วาจาของเจียวเหอที่ต่อว่านางต่อหน้าบัณฑิต และชาวบ้านที่หน้าสำนักศึกษา สร้างความอับอายให้เฟยเถา จนนางไม่กล้าเข้าเมืองอีกเลย ฟางเฟยเถายังจำสายตาของบัณฑิตและชาวบ้านที่มองนางอย่างดูแคลนได้ดี
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้นางจะแค้นใจทุกครั้ง จึงได้วางแผนการชั่วช้าเรื่องยากำหนัดกับเจียวเหอ ในเมื่อรังเกียจนางมากนัก ก็ตกเป็นของนางไปเลยก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด วิญญาณของฟางเฟยเถาจึงได้ออกจากร่างในวันที่แผนการของนางจะสำเร็จด้วย
เฟยเถาลืมเรื่องความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไปเสียสนิท นางต้องการที่จะเข้าเมืองเพื่อขายโสมเพียงอย่างเดียว เลยไม่สนใจสายตาของหูเจี้ยนที่มองมาทางนางอย่างกังวล
“ไปเถิด หากช้าจะไม่ทันเกวียนวัวรอบเช้า” นางดันตัวหูเจี้ยนให้ออกเดิน
“ได้”
พอมาถึงเกวียนวัวหน้าหมู่บ้าน เฟยเถานางไม่ยอมให้หูเจี้ยนจ่ายค่าเกวียนให้นาง
“ข้ามีเงิน” นางเขย่าถุงเงินตรงหน้าหูเจี้ยนด้วยรอยยิ้มสดใส เพราะอีกไม่นานในถุงเงินใบน้อยของนางจะต้องมีเงินอยู่เต็มถุงแน่นอน แม้ตอนนี้ในจะมีเพียงแค่พอจ่ายค่าเกวียนได้ก็ตาม
“แม่นางฟาง เจ้าตัดใจจากอาเหอได้แล้วหรือ” สตรีใบหน้าอวบอิ่มมองนางอย่างเยาะเย้ย
“อืม...ข้าต้องบอกท่านด้วยหรือป้าเถียน” เฟยเถาทำหน้าใสซื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เพ้ย!!! สตรีปากร้ายเช่นนี้ ข้าเป็นอาเหอก็ไม่ปรายตามองเจ้าเช่นกัน”
“ป้าเถียน ท่านจะว่าเถาเถานางเพื่ออันใด นางยังไม่ได้ทำอันใดให้ท่านเสียหน่อย” หูเจี้ยนดึงเฟยเถาไปหลบด้านหลัง
“อาเจี้ยนข้าจะเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เจ้าคิดว่าบิดามารดาเจ้าจะยอมรับสตรีเช่นนางหรือ หึ ยากจน กำพร้าบิดามารดายังไม่เท่าใด แต่ชื่อเสียงของนางจะมีบุรุษใดกล้าแต่งเข้าเรือน”
“ป้า!!! พอได้แล้ว ข้ากำพร้าไร้บิดามารดา หรือยากจน มันใช่เรื่องที่ท่านต้องดูถูกข้าหรือ ในหมู่บ้านที่เรือนใดที่ร่ำรวยจนดูแคลนผู้อื่นได้เล่า ท่านเองก็ยังต้องหาผักป่าไปขายเลี้ยงครอบครัว จะต้องมาถากถางข้าเพื่ออันใด” เฟยเถาเท้าเอวต่อว่าอย่างไม่ยอม
“อาเหอ เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ สตรีเช่นนี้เจ้าอยู่ให้ห่างที่สุดได้ยิ่งดี” ป้าเถียนหันไปเห็นเจียวเหอเดินมาขึ้นเกวียนวัวกับเฉียนตงก็เอ่ยเยาะเย้ยเฟยเถาขึ้นมาทันที
“เกวียนวัวมีกี่รอบกัน” นางหันไปกระซิบถามหูเจี้ยน ดูท่าฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว
“หากเจ้าไม่ไปรอบนี้ก็ต้องรอรอบเย็นเลย หากไปรอบเย็นเจ้าก็ต้องนอนในเมือง หรือเจ้าจะเดินไป”
“เดินไกลหรือไม่”
“สองชั่วยาม”
“ข้าทนเอาหน่อยก็ได้” นางเอ่ยพูดเสียงเบา ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งด้านในสุด โดยไม่หันไปสนใจสายตาของผู้ใดที่มองมาทางนางเลย
หูเจี้ยนเองก็ตามขึ้นมานั่งด้านข้างของนาง พร้อมทั้งบังเฟยเถาให้หลบหายไปจากสายตาของผู้อื่น
ป้าเถียนปากของนางพูดถากถางเฟยเถาไม่ยอมเลิก ทั้งยังชวนชาวบ้านที่ร่วมอยู่ในเกวียนนินทานางอีกด้วย
เกวียนวัวที่วิ่งโคลงเคลงไปตลอดทางบวกกับเสียงแหลมของป้าเถียนทำให้เฟยเถาอยากจะอาเจียนออกมา
“ป้า!!! หุบปากหน่อยเถิด ข้าจะอ้วก” นางตะโกนออกมาอย่างเหลืออด
“เถาเถา เจ้าไหวหรือไม่” หูเจี้ยนหันมามองใบหน้าที่ซีดขาวของนางอย่างตกใจ
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นว่าเฟยเถานางจะมีอาการเมาเกวียนให้เห็นมาก่อน
“ไม่ไหว หยุดเกวียนก่อนได้หรือไม่” นางปิดปากตัวเองไว้แน่น หากพูดออกมาอีกคำ อ้วกคงได้พุ่งตามออกมาแน่
“ลุงไห่ หยุดเกวียนประเดี๋ยวเถิด” หูเจี้ยนตะโกนร้องบอกคนขับเกวียน
ลุงไห่รีบเอาเกวียนจอดข้างทาง ด้วยไม่ต้องการให้เกวียนของตนเปื้อนของเสียที่จะออกมาจากเฟยเถา
เฟยเถาเองก็รีบวิ่งลงไปโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ด้านหลังยังมีหูเจี้ยนที่ค่อยลูบหลังอยู่ไม่ห่าง การกระทำของทั้งคู่ช่างขัดตาเจียวเหอยิ่งนัก แต่ประโยคต่อมาของป้าเถียนก็ทำให้ใบหน้าของเจียวเหอดำคล้ำทันที
“หรือว่านางจะท้อง”
“ท้องกับผีสิป้า!!! ท่านเห็นข้ามีสามีหรือไง” เฟยเถาหันมาเถียงอย่างไม่ยอม สายตาของนางสบเข้ากับสายตาที่ดุดันของเจียวเหอเข้าพอดี
เร็วเกินไป ไม่ใช่แน่นอน เพียงอาทิตย์เดียว จะรู้ว่าท้องเลยก็ประหลาดไป ในหัวของเฟยเถามีแต่ประโยคพวกนี้วนเวียนไปมา
“ลุงไห่ ข้าขอนั่งกับท่านได้หรือไม่ ข้าอยากนั่งรับลม”
“เอาเถิด เจ้าคงเมาเกวียน มานั่งกับข้าก็ได้ หากเจ้าอยากอาเจียนอีก จะได้ไม่ต้องหยุดเกวียน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หูเจี้ยนช่วยประคองเฟยเถาขึ้นไปนั่งอยู่ด้านข้างของลุงไห่
ด้านหน้าเกวียนไม่ค่อยได้ยินเสียงของป้าเถียน ทั้งยังมีลมเย็นๆ ตีเข้าหน้าตลอด ทำให้เฟยเถาไม่มีอาการอยากอาเจียนอีกเลยตลอดการเดินทาง
“เถาเถา เจ้าจะไปร้านผ้าเลยหรือไม่”
“พี่เจี้ยนข้าอยากไปร้านขายยาก่อน ท่านพอจะรู้จักร้านที่ให้ราคายุติธรรมหรือไม่”
“ข้าเข้าเมืองมาขายสมุนไพรอยู่บ่อย จะพาเจ้าไปเอง เจ้าไม่สหายมากหรือ ถึงต้องมาซื้อยาเอง”
“ไม่มากเจ้าค่ะ” นางยิ้มแห้งให้เขา มีคนอยู่มากที่หน้าประตูเมือง เฟยเถาจึงไม่กล้าบอกหูเจี้ยนว่านางจะไปขายสมุนไพร
“หรือว่านางจะท้องกับอาเจี้ยน” เฉียนตงมองตามแผ่นหลังของทั้งสองไปแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย “อาเหอเจ้าจะไปที่ใด ไม่เข้าเรียนหรือ”
“ข้ามีเรื่องต้องจัดการเจ้าเข้าเรียนได้เลย ลาท่านอาจารย์ให้ข้าด้วย ข้าจะเข้าไปสายหน่อย” เขาเดินเข้าเมืองไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเฉียนตง
เฟยเถาจิตใจของนางจดจ่ออยู่ที่ร้านขายยา จึงไม่รู้ว่าด้านหลังเจียวเหอเดินตามนางมาห่างๆ
“อาเจี้ยน วันนี้เจ้ามีอันใดมาขาย” เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาหาหูเจี้ยนอย่างยินดี
“เอ่อ...วันนี้ข้าจะมาซื้อ...”
“พี่ชาย ข้ามีของดีมาขาย แต่ว่าจะหยิบขึ้นมาให้ท่านดูไม่ได้ ท่านพาข้าเข้าไปด้านในได้หรือไม่”
“เจ้าไม่ได้จะซื้อยาหรือ”
“เปล่า เข้าไปด้านในก่อน ข้าไม่อยากให้ผู้อื่นรู้”
เจียวเหออยู่ใกล้จนไม่ได้ยินว่าทั้งสามพูดคุยอันใดกัน เห็นเพียงสีหน้าที่เคร่งเครียดของหูเจี้ยนและท่าทางที่หลบซ่อนของเฟยเถา ยิ่งทำให้เขาร้อนใจอยากจะรู้เรื่องราวโดยเร็ว
เสี่ยวเอ้อพาทั้งสองเข้าไปหาหลงจู๊ด้านใน เฟยเถานางหยิบโสมต้นเล็กที่สุดในความคิดนางออกมาให้เขาดู
“ตามข้ามา” ในตอนแรกหลงจู๊ก็ดูท่าไม่อยากจะต้อนรับทั้งสอง แต่ตอนนี้เขารีบร้อนนำทางไปห้องรับรองด้านใน พร้อมทั้งสั่งให้เสี่ยวเอ้อหาน้ำชาของว่างมารับรองทั้งสองด้วย
โสมที่เฟยเถานางนำมาขายมีอายุนับพันปี ทางร้านยายอมซื้อนางในราคาหัวละ ห้าพันตำลึงทอง นางจึงนำออกมาขายทั้งสองหัวเลย พอเห็นโสมหัวที่สอง ที่มีขนาดใหญ่กว่าหัวเล็ก ทางร้านก็ให้ราคายุติธรรมมอบให้นางเพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึงทอง
เฟยเถามีเงินในมือมากถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตำลึงทอง หูเจี้ยนที่นั่งเงียบตลอดการเจรจา สติของเขาเหมือนจะหลุดรอดออกไปแล้ว เฟยเถารับเงินเสร็จแล้ว สะกิดเรียกเขาสติของเขาก็ยังไม่กลับมาเลย
“พี่เจี้ยน ข้าให้” นางมอบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงทองให้เขาอย่างใจกว้าง
“มะ ไม่ ไม่ได้ ข้ารับไว้ไม่ได้”
“หากท่านไม่รับไว้ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องมาพบข้าอีก” เฟยเถาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เขามีอันใดก็แอบนำมาให้เจ้าของร่างตลอด ในเมื่อนางมีเงินมากมาย จะแบ่งให้เขาเพียงเล็กน้อยไม่ได้หรือ เล็กน้อยมาก หนึ่งพันตำลึงทอง
“ดะ ได้”
“ท่านเก็บให้ดี แล้วทำหน้าให้ดีด้วย ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะสงสัยเอาได้” เมื่อเห็นหูเจี้ยนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เฟยเถาก็บอกลาท่านหมอและหลงจู๊เพื่อไปร้านผ้าต่อ