ตอนที่ 5

1120 Words
การมาเที่ยวครั้งนี้ แม้จะมีบางสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่ แต่ความสวยงามของหาดทราย ท้องทะเล และความเย็นสบายของสายลม กลับทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นจากวันแรกเป็นอย่างมาก ฉันตั้งใจแล้วว่าจะกลับมามีความสุขอีกครั้ง เพื่อพี่สาวของฉัน และไม่ว่าใครจะพูดให้เจ็บปวดยังไง ฉันก็จะพยายามไม่ตอบโต้ ฉันยืนมองท้องทะเลกว้าง ที่ทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา ด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า เนิ่นนานจนกระทั่งได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา จากทางด้านหลัง “คงไม่คิดจะเดินลงไปหรอกนะ” “พี่เสือ!” ฉันหันไปตามทิศทางของเสียงที่พูดขึ้น แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าเขายืนอยู่ห่างจากฉันเพียงไม่ถึงคืบ “ตกใจอะไรขนาดนั้น ฉันไม่ใช่ยักษ์ไม่ใช่มารสักหน่อย” พี่เสือพูดขึ้น ฉันจึงรีบถอยห่างจากเขา แล้วก้มหน้าหลบ พยายามไม่สบสายตากับเขา เพราะฉันไม่อยากเห็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ของเขา เพราะมันดูน่าเกลียดที่สุด “ทำไมหน้าแดง โกรธเหรอหรือว่า...กำลังเขินพี่อยู่ คิดไม่ดีกับพี่เหรอยัยเฉิ่ม” “พะ...พูดอะไรของพี่น่ะ” ฉันเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คนอะไรหลงตัวเองเป็นบ้าเลย “อ้าว เขินไปใหญ่เลยทีนี้” เขายังจะพูดไม่เลิก หรือว่าเขาจะมาแค่พูดหาเรื่องให้ฉันอับอายให้สนุกปาก ชักจะทนกับพฤติกรรมของเขาไม่ไหวแล้ว “สนุกมากไหมคะ มีความสุขมากเหรอ ที่ได้ทำให้พระพายอับอาย ด้วยคำพูดชุ่ย ๆ ของตัวเอง ฮึก ๆ” ฉันพูดตัดพ้อต่อเขา น้ำตาเจ้ากรรมก็เอ่อไหลลงมา ด้วยไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ ในขณะที่เขาเอาแต่เงียบไป จนไม่สามารถคาดเดาได้ ว่าลึก ๆ เขากำลังสงสารหรือกำลังสะใจอยู่ “พี่เสือจะพูด จะดูถูกพระพายยังไงก็เชิญเถอะค่ะ เพราะต่อไปพระพายจะไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของพี่อีกแล้ว เพราะมันไร้สาระมากเลยค่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าฉัน ด้วยแววตาที่อ่านยาก เขาคงกำลังเวทนาฉันอยู่มั้ง แต่ฉันคงทนยืนอยู่ให้เขาเวทนาไม่ได้หรอก พอพูดจบฉันก็เลือกที่จะเดินออกไปทันที ------พยัคฆินทร์ (เสือ) ------ ผมได้แต่มองตามร่างบาง ที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ หลังจากที่ทิ้งคำพูดเอาไว้ให้ผมรู้สึกผิด ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางอวดเก่งของเธออย่างนี้ ผมนึกถึงคำพูดและใบหน้าที่มีหยดน้ำตาไหลคลอลงมาเมื่อครู่ มันบีบหัวใจผมให้รู้สึกเหมือนกำลังหายใจไม่ออก คำพูดเย็น ๆ น้ำเสียงเบา ๆ แต่เจ็บลึกไปถึงขั้วหัวใจ ผมเดินกลับมาหาคามินกับเจ้าอรรถ ที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ตรงข้างสระว่ายน้ำหน้าบ้าน มุมประจำของพวกผม บรรยากาศมุมนี้ สามารถมองเห็นหาดทรายและทิวทัศน์ อันสวยงามของทะเลได้ในมุมกว้าง รวมทั้งจุดที่ผมพึ่งเดินไปทะเลาะกับยัยนั่นมา เวลานี้ใกล้จะค่ำแล้ว บรรยากาศโดยรอบก็จะเย็นสบาย มุมที่เรานั่งก็จะมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสวยงามมาก ผมกับเพื่อนนั่งดื่ม กินลมชมทะเลไปเรื่อย ๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมกับเพื่อน ๆ นั่งดื่มกัน รู้แค่ว่าตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว ผมดื่มเข้าไปค่อนข้างเยอะจนรู้สึกปวดหัวเหมือนโดนทุบรัว ๆ ก็ไม่ปาน “นี่...ไอ้สามหนุ่มสามมุม พวกแกจะไปเที่ยวผับในเมืองกับพวกฉันไหม” เบญกับพระแพงเดินเข้ามาชวน เราตกลงกันว่า จะไปสังสรรค์กันต่อที่ผับในตัวเมือง ซึ่งห่างจากรีสอร์ตส่วนตัวของผมแค่ประมาณ 2 กิโลเมตร “ไป ๆ ฉันไป” เจ้าอรรถรีบยกมือเข้าร่วมทีม เจ้านี่มันชอบเที่ยวแนวนี้อยู่แล้วด้วยสิ “คามิน เสือ อัญ ไปด้วยกันไหม” พระแพงถาม อัญหันมามองหน้าผม ผมก็พยักหน้าตกลง “ไปดิ” คามินตอบ “งั้น...สรุปไปทุกคนนะ” พระแพงสรุปตามนั้น “อีก 1ชั่วโมงนะ มาเจอกันข้างหน้า ให้เวลาเตรียมตัว” พระแพงกำหนดเวลาให้ทุกคน ถ้าไปทุกคนแสดงว่า ยัยนั่นก็ต้องไปด้วยสิ ผมกลัวว่าถ้ายัยนั่นไปด้วย ผมคงได้เผลอพูดอะไรให้ยัยนั่นเสียใจอีกเป็นแน่ พอถึงเวลาที่ทุกคนจะไปกันแล้ว ผมกลับยังนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาตัวเดิมอยู่เลย และตอนนี้ผมก็รู้สึกหนักที่หัวเหมือนหัวจะระเบิด รู้สึกเหมือนบ้านกำลังหมุน เวียนหัวฉิบหายเลย “ไอ้เสือ แกไหวหรือเปล่าเนี่ย เขาขึ้นรถกันหมดแล้ว...ลุกขึ้นสิวะ จะไปไหมผับอ่า” เป็นคามินที่เดินมาปลุกผม “เวียนหัวว่ะ บ้านหมุนไปหมด” ผมบอกกับคามิน “เอาไง หรือจะไม่ไป” คามินช่วยผมตัดสินใจ “อือ พวกแกไปกันเถอะ” “เออ ๆ งั้นก็นอนอยู่นี่ละกัน ถ้าปวดหัวมากในกระเป๋าฉันมียาแก้เมานะ อย่าลืมกินล่ะ เผื่อจะดีขึ้น” คามินบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย “เออ...” ผมขานรับ “ไปล่ะ อย่าลืมกินยานะ” คามินหันมาย้ำ ก่อนจะเดินออกไปหาทุกคน สักพักผมก็ได้ยินเสียงรถขับออกไป คงไปกันหมดแล้ว ผมจึงนอนต่อพยายามข่มตาให้หลับ เผื่ออาการปวดหัวจะดีขึ้น ผมหลับไปสักพัก ก็รู้สึกว่าในหัวมันอื้ออึง แต่พอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าบ้านกำลังหมุนโคลงเคลงไปหมด ผมทนนอนต่อไม่ไหวจึงลุกขึ้นมานั่งอย่างทุลักทุเล ผมเอากระเป๋าของคามินออกมารื้อหายาในกระเป๋า พอเปิดออกมาก็เจอยาอยู่ 2อย่าง ข้างในมีแบบเป็นแผงและแบบเป็นขวดสีชา ผมก็พยายามมองดูว่าอันไหนคือยาแก้ปวด แต่บ้าฉิบหายผมเวียนหัวมากจนตาลาย ไม่มีปัญญาอ่านกระทั่งฉลากของยา ผมเลยคิดเอาเองว่ายารักษาโรคน่าจะเก็บในขวดสีชาที่มีฝาปิดมิดชิด ผมตัดสินใจหยิบยาในขวดนั้นยัดเข้าปากไป 2เม็ด พร้อมดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว แล้วล้มตัวลงนอนที่เดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD