บทที่ 5 สนามรบ

1328 Words
บทที่ 5 สนามรบ กลางดึกฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเนื้อกระทบกันดังป๊าบ ๆ ๆ เมื่อตอนเย็นฉันเพิ่งจะพูดไปหยก ๆ ตกดึกเอาอีกแล้ว ออกล่าหิ้วผู้หญิงมากินกันอีกแล้ว ฉันต้องนอนฟังเสียงไปจนถึงเมื่อไหร่ หิวก็หิวกินไปแต่ผลไม้กับผักไม่ได้ทำกับข้าว แต่ฉันลืมไปว่าวันนี้ซื้อมาม่ากับโจ๊กคัพติดมาด้วย จะออกไปกินจะมีใครว่าอะไรฉันไหม แต่จะให้ทนรอไปถึงเมื่อไหร่ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว หนึ่งชั่วโมงก็แล้วเสียงร้องอื้อ ๆ ยังดังไม่หยุดเลย "ไม่ไหวแล้วหิวก็หิว ออกไปหามาม่ากินดีกว่า" ฉันเดินเข้ามาในครัวไม่อยากเปิดไฟเพราะกลัวว่าจะถูกบ่น จึงนั่งอยู่ในมุมมืดกินมาม่า แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าบ้านหลังนี้มันจะกลายเป็นสนามรบ ฉันเห็นผู้ชายสามคนกำลังรุมผู้หญิงหนึ่งคนที่บันได พากันลากลงมาที่ห้องนั่งเล่น พี่ไนท์ปล่อยให้สาวสวยอมไนท์น้อยของตัวเอง ส่วนพี่ริวกับพี่ภีมกำลังให้สาวสวยนั่งขัดลำปืนอย่างเมามัน เพลงในหัวของฉันมันก็ดังขึ้นมาทันที ถิ่นพงไพรเขาท่องไปทุกเขตคาม นักรบนิรนามแห่งสยามเมืองยิ้ม หลับกลางดิน กินก็ไม่ค่อยอิ่ม หน้าเปื้อนสนิมดินปืนและความตาย กอดไกปืนทั้งเที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน หนาวร้อนช่างมันปล่อยสวรรค์จางหาย ขาดแฟนควง ดวงเหมือนดั่งเส้นด้าย ฉากสุดท้ายตายอย่างนิรนาม สนามชายแดนสุดแสนกันดาร ตำรวจทหาร อส. ลูกพ่อสยาม เล่นกีฬาฆ่าคน จนแทบทุกยาม สนามสงครามผิดกับสนามโลกีย์ ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องทรมานเห็นแล้วรู้สึกสยิวกิ้วแทน กระบอกปืนทั้งสามรุมกระหน่ำหน้าหลังและปาก ผมที่ยาวสลวยถูกสามหนุ่มขยุ้มจนฟูฟ่องละอองฟิ้ว "อ่าา~ เบบี๋ดูดแรงฉิบ~ อ๊าา~" "ไอ้หมอมึงหื่นเหี้ย ๆ" ปึก! ปึก! ปึก! พี่ริวจ้องมองไปที่จุดเชื่อมของพี่ภีมกับผู้หญิงคนนั้น ฉันสังเกตว่าพวกเขาป้องกันกันหมดทุกคน ยังดีที่มีหัวคิดที่จะป้องกัน ซู๊ดดดด~ ฉันดูดเส้นมาม่าอย่างเอร็ดอร่อยจนเสียงมันดังออกไปถึงข้างนอก พี่ไนท์รีบเดินไปเปิดไฟจนสว่างโล่ง ฉันจึงยกมือขึ้นบ๊ายบายทักทายทุกคน "Hi~ ตามสบายเลยค่ะ ฉันแค่ออกมากินมาม่ากำลังอร่อยเลย" "เหี้ย!!" "กรี๊ดดด!!" พี่ไนท์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ส่วนที่ริวรีบดึงหมอนมาปกปิดริวน้อยของตัวเอง พี่ภีมดึงผ้าคลุมโต๊ะมาพันรอบเอว ส่วนสาวสวยคนนั้นยังนั่งอ้าซ่าโชว์ความบอบช้ำฉ่ำแฉะของตัวเองให้ฉันดู "หูววว ทำไมมันบานแบบนั้นล่ะคะ?" ฉันเอียงคอมองด้วยความสงสัย ของฉันมันปิดสนิทนี่นา ไม่ได้บานเป็นเห็ดหูหนูแบบนี้ "มันเหมือนเห็ดหูหนูเลยนะคะ ดำด้วยขนก็เยอะ" "กรี๊ดดดด อีบ้า!!" สาวสวยคนนั้นกรีดร้องเหมือนจะอับอายสิ่งที่ฉันพูด แถมสามหนุ่มก็ยังก้มไปมองพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยกับฉัน เห็นไหมล่ะฉันบอกแล้วมันบานแล้วก็ดำเหมือนเห็ดหูหนูเลย "อ้าวไปไหนล่ะ ไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนเหรอคะ" ฉันมองตามผู้หญิงคนนั้น เธอออกไปนอกบ้าน วิ่งแก้ผ้าออกไปเหมือนผีเปรตเลย พอหันกลับมาเหมือนทั้งสามคนจะรู้สึกไม่ค่อยโอเคที่ฉันพูดออกไปมันทำให้เธออับอาย ฉันจึงยกมือขอโทษแล้วค่อย ๆ เดินช้า ๆ ออกมาอย่างคนสำนึกผิด "ใครใช้ให้เธอมานั่งแบบนี้ทำไมไม่รู้จักเปิดไฟ แล้วเมื่อกี้เห็นอะไรบ้าง!" "ไอ้ไนท์ใจเย็น ๆ" "มึงจะให้กูเย็นเหี้ยอะไรอีกไอ้หมอ!" "ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่หิวก็เลยออกมาหาอะไรกินถ้าพี่จะโทษฉันทำไมพี่ไม่รู้จักโทษตัวเองบ้าง ก่อนจะโทษคนอื่นพี่ต้องหัดมองตัวเองก่อน ไม่ใช่ทุกคนบนโลกนี้ผิดมีพี่ถูกอยู่คนเดียวนะพี่ไนท์" "มาขนาดนี้ยังต่อล้อต่อเถียงอีกนะ เธอมันสร้างเรื่องไม่หยุดสร้างเรื่องทุกวัน ลองคิดดูดี ๆ ว่าสมควรจะอยู่บ้านนี้ไหม!" "ไอ้ริว!" "ไอ้หมอ ที่ผ่านมาพวกเราสามคนไม่เคยมาปวดหัวเพราะเรื่องเหี้ย ๆ พวกนี้เลยนะ!" "พี่ภีมฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่ากลางค่ำกลางคืนพวกพี่จะทำให้บ้านหลังนี้มันกลายเป็นสนามรบ ฉันขอโทษจริง ๆ ที่ออกมาหามาม่ากินตอนดึก" "ถ้าจะอยู่ที่นี่เรื่องพวกนี้ก็เก็บไว้เป็นความลับนะ เรื่องรสนิยมทางเพศของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน" "ฉันเข้าใจ เพราะคนทั่วไปคงไม่ได้มีความต้องการทางเพศแบบพวกพี่ ความต้องการทางเพศที่ชอบสวิงกิ้งผู้หญิงคนเดียวกัน แถมพี่ริวก็ชอบเล่นประตูหลัง ยังดีนะที่พวกพี่รู้จักสวมถุงยางอนามัย" "___" "___" "___" "ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้เลย ฉันเข้าใจพวกพี่ไม่ต้องคิดมาก มนุษย์ทั่วไปมักใช้หัวบนในการนำทาง แต่มันก็มีส่วนน้อยที่ชอบใช้หัวล่างแทนหัวบน" "ถ้าเธอยังไม่หยุดพูดเรื่องหัวบนหัวล่าง รับรองว่าหัวล่างของฉันมันจะเข้าไปอยู่ในปากเธอ!" "พี่ไนท์! ฉันพูดให้พี่คิดแต่พี่คิดไม่ได้เลย ฉันไปนอนดีกว่า พี่คิดว่าของพี่มันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ดูสิหดเหลืออันเท่านิ้วโป้ง" "สัส!" พี่ไนท์รีบดึงผ้าม่านมาปิดไนท์น้อยของตัวเอง ส่วนฉันก็เดินเลี่ยง ๆ พร้อมกับทำหน้าตาฝืนยิ้มให้ทุกคน เช้าวันต่อมาฉันลุกมาทำกับข้าว มื้อเช้าของวันนี้เป็นซุปข้าวโพดและข้าวผัดใส่แฮมและเบคอน วันนี้พี่ริวเดินลงมาคนแรก เขาตักข้าวใส่จานเดินออกมานั่งทานเพียงลำพัง ฉันจึงตักซุปข้าวโพดออกมาให้ "ทำไมพี่ไนท์กับพี่ภีมยังไม่ลงมาอีกล่ะ" "มันสองคนมีเรียนบ่าย วันนี้เธอต้องไปมหาลัยใช่ไหม" "ใช่วันนี้ฉันต้องไปรายงานตัวซื้อชุด" "ไปพร้อมฉันเลยก็ได้ ฉันต้องเอางานไปส่งอาจารย์บ่าย ๆ ก็คงจะกลับ" "ฉันลืมไปว่าพี่เรียนบริหาร งั้นก็ดีฉันขอติดรถพี่ไปทุกวันเลยก็แล้วกัน ขอบคุณค่ะ" "ใจคอไม่คิดว่าฉันจะต้องมีธุระบ้างหรือไง เป็นเด็กปี 1 ระวังถูกรับน้องชุดใหญ่นะ พวกฉันไม่มีออมมือให้เด็กกระโปกหรอก" "ถ้าพี่ทำอะไรที่มันเกินงามฉันก็จะแจ้งให้อาจารย์ทราบ แล้วก็จะไปร้องเรียนที่รายการโหนกระแส พี่ลองคิดสินอกจากเรื่องรับน้องพี่อาจจะต้องถูกแฉเพราะเรื่องรสนิยมทางเพศที่มันแปลกประหลาด พี่จะถูกขุดคุ้ยประวัติเลวทรามออกมาให้ประชาชนคนไทยได้รู้ พี่รับได้ไหมล่ะ" "กูแค่จะรับน้องขู่ซะ" "ฉันไม่ได้ขู่ แต่พี่ลองคิดสิ ถ้าเกิดพี่ต้องไปออกรายการโหนกระแส นอกจากตัวพี่จะซวยไปด้วยพี่ไนท์กับพี่ภีมก็ต้องไปนั่งอยู่ข้างพี่เหมือนกัน ฉันต้องนั่งฝั่งตรงข้ามเพราะฉันเป็นผู้เสียหาย สิ่งที่ฉันได้เห็นตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ฉันก็ต้องเล่าให้พี่หน่วงรู้" "พอ ๆ พูดอะไรเยอะแยะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดนั้น ไม่ต้องไปออกรายการโหนกระแสก็ได้" "ค่ะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD