"น้องสองคนไม่ทำงานเหรอคะ ทำไมแต่งตัวแบบนี้ออกมาเที่ยวกันได้ รู้สึกว่าวางตัวไม่ค่อยดีนะ" มินตราที่มองทั้งสองคนอยู่ ก็ถามด้วยความหมั่นไส้
"ไม่ค่ะ เราสองคนมาเที่ยวไม่ได้มาทำงาน แล้วคุณไม่มีงานทำเหรอถึงมายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ วางตัวดีมากแล้วใช่ไหมคะแบบนี้" รมิดาก็ถามกลับ ด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่ง ตามประสาเธอ
“หึ” รรินดาเองก็แสยะยิ้มออกมา ด้วยท่าทางที่พอใจ
"นี่เธอ! พี่ปริ้นคะ ดูนักศึกษาฝึกงานสองคนนี้สิ มาพูดแบบนี้กับมินตราได้ยังไง ไม่มีมารยาทเลยสักนิด"
"เหมือนเธอกำลังว่าตัวเองอยู่หรือเปล่า" รมิดาสวนกลับทันควัน
"นี่เธอ!!"
"โอ๊ย หุบปากแล้วไปทำงานเถอะค่ะ ฉันลำคาญ รีบ ๆ ทำ รีบ ๆ กลับกรุงเทพฯไปซะ ฉันอยากเที่ยวพักผ่อน อย่างเต็มที่แล้ว"
"..." รรินดาเองก็มองคนตรงหน้า ทั้งสองคนที่เคยมีอดีตที่ไม่ดีต่อกัน ด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย
"นี่! เธอกล้าดียังไงมาต่อปากต่อคำพูดจาแบบนี้กับฉัน ทั้งยังพูดต่อหน้าพี่ปริ้น ที่เป็นถึงเจ้าของบริษัท"
"..." ปริญก็ได้แต่มองไม่ได้พูดอะไร
"ทำไมเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแล้วมันทำไม" รมิดาก็ถามด้วยความโมโห
"เจิน พอ ๆ พอเถอะ" ปริญก็เดินเข้าไปโอบแขนน้องสาวผู้เอาแต่ใจไว้
"เฮียยยย ดูยัยดาราคนนี้ว่าเจินกับหลินสิ ดูถูกเจินนะแบบนี้ เจินไม่ยอม แล้วคนอย่างเจินจะให้ใครมาดูถูกเฉย ๆ คงไม่ใช่" รมิดาแหวใส่พี่ชาย ปกติแล้วเธอเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร และแต่ละครั้งก็มีแต่คนเอาอกเอาใจ
"..." เฮียเหรอ มินตราถึงกับนิ่งทันที
"นี่เจินน้องสาวพี่ มาเที่ยวนั่นแหละไม่ได้มาทำงานจริงจังอะไรมากหรอก" และปริญก็แนะนำให้มินตรารู้ ก่อนเรื่องราวจะไปกันใหญ่กว่านี้เพราะความเข้าใจผิด เพราะเขารู้ดีว่าน้องสาวผู้เอาแต่ใจเป็นคนไม่ยอมคนขนาดไหน
"เอ่อ...น้องสาวเหรอคะ"
"ครับ พอดีฝึกงานอยู่ เจินเขาอยากอยู่เงียบๆ ตามประสาเด็กฝึกงานธรรมดา ๆ เลยไม่ได้แนะนำให้ใครรู้จัก" ปริญก็อธิบายต่อ
"อ่อ ค่ะ" และมินตาก็ยิ้มออกมาแบบเขิน ๆ แต่รมิดากับรรินดาก็มองตามด้วยสายตาที่ไม่พอใจอยู่
"น้องเจิน..." มินตราเองก็มองแล้วพูดเบาเรากับละเมอ นี่เธอพลาดอะไรไป
"เฮียเจินไปเดินเล่นกับหลินนะ" พูดจบก็จุงมือเพื่อนรักเดินออกไป ไม่ปล่อยให้มินตราได้พูดประโยคต่อไป ซึ่งก็เบื่อคนแบบนี้นั่นแหละ
หลังจากที่ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้ว เมื่อถึงเวลาค่ำ สองสาวก็นัดกันไปกินข้าวที่ร้านอาหารริมหาดต่อ แต่เมื่อไปถึงร้านแล้ว รมิดาก็นึกได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์ไว้ แล้วก็ต้องเสียเวลากลับไปเอา ที่บ้านพักอีก
หญิงสาวได้แต่บ่นให้ตัวเองคนเดียว เพราะหายังไงก็หาไม่เจอยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก
"คุณหนูหาอะไรครับ" ชยกรที่เดินเข้ามาก็ถามขึ้น
"..." เธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่หา ของที่ต้องการต่อไป
"คุณหนูหาโทรศัพท์เครื่องนี้อยู่หรือเปล่า" และคนตัวโตก็ชูโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ประดับด้วยเคสสีชมพูน่ารักฟุ้งฟริ้งขึ้นมาให้เธอดู
"ใช่ แล้วไปอยู่กับเฮียเฟยได้ยังไง" จนเธอต้องถามด้วยความรู้สึกที่แปลกใจ
"คุณหนูลืมทิ้งเอาไว้ที่ชิงช้าหน้าหาดครับ ผมไปเห็นพอดี" เพราะเขาตามเธอไปทุกที่นั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าเธอลืมโทรศัพท์ไว้ตรงนั้น และก็คงเป็นโชคดี ที่เขาเป็นคนเก็บไว้ให้
"..." และเธอก็นึกได้ว่าจริง ๆ เธอวางไว้ตรงนั้น ก่อนจะใช้กล้องถ่ายรูป แล้วเดินออกมาโดยไม่ได้หยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาด้วย เกือบซวยไปแล้วสิ
"นี่ครับ" และเขาก็ยื่นให้
เธอรีบไปคว้าเอาโทรศัพท์ ทำให้มือของทั้งสองคนแตะกัน จนความคิดถึงและโหยหา ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด แต่เป็นเขาที่ชะงักไป เพราะภาพในหัวฉายซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง
["คนอย่างแกไม่คู่ควรกับลูกสาวฉัน"
"ไอ้กระจอก"
"แกมันไม่มีหัวนอนปลายเท้า"
"แกอย่าได้คิดอะไรกับลูกสาวฉัน"
"ลูกสาวฉันต้องไม่ลำบากไปกับแก"
"ไอ้คนต่ำต้อย"
"ถ้าลูกสาวฉันอยู่กับแกมีแต่จะลำบาก"
"หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง]
คำพูดดูถูกมากมายก็ผุดขึ้นมาในหัว เตือนให้เขาจำขึ้นใจว่าเขาไม่เหมาะสมกับเธอ ไม่มีอะไรคู่ควรกับเธอเลยสักนิด คิดได้ดังนั้นก็ต้องถอยห่างออกจากเธอ ให้มากที่สุดอย่างที่เคยทำ
"ขอโทษครับคุณหนู" ชยกรก็หันหลังให้ ก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียง
"..." ร่างบางใจเต้นแรงอีกครั้ง เธอคิดถึงเขาเสมอเธอมีแต่เขาคนเดียว รักเขาคนเดียว รักมาโดยตลอด จนไม่อาจเลิกรักได้ถึงตอนนี้
บุหรี่ราคาแพงที่วางไว้บนโต๊ะกับไฟแช็ก ถูกหยิบขึ้นมาพร้อมกัน เขาจุดไฟใส่บุหรี่มวนนั้น ก่อนจะอัดนิโคติน เข้าไปเต็มปอด ควันสีขาวพวยพุ่ง ออกมา สายตาคมมองไปที่ทะเลเหมือนคนล่องลอย
สักพักใหญ่เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง จากนั้นก็รีบดับบุหรี่มวนนั้นในทันที เพราะไม่อยากให้เป็นอันตรายอะไรกับคนที่เขารัก และเทิดทูนสุดหัวใจ
"เฮียเฟย...ดูดบุหรี่ด้วยเหรอ" เธอถามด้วยสีหน้าที่แปลกใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน
"นานๆ ครั้ง ครับคุณหนู" เขาตอบพร้อมกับมือที่กำลังเก็บทุกอย่างเอาไว้ เพราะไม่อยากให้เธอเห็นสิ่งเหล่านี้
"เจินไม่เคยรู้มาก่อนเลย" เธอก็เดินมาใกล้ ๆ และยืนมองทะเลอยู่ข้าง ๆ เขา
"เพราะผมไม่ได้ทำให้คุณหนูเห็น" เขาตอบเธอเสียงเรียบ
เธอก็ยิ่งมองหน้าเขาด้วยสายตาของความคิดถึง เขาก็ไม่ต่างกัน สายตาเขาบ่งบอกกับเธอว่า เขาก็รักเธอไม่น้อยไปกว่าที่เธอรักเขา เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่บอกเธอ และชีวิตเขาก็มีเรื่องปิดบังเธอเต็มไปหมด
"คุณหนูทำไมแต่งตัวแบบนี้ครับ" เมื่อได้มองสำรวจการแต่งกายของเธอชัด ๆ แล้ว เขาก็ถามด้วยความไม่ชอบใจ เมื่อสังเกตดูดี ๆ ก็เห็นว่า คุณหนูของเขาใส่บีกินนี่ตัวจิ๋วสีแสดจี้ดจ้าด โดยมีเสื้อคลุมสีขาวที่บางมากทับอยู่ แต่ก็แทบจะปิดอะไรไม่ได้
"เจินจะออกไปกินข้าวข้างนอก"
"แต่ชุดนี้..."
"ทำไม ก็แค่ชุดเอง เดี๋ยวนี้ก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้น" คนตัวบางก็ถามอย่างยั่วโมโหเขา
"คุณหนูไปเปลี่ยนเถอะครับ ถ้าไปข้างนอกใส่ชุดนี้ไป มันไม่เหมาะสมจริง ๆ" เขาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด ถึงแม้ในใจจะร้อนดั่งไฟก็ตาม ร่างกายอันสวยหวานนี้ เขาไม่อยากให้ใครเห็นเลยจริง ๆ
"ไม่อะ เจินจะใส่ชุดนี้ไป" เธอยังพยายามจะดื้อกับเขาต่อ ยิ่งเห็นแววตาคู่นั้นยิ่งรู้สึกชอบใจ
"แต่นี่มันแทบจะปิดอะไรไม่ได้เลยนะครับคุณหนู" เขาพูดพร้อมกับมองหน้าเธอ ด้วยน้ำเสียงที่เว้าวอน ทั้งพยายามไม่มองลงไปให้ต่ำกว่านี้
"แล้วเสื้อคลุมนี่เจินก็ไม่คิดจะใส่ด้วย" เธอพูดพร้อมกับถอดเสื้อคลุมที่คุมตัวไว้อยู่ออก ความจริงก็ไม่ได้คิดจะใส่ชุดนี้ไปหรอก แต่เมื่อเห็นเขาหวงแบบนี้ เธอกลับรู้สึกชอบใจ
"คุณหนู" แล้วเขาก็มองเธอด้วยแววตาที่ตัดพ้อ เขาหวงเธอมากหึงเธอมาก ไม่อยากให้ใครมองเธอเลยด้วยซ้ำ
"ทำไม?" แล้วตอนนี้คนตัวบางก็มั่นใจแล้วว่าเขาต้องหวงต้องหึงเธอแน่ ๆ
"ไปเปลี่ยนเถอะครับ ใส่ชุดอื่น" เขาพูดเสียงเรียบ แต่ความรู้สึกไม่พอใจแผร่กระจายไปทั่ว
"หวง?" สายตาเย้ายวนหรี่ถาม ด้วยท่าทางที่กวน ๆ เธอชอบเขาตอนนี้จัง เหมือนเขาจะเปิดเผยความรู้สึกออกมา จนทำให้ใจเธอฟูฟ่อง ด้วยความรู้สึกที่ดีใจมาก
"..." ใช่ เขาหวง หวงเธอมาก มากจนแทบคลั่ง เป็นเธอแล้ว ทุกอย่างมีอิทธิพลในใจเขาหมดเลย
"ถ้าอยากให้เปลี่ยน ก็ไปเปลี่ยนให้เจินสิ" คนตัวบางพูดพร้อมกับลูบหลังมือเขาเบา ๆ ก็เอาสิ ถ้าเขาจะทนได้
"..." ร่างสูงกัดกรามแน่น เพราะกลัวว่าความอดทนที่เขาสะสมไว้มันจะหมดลง ด้วยการพูดจายั่วยวนของเธอ
"งั้นเจินไปก่อนนะคะ พอดีวันนี้เจินนัดทานข้าวกับผู้ชาย ที่เจอกันที่หาด ตอนกลางวันไว้" เธอพูดพร้อมกับทำทีขยับจัดบิกินีตัวเอง ให้เห็นหุ่นอันเซ็กซี่ของเธออย่างชัด ๆ แล้วก็เดินเข้าไปภายในบ้าน แบบไม่สนใจสีหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย