ตอนที่ 6 วันโชคร้าย

1656 Words
หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นความสุขของเมิ่งเฟย และก็เป็นการเริ่มต้นความเจ็บปวดของเขาเช่นกัน สถานที่ที่ทำให้รู้สึกสับสนวุ่นวาย… ไม่นาน เมิ่งเฟยก็ถึงหน้าประตูทางเข้าของตึกสิบเจ็ด หลังจากกดปุ่มด้านบนแล้ว     ก็รอประตูเปิด ไม่ถึงสิบวินาที ประตูคอนโดมิเนียมก็เปิดออก หลังจากที่เขาเดินเข้าไป ก็ตรงไปขึ้นลิฟต์       “ติ๊งต่อง…”               ประตูลิฟต์เปิดออก เมิ่งเฟยยืนอยู่หน้าประตู เคาะประตูห้องเบา ๆ สองสามครั้ง ก็เห็นผู้สูงอายุคนหนึ่งเดินออกมา ดูอายุไม่น้อยแล้ว ผมหงอกเต็มศีรษะ น่าจะอายุประมาณหกสิบปีกว่า แต่ลมปราณและพลังสำคัญยังถือว่าดีอยู่       “สวัสดีครับ ผมมาจากบริษัทพัสดุเจียงเฉิง นี่สุราของคุณครับ เชิญตรวจสอบก่อนครับ”       นี่เป็นกฎของบริษัท สินค้าที่แตกหักง่ายจำเป็นต้องตรวจสอบด้วยตนเอง มิฉะนั้นหากได้รับความเสียหาย ก็จะต้องถูกปรับ เมิ่งเฟยไม่อยากโดนปรับ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจทำงานมาโดยตลอด        “อืม พ่อหนุ่ม งั้นนายช่วยฉันเปิดหน่อย ถ้าไม่มีอะไรเสียหาย ก็ช่วยยกเข้าไปวางไว้ในห้องให้ฉันที ฉันอายุเยอะแล้ว ยกไม่ไหว สุราลังนี้ มีแปดขวด คาดว่าจะหนักราว ๆ ยี้สิบโลใช่ไหม?” เมิ่งเฟยพยักหน้า หยิบปากกาลูกลื่นที่พกติดตัวออกมา แล้วกรีดไปที่กล่องลัง จากนั้น ก็ให้ชายท่านนี้ตรวจสอบ หลังพบว่าไม่มีอะไรเสียหาย จึงย้ายสุราเข้าไปด้านใน        “มา พ่อหนุ่ม ขอบใจนายมาก ดื่มน้ำสักหน่อยแล้วค่อยไป หึหึ…”       ชายท่านนี้ยกแก้วน้ำเดินมาเสิร์ฟให้แก่เมิ่งเฟย เขายิ้มกริ่ม ดูท่าทางอ่อนโยนมีเมตตามาก เมื่อเมิ่งเฟยเห็นแบบนั้น จึงรีบลุกขึ้นยืน กำลังอยากจะบอกว่าไม่เป็นไร จู่ ๆ สีหน้าของชายท่านนี้ก็เปลี่ยนไป และหยุดยืนอยู่ที่เดิม แก้วน้ำในมือก็ร่วงลงพื้นเสียงดัง แตกละเอียดในทันที       ทันใดนั้น ชายท่านนี้ก็ล้มลง เมื่อครู่สีหน้ายังผ่องใส  ตอนนี้กลับซีดเผือดไปทั้งหน้า ดูแล้วน่าจะเป็นโรคที่เกิดเหตุฉุกเฉินฉับพลัน ให้ตายสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ในบ้านก็ไม่มีใคร ควรทำยังไงดี?    ชั่วเวลาหนึ่ง เมิ่งเฟยถึงกับมึนงง เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน รู้สึกงงขั้นมาทันที และลืมเรื่องที่ตนเองมีฝีมือในการรักษาโรคได้ไปซะสนิท เขายืนเหม่อลอยอยู่ที่เดิม จนตะลึงงันไปพักหนึ่ง ถึงจะคืนสติกลับมา       เมิ่งเฟยรีบร้อนเดินเข้าไป เขาย่อลงข้าง ๆ ชายท่านนี้ เพื่อจะจับชีพจรให้เขา จะได้แน่ใจว่าเป็นโรคอะไร แบบนี้ถึงจะรู้ว่าควรรักษายังไง แต่ในเวลานั้นเอง เสียงปลดล็อกกุญแจก็ดังขึ้น ยังไม่ทันที่เมิ่งเฟยจะลุกขึ้นยืน ก็เห็นสตรีวัยกลางคนเดินเข้ามา ดูอวบอ้วน และใบหน้าดุ เห็นแล้วก็ไม่อยากยุ่งด้วย “ไอ๊หยา ป๊า อาป๊าเป็นอะไรไป ห๊ะ?!”         “แก ไอ้เด็กส่งของ แกบอกมา แกทำอะไรป๊าฉัน!ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าป๊าฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่มีวันยกโทษให้แกแน่!”       สตรีอวบอ้วนคนนี้นิ่งอึ้งไปทันที สายตาของหญิงจ้องมาที่เขาเขม็ง ราวกับจะฆ่ากัน ท่าทางนั้น เหมือนดั่งซาตาน เธอพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ในเวลาเดียวกันก็โทรไปที่หมายเลข 110 และ 120 (ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน) จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า แล้วผลักเมิ่งเฟย โดยไม่ได้สนใจความปรารถนาดีของเขาเลย       โทรหมายเลข 120 เป็นเบอร์เพื่อช่วยชีวิตคนอยู่แล้ว แต่โทรหมายเลข 110 นั่นมันเพื่อจัดการกับเมิ่งเฟย!       เมิ่งเฟยถูกผลักล้มลง จนก้นกระแทกนั่งลงไปบนพื้น ขณะที่เขาอยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง ก็เห็นว่าสตรีอวบอ้วนได้วางโทรศัพท์แล้ว และเธอก็ตวาดเขาต่อ “แกบอกมาซิ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ห๊ะ?ป๊าฉันเป็นโรคหัวใจ ถ้าเกิดอะไรขึ้น แกรับผิดชอบไหวไหม?”       “แล้วแก?ก็แค่เด็กส่งของคนหนึ่ง เดือนหนึ่งจะหาเงินได้สักเท่าไร?ป๊าฉันผ่าตัดครั้งหนึ่งใช้เงินหลายแสนหยวน แกคิดดูสิ ถ้าป๊าฉันเป็นอะไรขึ้นมา แกเตรียมควักเงินได้เลย! ”       เมื่อได้ยินดังนั้นเมิ่งเฟยถึงกับอึ้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ไม่ปล่อยให้คนอื่นได้พูดอะไรเลย เธอโหดร้ายกว่าหลี่เสียวหย่าโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ ผู้หญิงคนนี้เอาแต่สนใจพูดเรื่องเงิน ไม่ได้สนใจพ่อของตนเลยสักนิดเดียว เมื่อครู่ปากยังกังวลพูดตลอด ตอนนี้พอคุยโทรศัพท์เสร็จ ก็ไม่สนใจอะไรแล้ว ไม่ได้มองชายมีอายุเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าเอาแต่แผดแสียงตะโกนใส่เมิ่งเฟย       ผู้หญิงคนนี้ อกตัญญู!       “คุณ คุณพี่ครับ เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพี่คิดนะครับ ผมแค่มาส่งพัสดุ คุณลุงเขาล้มลงไปเอง ผมไม่ได้พูดโกหกนะครับ เรื่องมันเป็นแบบนี้…”       เมิ่งเฟยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง เขาเพียงบอกรายละเอียด แต่ไม่คิดว่า ผู้หญิงคนนี้จะไม่เชื่อ       “พอได้แล้ว แกอย่าคิดที่จะปัดความรับผิดชอบ ป๊าฉันอยู่บ้านทุกวัน ก็สบายดี แต่พอแกมาทำไมถึงเกิดเรื่องล่ะ?ไอ้หนุ่ม ฉันจะบอกแกให้นะ วันนี้แกสร้างเรื่องแล้ว!”       ผู้หญิงคนนี้ ช่างร้ายจริง ๆ ไม่เชื่อเมิ่งเฟยยังไม่พอ ยังไปยืนอยู่ที่หน้าประตู ราวกับกลัวว่าเมิ่งเฟยจะหนี        ชั่วเวลาหนึ่ง เมิ่งเฟยรู้สึกน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้พล่ามอะไรอีก ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และมองพ่อของเธอเป็นครั้งคราว แต่เธอยังคงจ้องเมิ่งเฟยเป็นหลัก คงกลัวว่าเขาจะหนี       ทว่า คนสองคนนั้นรอได้ แต่ผู้ป่วยรอไม่ได้ แม้ว่าจะโทรไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่ารถพยาบาลจะมาถึงเมื่อไร หากพลาดช่วงเวลาการรักษาที่เหมาะสมที่สุดไป แม้จะส่งผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลแล้วก็ตาม คาดว่าก็ยังอยู่ในอันตราย ชายชราท่านนี้ไหนจะเป็นโรคหัวใจอีกด้วย   เมิ่งเฟยคิดว่าไม่ได้การแน่ หากต้องเกิดปัญหาขึ้นกับเขาจริง ๆ ตนเองก็อธิบายอะไรได้ไม่ชัดเจนพอ คิดแล้วจึงมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “คุณพี่ครับ คุณพี่ให้ผมช่วยดูเถอะนะครับ ไม่รู้ว่ารถพยาบาลจะมาตอนไหน หากพลาดเวลาในการรักษา คุณลุงจะเป็นอันตรายได้นะครับ! ” ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ที่เดิม เมื่อได้ยินเมิ่งเฟยกล่าวแบบนี้ “ฮ่า ๆ” จึงหัวเราะออกมา  “นี่แกไม่ได้ป่วยหรอกใช่ไหม ห๊ะ?แกเป็นแค่เด็กส่งของ ยังจะอยากช่วยดู?ดูอะไร ดูว่าตายหรือยังน่ะเหรอ?”          “ฉันจะบอกให้นะ ตอนนี้แกไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เตรียมเงินไว้ให้พร้อมก็พอ เข้าใจไหม?”       ขณะนี้ เมิ่งเฟยหมดคำจะพูด ไปต่อไม่เป็นเลยจริง ๆ        ตั้งแต่สตรีอวบอ้วนคนนี้เข้าห้องมา จนถึงตอนนี้ ผ่านไปประมาณห้านาทีแล้ว เมิ่งเฟยรู้สึกร้อนใจมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ก่อเหตุ แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้ชายชราท่านนี้เป็นอะไรไป ไหนตอนนี้จะอธิบายอะไรไม่ได้อีก และรถพยาบาลก็ยังมาไม่ถึง จะทำให้เสียชีวิตอย่างกะทันหันได้       เมิ่งเฟยมองแวบหนึ่ง เขาเห็นชายชราท่านนี้มีสีหน้าแย่มาก ทั้งดูเหมือนไม่หายใจแล้ว นี่มันควรเป็นจังหวะที่ต้องช่วยชีวิต!         ไม่ได้ ต้องรีบคิดหาวิธี…       “เอ่อ คุณพี่ครับ รถพยาบาลยังไม่มา และคุณลุงเขา…ถ้าจะให้ผมพูด คือให้ผมช่วยดูเถอะนะครับ เมื่อก่อนผมเคยอ่านตำราแพทย์มาบ้าง แล้วก็เคยเรียนวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมานิดหน่อย ถ้าคุณพี่ยังไม่สนใจแบบนี้ มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้นะครับ! ” “แถม ไม่รู้ว่ารถพยาบาลจะมาตอนไหน เกรงว่าจะเสียเวลาการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ไป!”   เมิ่งเฟยเป็นกังวลมาก เขาจึงพูดจาแบบนี้ออกมา แต่สตรีอวบอ้วนคนนี้กลับไม่สนใจไยดี “ถุย แกอย่ามาอ้างทำตัวเป็นหมาป่าอวดหางหน่อยเลย แค่เคยอ่านตำราแพทย์ก็ช่วยคนได้แล้วเหรอ?ถ้างั้นทำไมแกไม่ไปเป็นหมอล่ะ จะยังมาส่งของทำไม?”       “ฉันเตือนแกแล้วนะ อย่าวุ่นวาย นี่เป็นที่เกิดเหตุ แกต้องรับผิดชอบทั้งหมด เข้าใจไหม?รีบโทรหาครอบครัวแกเถอะ ให้พวกเขาเตรียมเงิน ปัญหาจะได้จบ ๆ สักห้าแสนก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าป๊าฉันเป็นอะไรไป หนึ่งล้านหยวนขาดสตางค์เดียวก็ไม่ได้!”        เมื่อสตรีอวบอ้วนตวาดเสร็จ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอเอียงมองเมิ่งเฟยแวบหนึ่ง  เดินตรงมาอีกฝั่ง และเริ่มรับโทรศัพท์ เขาไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร จู่ ๆ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ และวิ่งมาหยูดอยู่ข้าง ๆ ชายชรา เธอเริ่มร้องไห้โฮ ราวกับในเวลานี้ชายชราได้ตายไปแล้ว         อีกทั้ง เธอยังร้องไห้เสียงดังเหมือนฟ้าร้องแต่ไร้ฝน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD