นิชากระวีกระวาดดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยความรีบสุดชีวิต ใส่เกียร์หมาติดสปีดความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกยี่สิบนาทีกับการอาบน้ำแต่งตัวและโหนรถเมล์ไปที่บริษัท ด้วยสภาพการจราจรของรถที่ติดขนัดในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้ไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลาก็พอจะรู้ว่าเธอไม่มีทางไปถึงบริษัทก่อนเวลาแปดโมงเช้าอย่างแน่นอน อยากจะเอาหัวโขกกำแพงสักทีสองทีที่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกแถมเมื่อคืนยังถูกพิษจากการปวดท้องประจำเดือนเล่นงานจนแทบไม่ได้นอน
นิชาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบริษัทอย่างสุดฝีเท้า แม้จะยังปวดท้องประจำเดือนอยู่บ้างแต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาอ่อนแอ เหลือบตาดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังบอกเวลาแปดโมงยี่สิบนาที นิชาแทบเข่าทรุดยืดหอบแหกๆอยู่หน้าห้องทำงานด้วยความเหนื่อย
ตายแน่ๆยัยน้ำชาเอ้ย มาฝึกงานได้สองวันก็สายซะแล้ว โดนยำเละไม่มีชิ้นดีแน่นอน
“ไอ้ชาทำไมมาสายวะ” ทันทีที่ตูดติดเก้าอี้ยังไม่ทันได้พักหายใจหายคอจากการวิ่งสี่คูณร้อยเพื่อหนีรถติดมาเกือบห้าร้อยเมตรเพื่อให้ตัวเองมาสายน้อยที่สุด ปาริสราก็เอ่ยถามขึ้น
“ลืมตั้งนาฬิกาปลุกอ่ะดิ แถมเมื่อคืนปวดท้องเมนส์จนแทบไม่ได้นอนเพิ่งจะได้นอนตอนตีสามนี่เอง” พูดแล้วก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆอีกครั้งเพื่อเอาออกซิเจนเข้าไปในปิดให้มากที่ รู้สึกเหมือนแข่งขาอ่อนแรงพาลอยากจะล้มตัวลงนอนดื้อๆซะงั้น
“อยากจะสมน้ำหน้าอยู่นะ แต่พอเห็นหน้าซีดๆหัวกระเซอะกระเซิงของแกแล้วก็อดสมเพชไม่ได้ว่ะ” นิชาค้อนขวับให้คนปากหมาอย่างจอมทัพทันทีค่อนขอดเพื่อนอยู่ในใจ ถ้าแกพูดมาขนาดนี้ด่าฉันเลยฉันยังจะสบายใจกว่า
“ฉันควรจะดีใจสินะ ขอบคุณนะคะคุณจอมทัพที่ไม่สมน้ำหน้าเพื่อนอ่ะ” คนถูกประชดยักไหล่ส่งยิ้มกวนปาทาเบื้องล่างมาให้ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
“น้องน้ำชาคะ คุณธีร์เรียกให้ไปหาที่ห้องค่ะ” เสียงพูดของประภาดังขึ้นจากหน้าห้องทำงาน นิชาหันกลับไปส่งยิ้มให้ก่อนจะพูดตอบกลับไป
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ภา” ประภายิ้มรับ ก่อนจะเดินจากไป หลงเหลือเพียงเสียงถอนหายใจของนิชาที่ดังฝ่าความเงียบขึ้น รู้ถึงชะตากรรมของตัวเองต่อจากนี้ทันทีว่าจะเกิดอะไรบ้าง โดนธนัตถ์สวดยับสามวันสามคืนแน่ๆ
“โชคดีนะแก พี่ธีร์เขาเดินมาถามหาแกตั้งแต่แปดโมงหนึ่งนาทีแล้ว พอรู้ว่าแกยังไม่มานะหน้าพี่เขานี่ขรึมขึ้นมาเชียว ฉันเห็นแล้วยังเสียวสันหลังเลย” ปาริสราพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าขยาดกลัวเมื่อนึกไปถึงสายตาดุๆของธนัตถ์เมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา
“นั่นดิ ฉันว่านะไอ้ชาพี่ธีร์เขาคงรอเชือดแกอยู่แน่ๆเลย ยังไงแกก็เอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้นะเว้ย” จอมทัพพูดพร้อมกับตบไหล่ของเพื่อนสาวเบาๆ เป็นการให้กำลังใจซึ่งตรงข้ามกับคำพูดที่ชวนให้เสียขวัญนั้นซะเหลือเกิน
นิชาได้ฟังคำพูดของเพื่อนทั้งสองคนแล้วน้ำตาก็แทบไหลอาบแก้ม นี่เธอแค่ถูกเรียกไปพบไม่ได้จะไปออกรบสักหน่อย แต่ดูเพื่อนของเธออวยพรสิ มันน่าชื่นใจเสียจริงๆ แต่จะว่าไปการไปหาพี่ธีร์ของเธอครั้งนี้มันก็เหมือนการไปออกรบไม่มีผิดเพราะเธอได้ยินเรื่องการทำงานตรงต่อเวลาของเขาดีกว่าเป็นคนรักษาเวลาและตรงต่อเวลาขนาดไหน และวันนี้เธอก็เล่นมาสายตั้งยี่สิบนาทีด้วยเหตุผลที่ตื่นสายเพราะลืมตั้งนาฬิกาปลุก เฮ้อ!! ยัยน้ำชางานนี้แกเละเป็นโจ๊กแน่ๆ ป๊าม๊าช่วยลูกด้วย
ร่างสูงที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่สายตาคมกำลังจดจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดโปรแกรมเขียนแบบค้างเอาไว้ พยายามเรียกสติให้กลับมาจดจ้องอยู่กับงานตรงหน้าแต่สมองเจ้ากรรมก็ดันคิดแต่เรื่องไร้สาระของยัยเด็กแก่แดดคนนั้นวนไปวนมา เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่รู้ว่ายัยเด็กนั่นยังไม่มาทำงาน
นี่คิดว่าตัวเองสนิทกับเขาจนอยากจะมาทำงานเวลาไหนก็ได้อย่างนั้นเหรอ คิดแล้วพาลอารมณ์เสีย ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองตัวเลขบอกเวลาที่มุมด้านล่างของจอคอมพิวเตอร์แปดโมงสามสิบนาทีแล้ว
ยัยเด็กไม่มีความรับผิดชอบ มาฝึกงานวันที่สองก็สายถึงสามสิบนาทีเชียวหรือ ทำไมถึงทำตัวเหลวไหลแบบนี้วะ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขัดจังหวะความคิดของชายหนุ่มให้หยุดลง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่จิตใจข้างในนั้นกำลังเดือนปุดๆ
“เข้ามา” สิ้นประโยคอนุญาตประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก ด้วยฝีมือของคนที่ชายหนุ่มนั่งรอมาสามสิบนาที ใบหน้าสวยที่วันนี้จะดูซีดๆเหนื่อยๆ โผล่เข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ มาให้
หึ! คิดเหรอว่ารอยยิ้มนั้นจะทำให้ความผิดนั้นลดน้อยลง
“พี่ธีร์เรียกชามาพบเหรอคะ” นิชาเอ่ยถามออกไปอย่างหวาดหวั่น เมื่อเห็นใบหน้าคมคายนั้นบึ้งตึง แทบไม่ต้องเดาเลยว่าสาเหตุก็คงมาจากเธอนั่นแหละ
“ถ้าคิดจะทำงานบริษัทสิ่งที่ต้องมีคือวินัยและความตรงต่อเวลาซึ่ง...เธอไม่มีนิชา” นิชาก้มหน้ายอมรับผิดแต่โดยดี คำพูดและน้ำเสียงราบเรียบของธนัตถ์นั้นเจ็บแสบยิ่งกว่าเขาด่าเธอแรงๆเสียอีก
“ชาขอโทษค่ะที่มาสาย”
“คำขอโทษไม่ได้ช่วยให้ความรับผิดชอบของเธอมีมากขึ้นหรอกนะ” ธนัตถ์ยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่แฝงการตำหนิติเตียนคนที่ยืนหน้าหงอยอยู่ตรงหน้าต่อ
“ชารู้ค่ะ ต่อไปชาจะไม่มาสายอีก”
“นั่นมันเรื่องของเธอที่เธอต้องไปจัดการเวลาของตัวเอง”
“ค่ะ...ที่พี่ธีร์เรียกชามามีแค่นี้ใช่มั้ยคะ ชาจะได้ไปช่วยงานพี่ป๋อต่อ” ธนัตถ์ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป แต่กลับก้มหน้าเซ็นเอกสารที่อยู่ในแฟ้มงานตรงหน้าแทน ทำเอานิชาทำตัวไม่ถูก อยากจะเดินเข้าไปบีบคอเจ้าของท่าทางนิ่งๆที่ดูกวนประสาทนั้นเสียเหลือเกิน แต่ก็ได้แค่คิดในเมื่อไม่คิดจะพูดกับเธอ งั้นเธอก็คิดเองเออเองเอาเองแล้วกันว่าเขาไล่เธอแล้ว นิชาจึงตัดสินใจหันหลังเดินออกจากห้อง
“ฉันไม่ชอบคนไม่มีความรับผิดชอบและไม่ตรงต่อเวลา” เสียงเรียบพูดขึ้นตามหลัง มือที่กำลังจะเปิดประตูออกชะงักค้างนิชาหันกลับมามองเจ้าของคำพูดนั้นอีกครั้ง และก็ต้องถอนหายใจออกมาดังๆ เมื่อเขายังคงก้มหน้าดูเอกสารเหมือนเดิมไม่ได้เงยหน้ามามองเธอเลยสักนิด
ย่ะ! พ่อคุณ นิชาอยากจะตอบแบบนี้ออกไปแต่สุดท้ายเธอก็ได้แต่พูดคำว่า
“ค่ะ” ก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสีย เดินหน้าบูดหน้าบึ้งกับมาที่ห้องทำงานที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอนั้นหายไปไหนกันหมด
“พี่ป๋อ เพื่อนชาไปไหนหมดอ่ะคะ” คนถูกถามเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเขียนแบบขยับแว่นสายตาทรงกลมน่ารักให้เข้าที่ แล้วส่งยิ้มน้อยๆมาให้
“น้องลูกปลาไปช่วยงานพี่เรย์ ส่วนจอมทัพน่าจะถูกหิ้วไปดูงานข้างนอกมั้ง” พูดจบก็ก้มลงไปสนใจกับงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ
“อ๋อ ค่ะ งั้นชาทำงานต่อจากเมื่อวานนี้เลยนะคะ”
“ครับ” พูดจบต่างคนก็ต่างหันมาสนใจงานของตัวเองต่อ ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบขึ้นอีกครั้ง
นิชานั่งทำงานของตัวเองไปเงียบๆ อาการปวดท้องประจำเดือนก็กลับเข้ามาอีกระลอกพลันท้องเจ้ากรรมก็ร้องประท้วงความหิวแข่งขึ้นมาอีกเพราะตั้งแต่เมื่อวานเย็นจนมาถึงตอนเช้าวันนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลยสักอย่างนอกจากน้ำเปล่า นิชายกมือขึ้นมาลูบท้องตัวเองเบาๆ เหมือนต้องการส่งพลังจิตเข้าไปในท้องว่าอย่างเพิ่งมาปวดตอนนี้ได้มั้ย อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาพัก
นิชารื้อค้นหายาในกระเป๋าสะพายแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ กับความสะเพร่าของตัวเองที่ลืมหยิบยาแก้ปวดท้องและยาแก้โรคกระเพาะใส่กระเป๋ามาด้วย
“ให้มันได้อย่างนี้สิยัยน้ำชาเอ้ย” บ่นด่าตัวเองเบาๆ หันซ้ายหันขวาก็ไม่มีใครพอที่เธอจะไปขอความช่วยเหลือได้เลย พี่ป๋อก็กำลังขะมักเขม้นกับการเขียนแบบเธอจะเดินไปขอขนมกินก็ยังไงอยู่ นิชาเลยตัดสินใจเดินมาที่ห้องทำงานของธนัตถ์อีกครั้งอย่างมีความหวัง แม้อาจจะถูกเขาบ่นบ้างแต่เขาก็คงไม่ปล่อยให้เธอหิวจนไส้ขาดหรือปวดท้องจนเป็นลมหรอกมั้ง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เพราะถ้าจะให้เธอนั่งทนปวดท้องต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะไม่ไหวเหมือนกัน
ธนัตถ์ขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งเมื่อเห็นนิชาเข้ามายืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้า พลางนึกตำหนิหญิงสาวในใจเพราะคิดว่าหญิงสาวจะเข้ามากวนประสาทเขาเหมือนอย่างทุกครั้ง
“มีอะไร”
“พี่ธีร์ชาหิวข้าว พี่ธีร์มีอะไรให้ชากินรองท้องมั้ยคะ” ธนัตถ์ถึงกับจ้องเงยหน้าขึ้นจากงานจ้องหน้านิชานิ่งพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังตามหลังมาติดๆ ยัยเด็กนี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง นอกจากจะมาสายทำตัวไม่มีความรับผิดชอบแล้วยังจะมีหน้ามาบอกเขาอีกว่าหิวข้าว นี่มันที่ทำงานนะครับไม่ใช่ที่บ้านที่อยากจะทำอะไรยังไงก็ได้
“ถ้าไม่พร้อมจะมาทำงานก็กลับบ้านไปเลยมั้ย นี่มันที่ทำงานนะไม่ใช่ที่บ้านที่เธออยากจะมาตอนไหนหรือทำอะไรก็ได้” ธนัตถ์พูดเสียงห้วนต่อว่าออกมาด้วยความไม่พอใจ โดยไม่ได้สนใจใยดีสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดของนิชาเลยสักนิด ใบหน้าของนิชาเริ่มซีดลงเรื่อยๆ เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดขึ้นบนไรผมด้านหน้าและฝ่ามือ ขาที่ยืนอยู่นั่นสั่นเทาน้อยๆ ด้วยความปวดที่เริ่มทวีขึ้นสองมือกำเข้าหากันแน่นเพื่อข่มความปวด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันสายตาที่มองไปยังธนัตถ์เต็มไปด้วยความน้อยใจ
“ชาปวดท้อง” เอ่ยพูดออกไปเสียงเบาราวกับกระซิบ ธนัตถ์หลับตาข่มความรู้สึกหงุดหงิดที่ก่อตัวขึ้น
นอกจากจะมาสายแล้วยังจะอ้างนู่นอ้างนี่อีกนะ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ชายหนุ่มคิดในใจอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะพูดตอบกลับมาเสียงดังอย่างเหลืออด
“นิชา ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าไม่พร้อมก็ให้กลับบ้านไป ไม่ใช่มาอ้างนั่นอ้างนี่ทำตัวไม่มีความรับผิดชอบ ฉันไม่ชอบ” นิชาถึงกับน้ำตาคลอเบ้าเจ็บแปลบที่หัวใจ สำหรับเขาไม่ว่าเธอจะทำอะไรไปมันก็ไม่มีวันถูกใจเขาหรอก ไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เธอพูดไปมันคือความจริงหรือโกหกและต่อให้เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเขาก็คงหาว่าเธอเสแสร้งและสำออยอยู่ดี
“พี่ธีร์ก็ไม่เคยชอบชาอยู่แล้วนี่คะ ต่อให้ชาเป็นลมล้มพับลงตรงหน้าพี่ธีร์ก็ไม่สนใจใยดีชาอยู่ดี” นิชาก็เถียงออกมาอย่างเหลืออดเหมือนกัน ทำเอาธนัตถ์นั้นถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจ หน๊อย! แทนที่จะสำนึกในสิ่งที่เขาพูดไปกับมายอกย้อนเขาให้อารมณ์เสียอย่างนั้น.
“ใช่ รู้อย่างนี้แล้วก็ออกไปได้แล้ว ฉันเสียเวลากับเธอมามากพอแล้ว ฉันจะทำงาน” น้ำตาที่เอ่อคลอถึงกับไหลออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนเจ้าตัวจะรีบเช็ดมันทิ้งไปพร้อมกับหันหลังเดินออกจากห้องทำงานของธนัตถ์ไปทันที
“ไอ้ชา ทำไมหน้าแกซีดๆ ว่ะ ตัวก็รุมๆ” ปาริสราที่เดินออกมาจากห้องของอคิณเอ่ยทักขึ้นพร้อมกับเข้ามาจับแขนนิชาไว้ เมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนรักที่ซีดเซียวราวกับกระดาษ แถมยังรับรู้ถึงไอร้อนที่แผ่กระจายอยู่บนตัวของเพื่อนสาว แต่ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบอะไรจากเพื่อนสาวคนถูกถามก็ทรงตัวยืนแทบจะไม่ไหวโอนเอนไปก่อนที่สติจะดับวูบลงไปในที่สุด ปาริสรารีบประคองนิชาไว้ด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!! ไอ้ชา”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ธีร์บางทีนายก็ใจร้ายกับน้องไปนะ ทำไมไม่สงสารนางเองของเราบ้างเลย น้ำชาหนูโอเคใช่มั้ยลูก หนูกต้องสวยทึกและบึกบึนนะ จะมาเป็นลมแบบนี้ไม่ได้นะ