“เลือด! นี่กะเอาถึงตายเลยหรือไง”
ฝนแก้วกลืนน้ำลายหวาดหวั่น ยืนละล้าละลังด้วยกำลังชั่งใจว่าควรขอโทษดีหรือไม่ แต่เมื่อเทียบกับการกระทำหยามเกียรติ สุดท้ายวิจารณญาณก็ลงความเห็นว่าเขาสมควรโดนด้วยประการทั้งปวง ฝนแก้วดึงสติแล้วหมุนตัวไปทางลิฟต์ คนเจ็บที่กำลังเลือดขึ้นหน้าไม่มีทางปล่อยไปแน่
มือหนาตั้งใจไม่คว้าส่วนใดของร่างกายเธอ เพราะเล็งไปที่สายเดี่ยวสีดำและออกแรงกระชากจนมันขาด ฝนแก้วตกใจยังไม่ทันได้โวยวายปรวีร์ก็กระชากสายเดี่ยวอีกข้างให้ขาดสะบั้น เรียวแขนเล็กกระชับกอดตัวเองร่นหนีจ้าละหวั่น แววตาคู่นั้นราวกับหมดสิ้นความสัมพันธ์วัยเยาว์ระหว่างเขาและเธอ ปรวีร์กำลังโกรธในระดับที่พร้อมฉีกกระชากเธอเป็นชิ้นๆ
“พี่วีร์จะ...จะทำอะไร” เสียงสั่นถามระรัว ตามองมือหนาที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียวก็เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันไปถอดเข็มขัด ฝนแก้วหันหลังเดินหนี เอื้อมมือหมายกดเรียกลิฟต์แต่ช้ากว่าปรวีร์ที่กระชากร่างบางเข้าหาตัว ตวัดอุ้มเดินดุ่มๆ เข้าห้องนอน
“พี่วีร์ปล่อยนะ...ปะ ปล่อย”
“ปล่อยแน่” กระตุกยิ้มร้ายก่อนเอ่ยต่อด้วยเสียงกระซิบพร่า “แต่ขอปล่อยในนะ”
ฝนแก้วไม่เข้าใจความกำกวมในประโยค รู้เพียงว่าแววตาที่ผสมความแพรวพราวกับเจ้าเล่ห์ตีความไปทางลบได้อย่างเดียว ปรวีร์ปล่อยร่างนุ่มนิ่มที่ดีดดิ้นตลอดทางบนเตียงหยุ่นขนาดคิงส์ไซซ์ ก่อนปีนตามมาทาบทับ สองมือเล็กยกกันอกแกร่งที่โถมน้ำหนักไม่ออมแรง
“หนัก ออกไปนะ พี่คิดจะทำอะไร ยังเห็นฝนเป็นน้องอยู่หรือเปล่า”
“ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นน้อง” นับตั้งแต่มารดายัดเยียดสถานะคู่หมั้น หมั่นเอ่ยถึงการแต่งงานระหว่างเขากับเธอ ความรู้สึกมันก็พลอยเปลี่ยนไป
แต่สำหรับฝนแก้วเข้าใจไปแล้วว่าเขาเกลียด เข้าใจว่าเกลียดจนไม่อยากนับถือเป็นคนรู้จัก ทั้งสายตาตลอดจนความรู้สึกของปรวีร์ไม่เหลือสายสัมพันธ์ในอดีต
“ใจร้ายมาก ใจร้ายมากจริงๆ”
“อย่ามาร้องไห้นะ” ปรวีร์ขู่เสียงกร้าว เขาไม่เคยชอบความอ่อนแอในตัวฝนแก้ว เกลียดน้ำตาเธอ เกลียดความปากสั่นจมูกแดง “ฟังนะฝนแก้ว ฉันรู้ว่าลูกกับแม่คนละคนกัน ฉันพยายามกัดฟันปิดหูปิดตามาตลอด ให้โอกาสแม่เธอมาตลอด แต่วันนี้ความคันของแม่เธอมันเกินอภัยจนเกือบทำแม่ฉันตาย จริงๆ เขาคงใจสลายไปแล้วที่รู้ว่าเพื่อนรักนอนกับผัวตัวเอง”
“ฝนไม่เชื่อ”
“เออ! ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ” ปรวีร์ตะคอกกลับจนเธอหลับตาปี๋ สะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ถึงยังไงฉันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้เหยื่อบริสุทธิ์ซึ่งก็คือเธอนี่แหละ ที่จะทำให้แม่เธอเจ็บ”
“พี่วีร์จะทำอะไร”
“ทวงสิทธิ์ที่มันเป็นของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ในเมื่อแม่ยัดเยียดอยากให้เธอเป็นเมียฉันดีนัก ฉันก็จะทำให้มันเกิดขึ้นวันนี้เลย” ฝนแก้วส่ายหน้าระรัวพึมพำปฏิเสธอย่างตื่นกลัว มือหนาจับคางเรียวไว้มั่น “แต่หลังจากนี้ไปจะไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น เธอจะเป็นเพียงเครื่องมือแก้แค้น แค่อยากปู้ยี่ปู้ยำให้สาแก่ใจ และต่อให้แม่ฉันรู้เข้าและบังคับให้แต่งงานมันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น”
“ฝนก็ไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายที่คิดจะข่มขืนกันหรอก” นอกจากเขาไม่รักยังรังเกียจ แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ใครจะอยากเอาตัวเองไปทรมานในสถานะเมียแต่ง แม้ว่าทั้งหมดของใจเธอเสมอมาและตลอดไปมีแต่ผู้ชายที่ชื่อปรวีร์ก็ตาม
ดวงตาเจือหยดน้ำสะกดมองตอบคนตรงหน้าอย่างตัดพ้อ ต่อให้รักอย่างไรก็คงไม่มีวันได้ครอบครองหัวใจ หากร่างกายนี้ต้องเป็นของใครสักคนฝนแก้วก็อยากให้ครั้งแรกแก่ปรวีร์ เปลือกตาแต้มสีปิดลงชั่ววินาทีก่อนกลั้นใจพูดมันออกไป
“ถ้าทำแล้วความแค้นระหว่างกันมันจบ ทำแล้วเราจะเลิกแล้วต่อกัน ทำแล้วพี่จะไม่ไปเอาเรื่องแม่ฝนอีก...ถ้าพี่รับปาก ฝนจะยอม”
“ทำไมถึงยอมง่ายจัง” ชั่ววูบที่จ้องลึกในดวงตาสีสนิมใจปรวีร์เกิดสงสาร แต่วูบต่อมาก็ปัดทิ้งไม่ใยดี
“เพราะ...เพราะ...” คงยอมเพราะรักและไม่อยากเกลียดเขา “...เมามั้งคะ ไม่สิ พูดว่าเมาก็ไม่ถูก แค่มึนๆ นิดหน่อย แอลกอฮอล์คงมีผลกับการตัดสินใจด้วย ไม่ว่ายังไงฝนก็พูดไปแล้วว่ายอมพี่ แต่พี่มั่นใจเหรอคะว่าจะมีอะไรกับคนที่เกลียดได้ลง มันจะพะอึดพะอมเอานะ”
“หึ! ท้าเหรอ ถ้าลืมเรื่องความรู้สึกไปให้หมดและโฟกัสแค่ร่างกายมันก็กินไม่ยากหรอก”
ปรวีร์ไล่สายตามองคนใต้ร่าง ฝนแก้วคือผู้หญิงที่มองว่าน่ารักก็ได้ สวยเซ็กซี่ขี้เล่นก็ไม่เถียง รูปหน้าเรียวสวยทั้งผุดผาดและพริ้มเพรา สัดส่วนบนเรือนร่างเด่นชัด ทั้งเอวบางคอดกิ่ว หน้าอกได้มาตรฐานไม่เล็กเกินไปไม่ใหญ่เกินงาม กลิ่นกายก็หอมหวานราวกับนอนเล่นกลางทุ่งดอกไม้บานสะพรั่ง
อีกหนึ่งสิ่งที่ปรวีร์ต้องยอมรับคือเธอมีเสน่ห์ทางเพศที่รุนแรง ใจเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มองหน้าฝนแก้วแล้วเกิดอารมณ์ ความคิดเชิงสิบแปดบวกโผล่แวบในหัวเขาหลายครั้ง อย่างน้อยก็ช่วงหลังมานี้ที่ฝนแก้วเข้าสู่วัยสาวเต็มตัว และหากพูดกันอย่างสัจจริงปรวีร์อยากกินตั้งแต่กอดเธอในลิฟต์แล้ว
ยิ่งตอนนี้ได้มองสำรวจใกล้ชิดยิ่งต้องกลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่า มือหนาเริ่มทำงานโดยไล้สัมผัสแผ่วเบาบนเนินอกจนร่างเล็กสะท้านไหว ริมฝีปากร้อนลากผ่านแก้มใสแวะไปแตะแผ่วเบาตรงมุมปาก แล้วไล่ลงมาที่ต้นคอขาวลออก่อนงับดูดสร้างรอยรัก ฝนแก้วเป็นเด็กใหม่สำหรับเรื่องนี้ แม้ปากบอกสมยอมแต่มือไม้ก็อดผลักไสไม่ได้
“ตอบพี่มาตามตรงว่าเคยได้กับมันกี่ครั้งแล้ว” ริมฝีปากกรุ่นแอลกอฮอล์เลื่อนงับใบหูแดงก่ำ พร้อมกระซิบถามเสียงดุ
“มะ หมายถึงอะไรคะ”
“แฟนเก่าเธอ เคยกับมันมากี่ครั้งแล้ว”
ใบหน้าสวยส่ายไปมาไม่คิดสบตาเขาอีก “ไม่เคยค่ะ พี่กันต์ไม่เคยล่วงเกินฝน เขาเป็นสุภาพบุรษมาก แค่จูบแต่ละครั้งยังขออนุญาตเลย”
“ว่ากระทบพี่เหรอ”
“ก็ถ้าสำนึกได้ก็หยุดสิคะ ถ้าแม่ฝนทำอย่างที่พี่กล่าวหาจริงเราค่อยมา...”
“ไม่!” ปรวีร์ดักเสียงฉุนโดยไม่เสียเวลาฟังให้จบ ท่อนเนื้อกึ่งกลางชายมันผงาดจนรวดร้าว ทำเขาร้อนไปทั้งร่างขนาดนี้ยังขอให้ยุติกลางทางเหรอ ตัดสินใจลากขึ้นเตียงขนาดนี้แล้ว ยังจะถามหาสำนึกอะไรอีก
ปรวีร์ผุดลุกนั่งเพื่อดึงเดรสสีดำเป็นอิสระจากร่างอรชร ฝนแก้วผวาเฮือกรีบคว้าผ้าห่มสีชามาปกปิด
“อะ เอาจริงเหรอคะ”
“เอาเล่นๆ มั้ง เธอถอด ส่วนพี่ก็ถอดขนาดนี้แล้ว” ปรวีร์ชี้เข้าหาตัวเอง ก่อนถลันลงเตียงแล้วถอดกางสแลคเขวี้ยงทิ้งไปอีกทาง มีเพียงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วบนรูปร่างล่ำสันสมบุรุษ กล้ามเนื้อตั้งแต่แผงอกไล่มาจนถึงกล้ามท้องทุกส่วนล้วนแน่นหนั่นชวนคนมองประหวั่นใจจนเบือนหน้าหนี ร่างสูงคลานขึ้นมาบนเตียงกระชากผ้าห่มเกะกะออกจากตัวฝนแก้ว
“พี่ไม่เคยมองฝนเป็นน้องจริงๆ เหรอ”
“ตอนเด็กอาจจะใช่ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
ปรวีร์ไปเรียนต่อต่างประเทศตอนอายุสิบแปดปี ส่วนเธอเพียงสิบขวบแต่ความสวยเริ่มฉายแวว ซึ่งช่วงเวลาที่ห่างเหิน อยู่ไกลคนละซีกโลก ประกอบกับไม่ได้ติดต่อกันมานานนับหกปีจึงทำให้ฝนแก้วเป็นเพียงความทรงจำของปรวีร์ ส่วนความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มารดายุยงส่งเสริมให้เขาหมั้นหมายกับเธอเมื่อสองปีก่อน ปรวีร์แสร้งทำหูทวนลมเสมอมา ทว่าตัดภาพมาที่ปัจจุบันนอกจากเขาไม่ทำตามที่แม่ขอยังข้ามขั้นไปไกล
“พี่เกลียดฝนมากไหม”
“ไม่ใช่เรื่องที่เขาถามกันตอนมีเซ็กซ์”
“ถ้าฝนขอเปลี่ยนใจ...”
“ไม่! หมดโอกาสกลับลำแล้ว” เสียงเข้มแกมดุแทรกขึ้น พอเห็นร่างบางสะดุ้งก็เกิดรู้สึกผิด มือหนากอบกุมสองแก้มร้อนผ่าวตรึงเธอให้สบตากัน “ไม่ต้องกลัวนะ อารมณ์ดุก็มีบ้างแหละแต่จะพยายามอ่อนโยน มองหน้าพี่สิไม่น่ากลัวหรอก”
ให้มองแล้วยังไงจะรับผิดชอบความรู้สึกเธอไหม ยิ่งมองยิ่งรักยิ่งหวั่นไหว และก็ยิ่งเจ็บใจมากเช่นกัน ปรวีร์เป็นคนรูปหล่อแต่ร้ายกาจ พระเจ้าประทานความสมบูรณ์แบบให้เขาทุกประการ ทั้งด้านสติปัญญาและรูปโฉมอันเป็นส่วนผสมของเชื้อสายเอเชียและฝั่งยุโรปที่มีอยู่น้อยนิด โดยได้มาจากปู่ทวดที่เป็นลูกครึ่งอังกฤษ เขาจึงมองได้ทั้งคมเข้มและหล่อละมุน ผิวขาวสะอาด สูงสง่ากว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ฝนแก้วเดาว่าตั้งแต่เด็กจนโตผู้ชายที่ชื่อปรวีร์คงไม่มีช่วงเวลาขี้ริ้วขี้เหร่ แต่บางครั้งก็น่าเสียดายที่พระเจ้าให้รูปทรัพย์สมบูรณ์แบบแก่ปรวีร์ แต่กลับหักคะแนนหัวใจ
“พร้อมนะ?”
ฝนแก้วหลุบตาต่ำ หากตอบว่าไม่พร้อมเขาจะปล่อยเหรอ...ก็คงไม่
“แล้ว...แล้วฝนต้องทำยังไงบ้างคะ”