ใต้อาณัติ บทที่ 1 : ผู้บริหาร

1650 Words
มือเล็กทั้งสองข้างสอดเข้าใต้ชายชุดเดรสใช้ปลายนิ้วเกี่ยวแพนตี้ลูกไม้ตัวบาง ดึงลงจากสะโพกรูดผ่านต้นขาจากนั้นก็ปล่อยให้มันหลุดจากเรียวขาทั้งสองปล่อยกองไว้กับพื้น คีตายังยืนอยู่ที่เดิม เขาใช้เพียงสายตามองตามชิ้นส่วนเสื้อผ้าชิ้นแรกที่ถูกถอดออกกองอยู่บนพื้นห้องทำงาน แล้วกลับมาสบตากับฉันตามเดิม นัยน์ตาของผู้ชายตรงหน้าทำให้ตัวเองเผลอหลบสายตามองไปทางอื่น “มองหน้าฉัน” คำสั่งของเขาทำให้ฉันค่อย ๆ เบนสายตากลับมามองทางเดิม เราสบตากันและสายตาของคีตาคือสายตาของผู้ชนะ... ฉันใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางเป็นรูปทรงตัววีคว่ำ ถูขึ้นลงก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดของตัวเอง จากนั้นก็กางนิ้วแหวกดอกไม้เนียนที่ปิดชิดในตอนแรกแยกออกจากกัน ปลายนิ้วกลางค่อย ๆ กดขยี้นวดคลึงเนื้อปากทางเบา ๆ สลับใช้ท่อนนิ้วถูขึ้นลงไปตามร่องชิดจนน้ำใสติดไปตามนิ้วของตัวเอง ความเปียกชื้นทำให้เกิดเสียงเพียงนิ้วเคลื่อนไหวภายนอก “อือ...” หมับ! “มือสั่นขนาดนี้...สรุปว่าเคยหรือไม่เคย” แต่ยังไม่ทันที่นิ้วของฉันจะสอดใส่เข้าไปเกินครึ่ง จู่ ๆ ก็มีมือหนาเข้ามาคว้าจับมันเอาไว้แต่ไม่ได้ดึงออก เขากุมทับมือของฉันแล้วใช้นิ้วของตัวเองวางทับบนนิ้วที่เสียบคาอยู่ “แค่นิ้วยังแน่นขนาดนี้...***จะขนาดไหน” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยพูดพร้อมใบหน้าหล่อที่เลื่อนมาจดจ่อในระดับสายตา “เอาที่ใหญ่กว่านิ้วเข้ามะ อื้อ!” ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงเก็บกลั้นเสียงครางเอาไว้ในลำคอ เมื่อคีตาดันสอดนิ้วเข้ามาสุดข้อไม่ให้ทันได้ตั้งตัว “อือ เข้าแน่ไม่ต้องสั่ง” เสียงทุ้มตอบกลับมาพลางยื่นหน้าเข้าซุกลงข้างต้นคอ คีตาใช้มือข้างหนึ่งจับเข่าออกแรงดันให้ขาเรียวถ่างกว้างออก มืออีกข้างจับท่อนเอ็นถูไถกับรอยแยกที่แฉะไปด้วยน้ำลื่นใสชโลมน้ำใสทั่วปลายหัว มือหนากำรอบท่อนเอ็นรูดชักเป็นจังหวะเชื่องช้า ทำให้ปลายหัวชนเข้ากับจุดกระสันของคนตัวเล็ก ระหว่างนั้นก็จ้องมองปฏิกิริยาของคนใต้ร่างที่บิดเร่าไปมาไม่วางตา ริมฝีปากเล็กเผยอส่งเสียงครางให้ได้ยินแม้ว่าควีนจะพยายามเบือนหน้าหลบสายตามองไปทางอื่น “อืม อา...อื้อ!” ร่างหนาขยับตัวเข้าชิดกดสะโพกดันแก่นกายผ่านปากทางรักเข้าไปอีกครั้ง กลีบเนื้อแฉะไปด้วยน้ำลื่นใสแยกออกจากกันทำให้เห็นชั้นเนื้อสีสดภายในยามแก่นกายสอดใส่เข้าไป “อา อึก! เจ็บ...” คนตัวเล็กส่งเสียงพูดแผ่วเบาและมือข้างหนึ่งของควีนได้จิกกำลงบนแขนแกร่ง ฝากฝังรอยเล็บและรอยข่วนเอาไว้จนทำให้เห็นเป็นรอยแดงตัดกับผิวขาวของคีตา แต่ไม่ว่าเธอจะกระทำกับร่างกายของเขายังไงก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เพราะความสนใจเดียวในตอนนี้คือความร้อนและนุ่มแฉะภายในตัวของคนใต้ร่าง “อ่าส์...” โคตรเสียว... ณ ห้องทำงานส่วนตัวผู้อำนวยการโรงพยาบาลวาแซน เวลา 21.20 น. “จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ลายเซ็นของคุณคีตาอีกเหรอ” เสียงหวานนิ่งเรียบของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ส่งผลให้กลุ่มชายที่ยืนเฝ้ากันอยู่หน้าห้องทำงานผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้หันมามองเธอเป็นตาเดียว แล้วรีบก้มหัวเคารพอย่างรู้สถานะแม้ว่าตัวเธอนั้นจะเล็กกว่าผู้ชายหลายคนตรงหน้ามาก “ครับคุณควีน...คุณคีตาบอกให้พวกเรารอเท่านั้น” คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้รู้ว่าคนในห้องจงใจกวนประสาท ‘คีตา’ คีตภัทร์ ศิลาณุกูล 1 ใน 4 ผู้บริหารที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงของเกาะเอสเนอร์ คือบุคคลเดียวที่ฉันต้องการลายเซ็นเพื่อลงบนเอกสารสำคัญเพื่อที่จะได้ไปจัดการต่อ แต่ดูเหมือนบุคคลนั้นจะอยากหาเรื่องเพื่อหลอกล่อให้ต้องมาเอาลายเซ็นนั่นด้วยตัวเองเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น และตัวเองที่เป็น 1 ใน 4 ผู้บริหารเช่นเดียวกันจึงต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ลูกน้องจะกลับไปมือเปล่า พวกเขาเป็นคนของฉันต่างต้องทำตามหน้าที่และไม่มีสิทธิ์สั่งผู้ที่อยู่เหนืออำนาจได้ ยังไงทุกคนก็ต่างพูดกันว่าคนเดียวที่สั่งคีตาได้มีเพียงแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วแทบจะสั่งอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วเมื่อไรก็ตามที่ฉันต้องมาเจอเขาก็มีแต่เรื่องให้เหนื่อยหน่ายใจตลอด ไม่ว่าเราจะเจอกันมาตั้งแต่เด็กในฐานะ ‘เพื่อน’ ก็ไม่เคยทำให้รู้สึกว่าตัวเองสามารถรับมือคีตาได้อย่างที่คนอื่นยกยอปอปั้นเลยสักนิด “เขาอยู่ในห้องนี้นานแค่ไหนแล้ว” ก่อนจะเข้าไปจัดการ จำเป็นต้องรู้การเคลื่อนไหวของบุคคลที่อยู่ในห้องนั้นก่อน “พึ่งเข้าไปได้ประมาณยี่สิบนาทีครับ” ทั้งที่คนของฉันมารอตั้งแต่เย็น คีตาเพียงแค่หยิบปากกาแล้วเซ็นซึ่งมันใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ทำ...เหลือจะทนจริง ๆ เกาะเอสเนอร์ เกาะธุรกิจปกครองด้วยตนเองเปรียบเสมือน 1 ประเทศที่ถูกปกครองโดยผู้บริหาร 4 คน ปัจจุบันคือรุ่นที่ 9 มหาอำนาจที่ดูแลโดยตัวเองยังไม่มีใครสามารถเข้าแทรกแซงได้ พื้นที่พิเศษล้วนเป็นที่จับตามองของเหล่ารัฐบาลจากประเทศต่าง ๆ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งหายากมารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ มันจึงไม่แปลกที่นานาประเทศจะให้ความสนใจและพยายามเข้าหาแต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ผู้บริหารทั้ง 4 แบ่งหน้าที่กันดูแลและมีสถานะที่เท่าเทียมกันทุกคน ซึ่งพวกเขาจะไม่ก้าวก่ายอำนาจของกันและกัน ไม่ยุ่งหรือออกคำสั่งกับคนในปกครองของแต่ละคน มันเป็นกฎที่ทำต่อกันมาอย่างยาวนานและสิ่งสำคัญพวกเขาทุกคนนั้นห้ามมีความสัมพันธ์เกินเพื่อนเป็นอันขาด กฎทั้งหมดนั้นถูกปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่ว่ารุ่นไหน ๆ ก็ไม่เคยมีปัญหาเกิดขึ้นสืบมาจนกระทั่งรุ่นปัจจุบัน... ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! มือเล็กยกขึ้นเคาะประตูห้องทำงานหลังจากได้รับรู้คำรายงานของลูกน้องอย่างใจเย็น ปกติฉันเป็นใจเย็นและมีความอดทนสูงมากในการรับมือผู้คน ในฐานะผู้บริหารที่ต้องดูแลลูกน้องหลายหมื่นชีวิตความอดทนเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีเอาไว้มาก ๆ แต่ทุกความอดทนมันไม่เคยเพียงพอสำหรับคีตาเลย! ไร้เสียงตอบกลับ... ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! กริ้ก! กำปั้นเล็กยกขึ้นทุบประตูอีกครั้งจากนั้นก็จัดการหมุนลูกบิดเปิดประตูออกทันที โดยไม่มีรอฟังคำอนุญาตจากคนที่อยู่ในห้องอีกต่อไปและเป็นไปตามคาดที่ประตูบานมันไม่ได้ล็อก คีตารู้ว่าฉันจะต้องมาด้วยตัวเองยังไงล่ะ! “ไม่มีมารยาทเลยควีน” เพียงประตูเปิดออกเสียงทักทายแรกชวนน่าหมั่นไส้ก็ได้ดังขึ้น ดวงตากลมโตสบสายตาเข้ากับนัยน์ตาคมของผู้ชายเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้ จากนั้นก็มองไปยังร่างบางในชุดพยาบาลที่กระโดดลงจากตักแล้วรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก้มหน้าหลบสายตาด้วยอาการตัวสั่นจนสังเกตเห็นได้ “โทษที ขัดจังหวะผสมพันธุ์อีกแล้วสินะ” สองเท้าก้าวเดินเข้าไปในห้องทั้งที่ประตูยังเปิดอ้ากว้างค้างเอาไว้ รอให้พยาบาลคนนั้นพาตัวเองออกไปและเธอก็รีบทำเช่นนั้นอย่างรู้หน้าที่ ฉันจะไม่ด่าเหล่าตัวเล็กตัวน้อย เพราะคนเดียวที่สมควรจัดการคือคนที่มีอำนาจสูงที่สุด... กริ้ก! ประตูห้องปิดลงและนั่นจึงทำให้ภายในห้องนี้มีเพียงแค่ฉันกับ...คีตา สองเท้าบนรองเท้าส้นสูงก้าวเดินไปเบื้องหน้าด้วยความมั่นใจ สายตาก็ยังคงมองเพียงผู้ชายที่นั่งอยู่ จากการคาดเดาดูเหมือนทั้งคู่จะยังไม่ได้เริ่มทำอะไรกันสินะ กระดุมเสื้อเม็ดบนถูกปลดออกและมีรอยช้ำแดงที่ข้างต้นคอเท่านั้น “ถ้ารู้ว่ามาขัดจังหวะแล้วทำไมยังจะเดินเข้ามาอีก” คำถามที่มาพร้อมรอยยิ้มยียวนสามารถกระตุ้นให้ความอดทนของฉันลดลงได้อย่างรวดเร็ว “หน้าด้านเหมือนคุณคีตานั่นแหละ ที่ยังหน้าด้านเอาพยาบาลเข้ามากินในห้องทำงาน พูดครั้งที่ล้านห้าได้แล้วมั้งว่าอย่าเอาเด็กในการปกครองมาใช้งานผิดประเภท” ร่างบางหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงาน คำพูดที่ออกมานั้นไม่มีใครกล้าพูดกับคีตาได้หรอกถ้าไม่ใช่ฉัน “นึกว่าหวง” คีตายิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ สีหน้าและแววตาไม่มีท่าทีจะสำนึกเลยสักนิด แล้วคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากทุกครั้งเวลาจะกวนประสาท “จะต้องให้พูดอีกครั้งว่าอยากมีเมียไม่ได้อยากเป็นเมีย” ไปเอาความคิดมาจากไหนว่าฉันจะหวง จนอายุขนาดนี้ยังไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้ชายเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่รู้มีความรู้สึก ‘รัก’ หรือ ‘ชอบ’ ตามประสามนุษย์ที่ใคร ๆ ก็เป็นกัน เพียงแต่รสนิยมของตัวเองไม่ได้ชอบผู้ชาย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD