ชัญญาออกกะเช้าตอนราวๆ สี่โมงเย็น หญิงสาวทำงานอยู่ที่โรงแรมปารีส เซ้นต์ แวงแกร์ในตำแหน่งพนักงานดูแลห้องพักเช่นเดียวกับปั้นหยาและเป็นเพื่อนสนิทกัน พอเปิดประตูห้องพักเข้ามาเห็นเพื่อนนั่งอยู่ที่เตียงนอนก็ถามอย่างร้อนใจ
“หยา เมื่อคืนแกไปไหนมา ไม่เห็นกลับห้อง เมื่อวานแกเข้ากะเช้าไม่ใช่เหรอ ออกกะแล้วแกไปไหน”
ชัญญาถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เพื่อน ปั้นหยาหันไปสบสายตากับชัญญา ร่องรอยความบอบชัดยังฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่สวยของปั้นหยา พอเห็นแบบนั้นชัญญาก็มีสีหน้าตื่นตระหนก
“หยา แกเป็นอะไร ใครทำอะไรแก”
ชัญญาเป็นฝ่ายคว้าปั้นหยาเข้ามากอด ปั้นหยาวางศีรษะลงบนไหล่ของเพื่อนและยกแขนขึ้นกอดชัญญาเอาไว้แน่น น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วกลับมาพรั่งพรูอีกระลอก
“ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเลยชัญ ไม่รู้เลยจริงๆ”
ปั้นหยาสะอื้นฮักอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนสนิทที่เปรียบดั่งที่พึ่งเดียวที่หล่อนมี คนในครอบครัวของทั้งคู่ต่างจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับหลายปีมาแล้วก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางมาตามความฝันถึงปารีสด้วยเงินก้อนสุดท้ายที่มี ปั้นหยาฝันอยากเป็นดีไซน์เนอร์ ส่วนชัญญานั้นฝันอย่างเป็นนางแบบ หากแต่เพราะโอกาสยังมาไม่ถึง ทั้งคู่จึงเลือกในสายงานที่สามารถทำได้ไปพลางๆ ก่อน
“ไม่เป็นไรนะ แกยังไม่พร้อมเล่าก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็อยู่ตรงนี้กับแกนะ”
ชัญญาลูบศีรษะของปั้นหยาอย่างปลอบประโลม และคำพูดแบบนั้นยิ่งทำให้ปั้นหยาสะอื้นฮักเพราะความตื้นตันใจ
“ขอบใจแกมากนะชัญ”
“แกจะขอบใจฉันทำไมเล่า ก็เรามีกันอยู่สองคนนี่”
ชัญญาแสร้งกลั้วหัวเราะเบาๆ เพราะไม่อยากให้ปั้นหยาคิดมาก ปั้นหยายิ้มอ่อนทั้งน้ำตาก่อนจะค่อยๆ ดึงตัวออกมา
“งั้นก็ต้องบอกว่าฉันโชคดีจริงๆ ที่มีแก”
“อื้อ แบบนั้นก็โอเค” ชัญญายิ้มรับ หากแต่มีแวบหนึ่งที่ดวงตาของหล่อนวูบไหว แต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเลือนหายไป “แล้วนี่แกกินอะไรหรือยัง”
“ยังเลย”
“งั้นฉันขออาบน้ำแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไปหาของกินมาให้”
“ไม่ลำบากแกใช่ไหม”
“ขอร้องเถอะหยาอย่าพูดคำนั้น” ชัญญาแกล้งตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก
“งั้นก็ ขอบใจนะ”
“อื้อ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อื้ม”
ปั้นหยาพยักหน้าและปล่อยให้ชัญญาคว้าผ้าเช็ดตัวตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ หากแต่พอบานประตูห้องน้ำปิดสนิทชัญญาก็ลอบผ่อนลมหายใจด้วยท่าทางไม่สบายใจนัก หากแต่ครู่หนึ่งหล่อนก็ทิ้งความรู้สึกนั้นไปแล้วจัดการอาบน้ำชำระร่างกาย
“ยูโกะขอนั่งดื่มด้วยคนได้ไหมคะ”
ห้องโถงเรือถูกเนรมิตเป็นงานเลี้ยงหรูหรา มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และนักร้องคอยขับขานเสียงให้ความบันเทิงสลับกับการบรรเลงเครื่องดนตรีสดซึ่งจรรโลงใจไม่ต่างจากการฟังเสียงสดของนักร้องชื่อดัง โซนตรงกลางห้องโถงถูกแบ่งเอาไว้เป็นฟลอร์เต้นรำ ซึ่งแขกเหรื่อในงานทั้งหมดก็เป็นสมาชิกของสมาพันธ์กับผู้ติดตามที่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน หากแต่ไม่ใช่ราฟาเอลที่กำลังตีหน้านิ่งขรึม มาเฟียหนุ่มเอนแผ่นหลังพิงเข้ากับโซฟาบุนวมหรูหรา มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วใสที่บรรจุน้ำสีอำพันเอาไว้
“ว่าไงคะ ยูโกะขอนั่งด้วยคนได้หรือเปล่า”
ยูโกะ ฮิราโนะ เป็นบุตรสาวของเคนโตะ ฮิราโนะซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาพันธ์ชาวญี่ปุ่นผู้ที่อาวุโสที่สุดในสมาพันธ์ ที่โซฟาราฟาเอลไม่ได้นั่งอยู่เพียงลำพัง ดิมิทิส ฟิโอดอร์กับจ้าวไป่เฟิงก็นั่งอยู่กับเขาด้วย ดิมิทิสที่นั่งอยู่ข้างราฟาเอลยอมย้ายตัวเองไปนั่งข้างจ้าวไป่เฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟิโอดอร์ เพื่อเปิดทางให้สาวสวยชาวญี่ปุ่นได้สานสัมพันธ์กับราฟาเอลต่อ ถึงแม้ว่าราฟาเอลจะยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยก็ตาม แต่ดิมิทิสก็พอจะเดาได้ว่าราฟาเอลคงไม่เสียมารยาทกับลูกสาวของเคนโตะอย่างแน่นอน
แต่จะสานสัมพันธ์ต่อมากกว่าดื่มหรือเปล่าดิมิทิสเองก็ไม่แน่ใจ
“ครับ”
ราฟาเอลพยักหน้า ยูโกะยิ้มหวานก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างกายมาเฟียหนุ่ม ราฟาเอลรู้สึกแปลกใจอยู่นิดหน่อยที่จู่ๆ กลิ่นน้ำหอมจากตัวของยูโกะก็รบกวนโสตประสาทการรับกลิ่นของเขา ราฟาเอลรู้สึกว่ามันฉุนจนเขาต้องนิ่วหน้า ไม่เหมือนกลิ่นกายที่หอมกรุ่นอย่างเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่เขาได้ครอบครองเมื่อคืน
จู่ๆ ภาพเร่าร้อนระหว่างเขากับหญิงสาวคนนั้นก็แล่นขึ้นมาในหัว ราฟาเอลพยายามสลัดภาพเหล่านั้นทิ้งไป แต่น่าแปลกยิ่งเขาพยายามทำแบบนั้นสักเท่าไร ภาพเหล่านั้นกลับยิ่งชัดเจนและไหลบ่าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
“คุณราฟาเอลคะ ชนแก้วกันหน่อยค่ะ”
ยูโกะยกแก้วที่บรรจุเตกีลาขึ้น สายตาของหล่อนมองมาที่ราฟาเอลอย่างหว่านเสน่ห์ มาเฟียหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะชนแก้วกับอีกฝ่ายตามมารยาท จากนั้นเขาก็ส่งน้ำสีอำพันลงลำคอหนาหมดในรวดเดียว ในขณะที่ยูโกะค่อยๆ จิบอย่างมีชั้นเชิง
“นายว่าคืนนี้จะยังไงต่อ” ดิมิทิสกระซิบถามทั้งจ้าวไป่เฟิงและฟิโอดอร์
“ฉันไม่แน่ใจ แต่ถ้าให้เดา ไม่ว่ะ” จ้าวไป่เฟิงว่า
“แล้วนายล่ะคิดว่าไงเฟเดีย” ดิมิทิสหันไปถามเอาคำตอบจากฟิโอดอร์
“ฉันก็ว่าไม่ ราฟดูหน้าเบื่อโลกยังไงก็ไม่รู้ นายไม่เห็นหรือไงดิม และราฟมันก็ทำหน้าเบื่อโลกตั้งแต่ในห้องประชุมแล้ว”
“แต่ฉันว่าคืนนี้ยูโกะต้องได้เข้าห้องราฟแน่หรือไม่ก็ราฟได้ไปห้องยูโกะ”
ดิมิทิสเดาเอาจากท่าทางของยูโกะ สายตาของหญิงสาวราวกับว่าล็อคเป้าหมายเอาไว้แล้วและท่าทางจะไม่ยอมปล่อยให้ราฟาเอลหลุดมือไปได้ง่ายๆ แน่
“พนันกันไหมล่ะ” จ้าวไป่เฟิงท้า
“เอาดิ” ดิมิทิสรับคำท้าโดยไม่เสียเวลาไตร่ตรอง “แล้วนายล่ะเฟเดีย”
“ไม่มีปัญหา แต่ฉันขอเพิ่มเงื่อนไขนิดหน่อย”
“เงื่อนไขอะไร” ดิมิทิสเลิกคิ้วถาม
“ราฟต้องอยู่กับยูโกะถึงเช้าเท่านั้น”
“โอเคฉันดีล” ดิมิทิสว่า “ตกลงพวกนายสองคนว่าไม่ใช่ไหม”
“อืม” ฟิโอดอร์ครางรับส่วนจ้าวไป่เฟิงพยักหน้า
“งั้นก็โอเคฉันว่าได้ แล้วเงินเดิมพันเท่าไร”
“หมื่นเหรียญ” ฟิโอดอร์บอก
“ตามนั้น”
บทสนทนาของพวกเขาทั้งสามคนสิ้นสุดลงตรงนั้น และต่างจับจ้องสายตาไปที่ราฟาเอลกับยูโกะที่คอยเติมเครื่องดื่มให้ราฟาเอลอย่างเอาอกเอาใจ