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว แต่กำลังคบอยู่กับอัญชลี อาจเป็นเพราะว่าอัญเป็นคนที่รู้ใจผมว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร และอัญเป็นคนดีไม่ทำอะไรที่ฝืนใจผม เราคบกันมา 2ปี พัฒนามาจากเพื่อนที่รู้ใจที่สุด แต่ผมก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานสักที เพราะผมคิดว่า มันยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องมีครอบครัว เลยไม่เคยคิดที่จะใส่ใจ อัญเป็นคนเรียบง่ายเอาใจเก่ง ผมกับเธอเลยไม่เคยมีปัญหากัน การมาเที่ยวของพวกเราครั้งนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ผมเบิกบานใจ นั่นก็คือพระแพงเพื่อนสนิทของผม หอบเอาน้องสาวสุดเฉิ่มอย่างยัยพระพายมาด้วย ผมสนุกตรงที่ได้แกล้งยัยนั่น และชอบเวลาที่เธอเขินอายจนหน้าแดง ผมเคยเจอเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอไม่เปลี่ยนจากเดิมที่เคยเจอเลยสักนิด เธอชอบใส่อะไรเชย ๆ แก่ ๆ มันดูน่ารักดี ถึงรสนิยมการแต่งตัวของยัยนี่จะแย่ไปหน่อย แต่ฝีมือการทำอาหารของเธอ มันสุดยอดมากจริง ๆ ผมเคยชิมรสชาติอาหารที่เธอทำ มันอร่อยมาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่สำคัญหน้าตาอาหารดูดีมาก ๆ ผมว่าถ้าเธอเปิดร้านใหญ่ ๆ คงขายดิบขายดีแน่นอน เพราะแม้แต่ร้านเล็ก ๆ ที่เธอกับแม่นมช่วยกันทำขาย ลูกค้ายังแน่นร้านทุกวันชนิดที่ว่า ต้องจองคิวล่วงหน้าถ้าสั่งเยอะ ผมเคยทานอาหารหลายที่ แต่ก็หาที่รสชาติเหมือนที่เธอทำไม่ได้เลย ถ้ารสนิยมการแต่งตัวของเธอได้ครึ่งหนึ่งของเรื่องการทำอาหารก็คงดี นี่ถ้าเธอแต่งตัวสวยเซ็กซี่ เหมือนพี่สาวของเธอบ้างจะเป็นยังไงนะผมคิดภาพไม่ออกเลย ผมไม่รู้ว่าเมื่อกลางวันผมพูดแรงกับเธอไปไหม มาตอนนี้ยัยนั่นถึงเอาแต่ยืนเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น มันทำให้ผมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ “ไงยัยเฉิ่ม ได้ข่าวว่าอกหักเหรอ?” ผมแกล้งถามคำถามจี้ใจเธอ เพื่อชวนเธอคุย แต่เธอกลับเงียบไม่ยอมพูดกับผม ผมก็แอบขัดใจอยู่นิด ๆ เหมือนกัน แม่คนนี้นี่ยังไง คนเขาอุตส่าห์พูดด้วยทำเป็นวางท่า แถมยังจะเดินหนีเฉย “พระพาย! พี่กำลังพูดกับเธออยู่นะ” ผมเดินตามเธอ ที่กำลังเดินหนีไม่ยอมหยุด ผมจึงเรียกเธอให้หันมา ก่อนที่จะดึงแขนเธอเพื่อรั้งตัวเธอเอาไว้ไม่ให้เดินหนีอีก “นี่! เธอ! ฉันเรียกไม่ได้ยินเหรอ” ผมชักเริ่มโมโห เลยตะคอกใส่เธอเสียงดัง ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือนุ่มแล้วดึงรั้งเธอเอาไว้ ไม่ให้เดินหนีได้อีก “ปล่อยนะ! อย่ามาจับตัวพระพายปล่อย!” เธอสะบัดแขนออกจากมือของผมอย่างรวดเร็ว ราวกับจับโดนของร้อน “ฮึ! อย่างกับอยากจับนักนี่” “ไม่อยากก็ไม่ต้องมาจับ” “จะบอกอะไรให้นะ อย่างเธอเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องสาวของเพื่อน พี่ไม่มาพูดด้วยให้เสียเวลาหรอก อย่าสำคัญตัวให้มันมากนัก” ผมโมโหหงุดหงิดกับความเยอะของเธอ จนเผลอพูดถ้อยคำรุนแรงออกไป เธอยืนจ้องหน้าผมนิ่ง น้ำตาเริ่มเอ่อไหล ผมจ้องตาเธอยังรู้สึกใจสั่นตาม ผมรู้สึกผิดและคิดว่าไม่น่าพูดออกมาแบบนั้นเลย เธอร้องไห้แบบนี้ ผมใจคอไม่ดี ผมไม่ชอบน้ำตาของผู้หญิง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นคนเลว “ไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูดสิ ไม่ต้องมายุ่งกับพระพาย” เธอปากเก่งทั้งที่น้ำตากำลังไหล ดูแล้วขัดหูขัดตาน่ารำคาญชะมัด “เออ! ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก อย่างเธอไม่ได้อยู่ในสายตาฉันเลย แค่มองก็หมดอารมณ์แล้ว” “อึก!” ยัยนั้นถึงขั้นสะอึกกับคำพูดของผม “หยาบคาย นิสัยไม่ดี” เธอด่าผมแค่นั้นก็เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผมหน้าชา และรู้สึกผิดอยู่คนเดียว ให้ตายสิปากหนอปาก พูดออกไปไม่คิด ผมอยู่ใกล้ยัยนี่ทีไรปากผมไม่พูดในสิ่งที่ควรพูดเลยสักครั้งเดียว คิดอย่างหนึ่งแต่ปากก็พูดออกไปอีกอย่าง เหมือนปากผมมันไม่ตรงกับใจเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD