20 นาทีต่อมา
ฟ้ารดาเป็นคนอาสานำโกโก้ร้อนที่รุ่งทิวาสั่งขึ้นมาส่งให้ถึงห้องนอน
หญิงสาวกำลังนั่งเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์เล่นอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่เธอจะยิ้มให้กับคนที่เดินเข้ามาภายในห้อง
“ทำไมไม่ให้คนในบ้านยกขึ้นมาให้รุ้งคะ รบกวนพี่ฟ้าเปล่า ๆ”
“ไม่ได้รบกวนอะไรเลย พี่อาสาเอามาให้น้องรุ้งเองนั่นแหละจ้ะ ยังไงพี่ก็เป็นคนทำให้น้องรุ้งเจ็บขานะ พี่ก็อยากทำอะไรตอบแทนน้องรุ้งบ้าง นี่จ้ะโกโก้ที่น้องรุ้งสั่งเอาไว้ พี่ให้ป้าแม่บ้านเขาชงให้น่ะ”
โกโก้ร้อนในแก้วถูกยื่นส่งให้ตรงหน้า รุ่งทิวารับมาถือเอาไว้
“ขอบคุณนะคะพี่ฟ้า”
“น้องรุ้งดื่มสิจ๊ะจะได้รู้สึกสดชื่น พักผ่อนน้อยเหรอดูเหมือนไม่สบายนะเราน่ะ”
“สงสัยเมื่อคืนรุ้งนอนไม่ค่อยหลับค่ะ นอนไปแค่ 3 ชั่วโมงเอง เช้านี้ก็เลยรู้สึกเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ ปวดหัวเลยต้องอาเจียนออกมาแบบนั้น”
“ถ้าน้องรุ้งมีแฟน พี่คงคิดว่าน้องรุ้งแพ้ท้องนะนี่”
ดวงตาของรุ่งทิวาเบิกโพลงขึ้น คำว่า “แพ้ท้อง” ทำให้เธอรู้สึกนึกกลัวว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่อีกคนพูดหรือเปล่า ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเหมือนเห็นว่าเรื่องที่ฟ้ารดาพูดตลกสิ้นดี
“พี่ฟ้าตลกจังเลยนะคะ รุ้งยังไม่มีแฟนเลย คงจะใช้คำนั้นไม่ได้หรอก”
“นั่นสินะ พี่ก็แค่พูดไป เพราะอาการมันก็คล้ายคลึง เพื่อนพี่เคยเป็นแบบนี้ น้องรุ้งอย่าเก็บมาใส่ใจเลย พี่ก็แค่แซวเล่นไปอย่างนั้นเอง เห็นเราหน้าเครียดเผื่อจะทำให้น้องรุ้งยิ้มได้บ้าง ดื่มสิจ๊ะกำลังอุ่นพอดีเชียวนะจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“รุ้งดีใจด้วยนะคะ ที่พี่ฟ้าจะได้แต่งงานกับพี่ชิน”
“ขอบใจน้องรุ้งนะจ๊ะ ยังไงพี่ต้องขอให้น้องรุ้งช่วยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ด้วยก็แล้วกัน”
เป็นเพื่อนเจ้าสาวเชียวเหรอ เธอไม่อยากอยู่ร่วมงานแต่งแสดงความยินดีให้กับคนทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ ไม่อยากอยู่ร่วมงานให้ตัวเองต้องรู้สึกเจ็บปวด แต่นี่จะชวนให้เธอไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว จะหาทางหลีกเลี่ยงปฏิเสธได้อย่างไรกัน หรือว่าเธอต้องไปยืนฝืนยิ้มทำตัวให้มีความสุข อยู่ร่วมแสดงความยินดีให้กับความรักของคนที่เธอแอบรักเขามานานหลายปี เธอจะทำแบบนั้นได้จริงหรือเปล่า เธอจะยอมเห็นภาพแบบนั้นได้จริง ๆ น่ะเหรอ
“นะจ๊ะน้องรุ้ง พี่ขอให้น้องรุ้งเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่ด้วย พี่จองตัวแล้วนะวันนั้นน้องรุ้งต้องมีคิวว่างให้พี่ ไม่อย่างนั้นพี่จะโกรธจริง ๆ ด้วย”
“รุ้งคงปฏิเสธไม่ได้สินะคะ รุ้งจะพยายามทำตัวให้ว่างเพื่องานของพี่ฟ้าก็แล้วกันค่ะ”
“ขอบใจมากเลยนะจ๊ะน้องรุ้ง พี่ก็เหมือนพี่สาวของน้องรุ้งอีกคน มีอะไรให้พี่ช่วยเหลือหรืออยากปรึกษา น้องรุ้งพูดกับพี่ได้ทุกเรื่องเลยนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่ฟ้าน่ารักกับรุ้งที่สุดเลย รุ้งดีใจที่จะได้พี่ฟ้ามาเป็นพี่สะใภ้ รุ้งขออยู่คนเดียวได้ไหมคะ พอดีว่ารุ้งอยากพักผ่อนแล้วด้วย”
“อย่าลืมดื่มโกโก้ที่พี่เอามาให้นะ ถ้าน้องรุ้งหิวข้าวไม่อยากลงไปทานข้างล่าง น้องรุ้งบอกพี่ได้นะจ๊ะเดี๋ยวพี่เอาขึ้นมาให้”
“ขอบคุณนะคะพี่ฟ้า ขอบคุณที่ดีกับรุ้ง”
“จ้า พี่ไม่รบกวนเราแล้วนะ”
รุ่งทิวาพยักหน้ายิ้มให้ ฟ้ารดาเดินออกไปจากห้องนอน ก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดสนิทลง
คำพูดของฟ้ารดาทำให้หญิงสาวนึกกลัวอยู่ไม่น้อย ฝ่ามือเรียวแตะลงบนหน้าท้องที่แบนราบ นึกกลัวว่าสิ่งที่อีกคนพูดมันจะเป็นเรื่องจริง เพราะประจำเดือนของเธอก็ไม่มาเดือนกว่าแล้ว แต่มันจะพลาดได้อย่างไรในเมื่อเธอก็คุมกำเนิดโดยการทานยาคุมไม่เคยขาดเลยสักวัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเธอจะต้องทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตในวันพรุ่งนี้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ยิ่งคิดยิ่งอยากร้องไห้ออกมาดัง ๆ กลัวเหลือเกินกลัวว่าจะพลาดท้องอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว…
หลายวันผ่านไป
ถึงวันที่บิดามารดาของอชิรวัฒน์ต้องเดินทางกลับเชียงใหม่แล้ว ฟ้ารดาดูท่าว่าเธอไม่อยากกลับไปพร้อมกับบุคคลทั้งสอง แต่ก็โดนบุพการีที่บ้านเรียกตัวกลับเป็นการด่วน เพราะมีเรื่องให้ต้องพูดคุยปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานแต่งที่จะเกิดขึ้นภายในอาทิตย์หน้า แม้จะฉุกละหุกและกะทันหัน แต่ด้วยอำนาจเงินตราที่มีอยู่คงสามารถเนรมิตทุกอย่างขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนได้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
อชิรวัฒน์เดินทางมาส่งบุคคลทั้งสามถึงสนามบินด้วยตัวเอง รุ่งทิวาจำใจต้องเดินทางมาส่งทุกคนพร้อมกับเขา ตอนนี้บาดแผลที่เกิดขึ้นจากการโดนน้ำร้อนลวกเริ่มดีวันดีคืน เหลือเพียงสะเก็ดแผลที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นและคงจะหลุดลอกออกในเร็ววัน
ระหว่างทางขับรถกลับบ้านไม่มีเสียงพูดคุยใดเกิดขึ้นเลย รุ่งทิวานั่งเล่นโทรศัพท์เงียบ ๆ อยู่ตามลำพัง ไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่เบาะข้างกายเลยแม้แต่นิด หลายวันมาแล้วแทบจะไม่ได้พูดคุยกับอชิรวัฒน์ เพราะเขาก็เงียบไม่ยอมถามไถ่เธอก่อนเช่นกัน จึงไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดกับเขาอย่างไร เพราะความรู้สึกในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนที่เคยเป็นมาก อชิรวัฒน์ที่ทนกับความเงียบงันไม่ไหวเขาจำต้องเป็นคนเริ่มพูดกับหญิงสาวก่อน
“อาการของเธอเป็นยังไงบ้างทุกวันนี้ สรุปว่าเธอเป็นอะไร?”
เสียงทุ้มถามขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปจ้องมองรุ่งทิวา เธอเองไม่ได้สนใจจะมองเขา ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์ทำเหมือนกับว่าไม่มีเขาอยู่ภายในรถด้วย
“หูหนวกหรือไง เวลาฉันถามทำไมไม่รู้จักตอบ เวลาฉันไม่อยากคุยด้วยทำไมเซ้าซี้อยากให้ฉันพูด?”
