อุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้รุ่งทิวาต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์เป็นการด่วน หลังจากที่หายออกจากบ้านไปเกือบ 2 ชั่วโมงคุณลุงคนขับรถก็พาหญิงสาวกลับมายังบ้านจิตติพัฒน์อีกครั้ง
คุณจันทร์กระจ่างพร้อมด้วยคุณอิทธิพลและฟ้ารดา ต่างรีบเดินเข้ามารอรับทันทีที่หญิงสาวเดินลงจากรถ ร่างเล็กเดินมาพร้อมผ้าพันแผลที่ขาทั้งสองข้าง
“เป็นยังไงบ้างหนูรุ้ง โอ้ย! ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยนะ ปวดแสบปวดร้อนน่าดูเลย น่าสงสารอะไรขนาดนี้”
คุณจันทร์กระจ่างที่จิตใจดีต้องรีบเข้าไปประคองนำพารุ่งทิวาให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกันช้า ๆ
“น้องรุ้ง พี่ขอโทษจริง ๆ นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ น้องรุ้งเจ็บมากหรือเปล่าจ๊ะ?” ฟ้ารดาถามไถ่ด้วยสีหน้าที่เศร้าเหมือนรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
“รุ้งไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เจ็บนิดหน่อยแต่รุ้งก็ทนได้ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ”
รุ่งทิวายิ้มให้กับทุกคน แม้จะรู้สึกเจ็บแสบกับบาดแผลมากแต่ก็ยังฝืนยิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจ
อชิรวัฒน์เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องทำงานหลังจากคุยธุระทางโทรศัพท์กับลูกค้าแล้วเสร็จ ทั้งพ่อและแม่พร้อมกับฟ้ารดากำลังพูดคุยกับรุ่งทิวาอยู่ภายในห้องรับแขก เขาจึงรีบเดินเข้าไปสมทบจ้องมองขาเรียวเล็กที่ถูกพันไว้ทั้งสองข้างก่อนจะส่ายหน้าให้เบา ๆ
“มันไกลหัวใจอยู่ แม่ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเหมือนเขาจะไม่หายหรอกนะครับ”
ทุกคนหันหน้าไปมองเสียงทุ้มที่พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง รุ่งทิวาได้แต่มองสบตากับคนที่ยืนกอดอกจ้องมองหน้า ถ้าเขาไม่คิดจะห่วงใยก็ไม่ควรพูดอะไรที่มันทำร้ายจิตใจเธอเช่นนี้ก็ได้
“ฉันรู้ว่ามันไกลหัวใจ แต่แผลจะปวดแสบปวดร้อนมากเลยนะตาชิน แกก็พูดได้สิเพราะมันไม่ได้เกิดกับแกนี่นา”
คุณอิทธิพลพูดกับลูกชาย รู้สึกเห็นอกเห็นใจรุ่งทิวาอยู่มาก ความบึ้งตึงและความเฉยชาที่อชิรวัฒน์แสดงออกเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เพราะไม่เคยเห็นลูกชายจะทำแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ไม่อาจจะรู้ได้ว่าเหตุอันใดที่ทำให้คนสองคนทำตัวเหมือนห่างเหินผิดแปลกไปจากแต่ก่อนนัก
“ก็ไปหาหมอมาแล้วนี่ครับพ่อ คงไม่ต้องตัดขาทิ้งหรอกมั้ง”
“เอ๊ะ! ตาชินนั่นปากแกเหรอ ไม่ให้กำลังใจน้อง แกก็ไม่ควรจะพูดแบบนี้ออกมานะ มันไม่ใช่คำพูดที่น่าฟังเลย!!”
คุณจันทร์กระจ่างถึงกับรีบหันมาต่อว่าลูกชายอย่างไม่พอใจเช่นกัน ทำไมอชิรวัฒน์ถึงปากคอเราะร้ายได้มากขนาดนี้ แทนที่จะเป็นห่วงเป็นใย กลับพูดประชดประชันได้ไม่เว้นแต่ละวันตั้งแต่มาอยู่ด้วย
“ได้ใจเข้าไปใหญ่ โอ๋กันเข้าไป แค่น้ำร้อนลวกแค่นี้เดี๋ยวมันก็หายครับแม่”
“ฉันรู้ว่ามันจะหาย แต่มันก็ต้องใช้เวลา แกไม่ช่วยอะไรก็ไม่ต้องมาพูดเลยนะ จะไปไหนก็ไปเถอะไป น่ารำคาญชะมัด!”
คุณจันทร์กระจ่างถึงกับโบกมือไล่ลูกชายให้ออกไปจากห้องรับแขก เพราะคำพูดคำจาของอชิรวัฒน์ไม่น่าฟังเลยแม้แต่น้อย ทำให้นางถึงกับหงุดหงิดอารมณ์เสียที่ได้ยินลูกชายพูดแบบนั้น
“รุ้งขอตัวขึ้นไปบนห้องนอนก่อนนะคะ พอดีกินยาระหว่างทางมาแล้วรู้สึกง่วง” หญิงสาวหันไปบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่เคียงข้างกัน
“ตาชินมาอุ้มพาน้องขึ้นไปส่งที่ห้องทีสิ อย่าให้น้องต้องเดินเยอะมันไม่ดีกับแผลสด ๆ แบบนี้” คุณอิทธิออกคำสั่ง อชิรวัฒน์ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้ได้ยิน
“ลำบากคนอื่นอีกแล้วสินะ ถ้าไม่รู้จักระมัดระวัง ชอบทำตัวซุ่มซ่าม วันหลังก็อย่าเข้าไปในครัวอีก”
ทั้งที่ปากก็ต่อว่า แต่ก็ยังเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับช้อนอุ้มเอาร่างเล็กขึ้นมาแนบชิดอกแกร่งทันที
รุ่งทิวาคล้องแขนรอบลำคอเขาเอาไว้แน่น ดวงตาคู่สวยสบประสานเข้ากับดวงตาคมแกร่ง สีหน้าที่แลดูหงุดหงิดของอชิรวัฒน์แสดงออกให้เห็นชัดเจน ทำให้รุ่งทิวารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เธอไม่ได้อยากจะเป็นภาระของใคร เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับเธอเลยด้วยซ้ำ
“รุ้งเดินเองได้ค่ะ พี่ชินไม่ต้องอุ้มไปส่งก็ได้”
“ถ้าฉันไม่ทำ พ่อกับแม่ฉันจะได้บ่นหูชาน่ะสิ น่ารำคาญ คิดว่าฉันอยากอุ้มเธอนักหรือไง?”
“ขอบคุณนะคะ รุ้งไม่ได้อยากจะเป็นภาระของพี่ชินเลย”
“ไม่ได้อยากเป็นภาระ ก็หัดดูแลตัวเองให้ได้ ไม่ใช่ทำแต่เรื่องวุ่นวาย ให้ฉันต้องปวดหัวอยู่แบบนี้”
“ค่ะ รุ้งจะระวังตัวเองให้มากขึ้น”
ร่างสูงเดินจากไปพร้อมกับคนในอ้อมแขน คนสูงวัยทั้งสองจ้องมองด้วยความรู้สึกเป็นห่วงรุ่งทิวาจับหัวใจ
ผิดกับหญิงสาวคนที่อยู่เคียงข้าง เธอรู้สึกไม่พอใจที่เห็นอชิรวัฒน์ต้องปรนนิบัติกับรุ่งทิวาแบบนั้น เหตุการณ์ในวันนี้เป็นสิ่งที่เธอตั้งใจให้มันเกิด ยังนึกเสียดายอยู่เลยที่พลาดโดนแค่ขา น่าจะราดรดลงไปทั้งตัวรวมถึงใบหน้าขาวผ่องนั้นด้วยซ้ำ
ความรู้สึกไม่ชอบพอรุ่งทิวา เกิดขึ้นเพียงเพราะเธอรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างระหว่างอชิรวัฒน์และเด็กในปกครองของเขา รุ่งทิวาไม่ใช่แค่เด็กในอุปการะแต่หญิงสาวเป็นเมียลับ ๆ ของอชิรวัฒน์ที่ไม่มีคนล่วงรู้มาก่อนเลย ถ้าคืนวันก่อนไม่บังเอิญไปเห็นเข้าเธอก็จะไม่ระแคะระคายกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่การกระทำที่บังเอิญได้เห็นมา ทำให้เธอต้องคิดหาแผนการที่จะกำจัดเด็กคนนี้ออกให้พ้นเส้นทางรักที่ปรารถนา เพราะมีความตั้งใจและมุ่งมั่นแล้วว่าถึงอย่างไรเธอก็จะต้องได้อชิรวัฒน์มาเป็นสามีของเธอให้ได้
อชิรวัฒน์วางร่างของคนเจ็บลงบนเตียงนอนอย่างแผ่วเบา แม้ปากเขาจะร้ายแต่การกระทำก็ยังดูนุ่มนวลชวนเคลิ้มฝันได้อยู่บ้าง
“ขอบคุณนะคะพี่ชิน”
“อืม หมดหน้าที่ของฉันแล้ว จะเดินเหินก็ให้มันระวังหน่อย เดี๋ยวไม่หายขึ้นมาต้องลำบากคนอื่นไปอีกนาน”
“พี่ชินไม่ต้องเป็นห่วงหรอก รุ้งไม่เป็นภาระของใครนานอย่างแน่นอน เดี๋ยวรุ้งจะรีบหาย เชิญพี่ชินตามสบายเลยค่ะ”
ร่างสูงเดินออกจากห้องนอนไป รุ่งทิวามองตามแผ่นหลังกว้าง เสียงหายใจที่เหนื่อยอ่อนถูกพ่นลมออกมาเบา ๆ อยากได้ยินคำถามที่หวานหู อยากได้ยินคำพูดที่ห่วงใยจากปากของเขาบ้าง แต่กลับไม่เป็นอย่างที่หวังเลย เขาพูดเหมือนเธอเป็นภาระอันใหญ่หลวงในชีวิต อยากจะรีบเรียนให้จบวันนี้พรุ่งนี้ เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่เป็นอิสระไม่ต้องใช้จ่ายเงินจากใคร ไม่ต้องอยู่ในความปกครองหรือความดูแลของใครอีก แต่หนึ่งปีที่แสนยาวนานต่อจากนี้เธอต้องทนกับความเฉยชาแบบนี้ให้รู้สึกชิน
°°°°°
ตกค่ำของวันเดียวกัน หลังจากนั่งรับประทานอาหารร่วมกันแล้วเสร็จ ฟ้ารดาออดอ้อนให้อชิรวัฒน์พาออกไปเที่ยวราตรีข้างนอกบ้าน รุ่งทิวาที่นั่งอยู่ไม่ไกลเธอได้แต่มองภาพที่ฟ้ารดานั่งซบไหล่ออดอ้อนคนของใจด้วยอาการที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หวงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์จะทำได้ ไม่พอใจทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีสถานะพิเศษอะไรกับเขา เห็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่รู้สึกชินเลยสักครั้ง ได้แต่บอกหัวใจของตัวเอง ช่างเขาอย่าไปแคร์ แต่หัวใจไม่รักดีกลับไม่ฟังอะไรเลย..
“พาหนูฟ้าออกไปเปิดหูเปิดตาก็ดีนะตาชิน อีกไม่กี่วันน้องก็จะกลับเชียงใหม่แล้ว”
คุณจันทร์กระจ่างเชียร์ลูกชายให้กับหญิงสาวที่นางหมายปองอยากได้มาเป็นสะใภ้ ที่พาฟ้ารดามาด้วยเพราะอยากให้คนทั้งคู่สนิทสนมมักคุ้นกันอยู่แล้วและดูเหมือนว่าความฝันของนางใกล้จะเป็นจริงเข้ามาทุกที อีกไม่นานนางคงจะได้ยกขันหมากไปสู่ขอฟ้ารดามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของนางแน่ ๆ ทำให้คนที่มีความหวังต้องยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกยินดี
“เห็นไหมคะคุณป้าอนุญาตแล้ว ชินไปเถอะนะยังไงพรุ่งนี้ก็ไม่ได้ไปทำงาน ยังเป็นวันหยุดอยู่นี่นา”
“ก็ได้ ฟ้าขึ้นไปแต่งตัวสวย ๆ สิ แล้วลงมาหาผมที่นี่”
“งั้นชินรอ 20 นาทีนะ ฟ้าจะรีบลงมา”
ฟ้ารดาเดินหายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่จะได้ออกไปท่องราตรีตามที่วาดหวังเอาไว้ เพราะคืนนี้เธอมีแผนการที่อยากจะทำให้มันสำเร็จก่อนที่จะเดินทางกลับเชียงใหม่ไป
3 คนพ่อแม่ลูกนั่งคุยกันรอเวลาให้ฟ้ารดาลงมาด้านล่าง รุ่งทิวาได้แต่นั่งฟังคนทั้งสามพูดคุยกันอยู่เงียบ ๆ ความปราบปลื้ม ความชื่นชมและความหวังของคุณจันทร์กระจ่างที่มีต่อว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต ทำให้รุ่งทิวาจ้องมองด้วยความรู้สึกที่เจ็บจุกอยู่เต็มอก แม้เธออยากจะเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่เคียงข้างเขา แต่ก็คงเป็นแค่ความฝันที่มันไม่อาจมีวันเป็นจริงได้ ยอมรับสภาพ ยอมรับกับความเจ็บปวดในสถานะที่ตัวเองมี ไม่คิดทะนงตัวที่จะเทียบเทียมกับคนที่คู่ควรจะมาเป็นลูกสะใภ้ตัวจริงของบ้านได้ เมื่อไหร่จะเรียนจบสักทีนะจะได้ออกไปให้พ้นกับความรู้สึกอึดอัดที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะเธอแน่ใจถ้าหากว่าฟ้ารดาต้องย้ายเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกันแล้ว คงทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอของคนทั้งคู่เลย...