รุ่งทิวาตวัดสายตาขึ้นหันไปจ้องมองหน้าผู้มีพระคุณกับชีวิตอีกครั้ง โทรศัพท์ที่อยู่ในมือหน้าจอดับวูบลงก่อนจะเอาวางไว้บนตัก เสียงถอนหายใจเหมือนคนเหนื่อยอ่อนดังขึ้นให้ได้ยิน
“รุ้งไม่ได้เป็นอะไรค่ะ รู้สึกดีขึ้นแล้ว ป่วยกายไม่เท่าไหร่แต่รุ้งป่วยใจมากกว่าค่ะ”
“เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะรุ่งทิวา ระหว่างเธอกับฉันความสัมพันธ์ไม่ผูกมัด ถ้าฉันต้องการมีครอบครัววันไหน เราสองคนก็จะเลิกยุ่งเกี่ยวกันวันนั้น”
“รุ้งไม่ได้ลืมหรอกค่ะ รุ้งรู้สถานะของตัวเองดีทุกอย่าง ขอแค่เวลาทำใจอีกสักพัก รุ้งคงยังไม่ชินเพราะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป”
ดวงตาที่แดงก่ำจับจ้องมองคนตรงหน้า เธอแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ และคิดว่าเขาคงรับรู้มาตลอดว่าเธอรู้สึกแบบไหนกับเขาบ้าง แต่เพียงเพราะเธอต่ำต้อยด้อยค่าเลยไม่มีวาสนาที่จะได้รับความรักตอบแทนกลับจากผู้ชายที่ชื่ออชิรวัฒน์คนนี้ การตัดสินใจของเขาเธอเคารพและจะไม่คัดค้านไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
อชิรวัฒน์จ้องมองใบหน้าของรุ่งทิวา ดวงตาคู่สวยกลมโตมีแต่ความจงรักภักดีที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งเขาก็รับรู้และสัมผัสได้ ดวงตาคู่นี้จ้องมองเขามานานนับสิบปี ยังเป็นสายตาแบบเดิมที่ความรู้สึกไม่เคยแปรเปลี่ยน ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าที่รถรายังคงติดหนึบแทบขยับไปไหนไม่ได้
รุ่งทิวาใช้มือปาดเช็ดหยาดน้ำตาที่รินไหล ร้องไห้เสียใจไปก็เท่านั้น อชิรวัฒน์คงไม่รู้สึกสงสารหรือเห็นใจเธอขึ้นมาได้หรอก เขาพยายามทำตัวเหินห่าง ทำเหมือนอยากผลักไสเธอออกจากชีวิตมานานครึ่งปีแล้ว อีกไม่นานเธอก็คงไม่อยู่กวนตัวกวนใจเขาอีกแล้วเช่นกัน
“ลุงจรัญคะ ถ้าผ่านร้านขายยาจอดให้รุ้งหน่อยนะคะ”
หญิงสาวหันไปสั่งลุงขับรถที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับอยู่ข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง เพราะวันนี้นั่งมากับรถตู้คันหรูที่มีพลขับคือลุงจรัญ ทำให้อชิรวัฒน์นั่งสบายอยู่ที่เบาะด้านหลังคู่กับเธอในตอนนี้
“ได้ครับคุณรุ้ง ถึงแล้วลุงจะจอดให้”
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์ดูนั่นดูนี่เพื่อฆ่าเวลาอีกครั้ง
“เธอจะไปซื้ออะไรร้านขายยา?”
“ของใช้ส่วนตัวค่ะ รุ้งไม่จำเป็นต้องบอก”
“ยาคุมหมดหรือไง ต่อไปเธอคงไม่ต้องใช้หรอก ฉันไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเธออีก”
“ทราบค่ะ รุ้งก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับคนมีเจ้าของแล้วเหมือนกัน”
แม้จะไม่ได้หันมามองหน้า แต่เธอก็ยังตอบโต้กลับทุกคำพูด ทั้งที่น้ำตาก็ร่วงลงบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่หลายครั้ง เมื่อไหร่จะถึงบ้านสักทีนะจะไม่ต้องรู้สึกอึดอัดอย่างเช่นตอนนี้ที่เป็นอยู่ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่อยากจะอยู่ใกล้คนใจร้ายอย่างอชิรวัฒน์อีกต่อไป เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเธอเจ็บปวดกับทุกคำพูดและทุกการกระทำที่เขากำลังย่ำยีหัวใจดวงน้อยของเธอมากมายเหลือเกิน
ความเงียบภายในรถเกิดขึ้นอีกครั้ง ต่างคนต่างนั่งนิ่งและไม่มีเสียงพูดคุยได้ให้ได้ยิน มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของคนที่นั่งอยู่เบาะข้างกาย แต่ใบหน้าของเธอกลับหันไปจ้องมองดูความมืดสลัวภายนอกรถแทน