บทที่ 6 เหยื่อล่อ

1244 Words
“พี่โรม นานาต้องขึ้นไปชั้นสามอีกแล้วเหรอคะ” ร่างเล็กเดินเข้ามาถามและทำสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ใช่ เรามีอะไรรึเปล่า” โรมแกล้งถามและลองสังเกตสีหน้าของหญิงสาวไปด้วย “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร นานาขอเอาเหล้าขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ” “อืม แล้วคอยช่วยรินเหล้าให้บอสจนกว่าบอสจะสั่งให้ลงมานะ เพราะบอสไม่ชอบรินเหล้าเอง” “ค่ะพี่โรม” ขาเรียวเดินขึ้นมาชั้นสามด้วยอาการขาสั่นบอกตัวเองจะมากลัวไม่ได้เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรีบหาข้อมูลที่อีกฝั่งต้องการให้เร็วที่สุดที่จะหาได้ ทางเดียวที่จะหาได้คงต้องเข้าหาบอสของที่นี่ซะแล้วมั้ง แต่จะเข้าหายังไงเพราะเขาน่ากลัวซะขนาดนั้น พอเธอเปิดประตูเข้ามาก็ต้องหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคิดจะเห็นใครตายเสียแล้วอีก “นานาขอรินเหล้าให้นะคะ” ฟาริสเงยหน้ามองใบหน้ารูปไข่ที่มีใบหน้าเล็กสมกับตัว ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นที่เอ่ยเสียงหวาน ๆ ออกมา จะทำยังไงกับเด็กน้อยตรงนี้ดี จับถลกหนังซะเลยดีไหม หรือจะเก็บเลี้ยงไว้ดูเล่นต่อไปสักระยะ เบื่อเมื่อไรค่อยจัดการ “เมธาของล็อตนี้สั่งจองเข้ามาเท่าไร” ฟาริสเอ่ยถามไม่นานร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวออกมาจากมุมมืด “ล็อตนี้สั่งมาเกือบเต็มโควตาแล้วครับ” “สงสัยต้องไปตรวจดูที่โกดังซะแล้วสินะ” นานาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ พยายามทำตัวให้กลืนเข้ากับความมืดสลัวที่สุด โกดังสินค้านั้นมันอยู่ไหนกันล่ะ เธอจะหาเจอได้ยังไงกัน “ที่สั่งจองเข้ามาเพิ่มจะเป็นปืนกลครับ” เมธาเล่ารายละเอียดให้ฟังโดยไม่กลัวว่าข้อมูลจะรั่วไหลจากคนนอก “เมธามาเล่ารายละเอียดตรงนี้ เห็นไหมว่ามีคนนอกอยู่” ฟาริสเอ่ยเสียงเย็นและนั่งจิบเหล้าไปด้วยแต่สายตายังจับจ้องมาที่ร่างเล็กไม่วางตา “นานาไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ” เธอรีบตอบและยืนนิ่งแกล้งไม่ฟังสนทนาที่พวกเขาทั้งสองคุยกัน มาเฟียหนุ่มยกยิ้มมุมปากและส่งสายตาให้เมธารู้ “โกดังสินค้าย่อยที่สมุทรปราการของเข้าครบแล้วครับนาย” “ตรงสมุทรปราการนี่ที่ไหนเมธา กูลืมไปหมดแล้ว” “ที่ปากน้ำครับ” “อ๋อ ไปจัดการคืนนี้เลย” “ครับนาย” เมธารับคำสั่งและรีบก้าวเดินออกไป “ส่วนเธอมานี่สิ” ฟาริสกระดิกนิ้วเรียก ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ด้วยใจที่เต้นระส่ำ ที่เต้นไม่ใช่ตื่นเต้นกับความหล่อของคนตรงหน้า แต่เต้นเพราะกลัวตาย “ค่ะบอส” เธอเดินเข้ามาใกล้และหยุดยืนตรงข้างกาย “นั่งนี่สิ” มือหนาตบที่นั่งบนตักแกร่งของตนเองให้หญิงสาวเข้ามานั่ง “ตะ แต่ตรงนั้นมัน” เธอเอ่ยตะกุกตะกักเขาคิดอะไรจะให้เธอไปนั่งบนตักเขาบ้ารึเปล่า “มันทำไม” เสียงไม่พอใจเอ่ยเสียงต่ำและตวัดสายตามองมาที่หญิงสาวอย่างเอาเรื่อง “ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบและเดินเข้ามานั่งบนหน้าขาแกร่งของเขาด้วยความเกร็ง “อย่าเกร็งสิ นั่งพิงอกฉันมาเลย” มาเฟียหนุ่มสั่งเสียงเข้ม และจับหัวทุยสวยพิงอกของเขาเอาไว้ นี่มันอะไรกัน? หญิงสาวพึมพำในใจด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ ไม่ใช่เขาจะจับเธอกินตรงนี้นะ เธอไม่พร้อมเสียซิงให้ใครทั้งนั้นอายุเธอก็เพิ่งจะ 18 เอง “เธอมีพี่น้องไหม” เสียงนิ่งถามและม้วนผมนุ่มสลวยของหญิงสาวเล่นไปด้วย “ไม่มีค่ะ” เธอเลือกโกหกไป ขืนบอกความจริงเขาไปถ้าเกิดวันไหนโดนจับได้ เขาจะไม่มาตามฆ่าล้างโคตรเธอเลยเหรอ “กระโปรงเธอยังไม่ค่อยสั้นเลยนะ ต้องสั้นอีกสิ ตรงนี้ก็ต้องแหวกอีกถึงจะเรียกลูกค้าให้ฉันได้” นิ้วเรียวยาวเข้ามาสะกิดเสื้อด้านบนของเธอและใช้นิ้วลากไปมา “แต่นี่มันก็สั้นเยอะแล้วนะคะ” “ต้องสั้นอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาชุดใหม่มาให้เธอ เปลี่ยนแล้วก็ขึ้นมาข้างบนเวลาเดิมแบบนี้” “เออ...” “เข้าใจไหมเด็กน้อย” มาเฟียหนุ่มกำชับเสียงนิ่งและกดปลายจมูกโด่งเข้าที่ไหปลาร้าของเธอ “เข้าใจแล้วค่ะบอส” เธอรีบตอบออกมาอย่างไว รู้สึกไม่โอเคเลยที่เขากำลังทำเรื่องแบบนี้กับเธอ “ดีมาก ลงไปทำงานของเธอได้แล้ว” “ค่ะบอส” เธอรีบเด้งตัวขึ้นและก้าวเท้าฉับ ๆ ออกไปโดยไม่เหลียวหลังมามอง ว่าเขานั้นกำลังแสยะยิ้มมองมาที่เธออย่างน่ากลัว ในล็อกเกอร์ที่ไม่มีผู้คนร่างสวยเข้ามายืนหลบมุมเพื่อส่งข้อความหาใครบางคนอย่างเร่งรีบ “พรุ่งนี้ที่โกดังสินค้าตรงปากน้ำ ฉันไม่รู้เวลาแค่รู้ว่าเป็นโกดังที่นั่น” [เยี่ยมมากสาวน้อย] ปลายทางตอบกลับมาสั้น ๆ เธอจึงรีบเก็บโทรศัพท์เข้าล็อกเกอร์และออกไปทำงานตามเดิมเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย แสงจันทร์ท่ามกลางความมืดมิดที่มีเพียงแสงจันทร์กระทบกับผิวน้ำเพื่อช่วยให้ส่องสว่างเท่านั้น ที่อีกมุมหนึ่งมีชายชุดดำขับรถเข้ามาเทียบท่าได้ประมาณหกคัน ทุกคนต่างวิ่งมารอรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง “ที่นี่จริง ๆ ใช่ไหมวะ แต่ทำไมมันดูเหมือนร้างเลยว่ะ” หนึ่งในกลุ่มที่ลงรถมาเอ่ยขึ้นเพราะมองไปรอบ ๆ มันไม่เหมือนคลังสินค้าที่เอาไว้เก็บของเลย ไฟก็ไม่มี มีแต่หญ้าขึ้นรกร้างเต็มไปหมด ปัง! ปัง! ท่ามกลางความมืดเสียงปืนวิ่งเข้าสาดใส่ทุกคนที่ยืนเป็นเป้านิ่งล้มทีละคนสองคน “เฮ้ย! หนีเร็ว มันเป็นกับดัก” ปัง! ปัง! “อ๊าก!!” เมื่อรู้ตัวแต่มันก็สายไปเสียแล้วเพราะสไนเปอร์ได้ซุ่มยิงทุกคนล้มตายกันเกลื่อนพร้อมกับเลือดที่ไหลอาบลงมากลิ่นคาวคละคลุ้งไปจนทั่วบริเวรนั้น “เรียบร้อยแล้วครับนาย” เมธาโทรเข้ารายงานถึงหัวหน้าใหญ่ทันทีที่งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น “เก็บกวาดให้เรียบร้อย” เสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยอำนาจเอ่ยสั่งมาตามสาย “แล้วเด็กนั้นให้ผมจัดการยังไงดีครับ” “เอาไว้ก่อน เก็บไว้ดูเล่นก็สนุกดี หึ หึ” “ครับนาย” เมธารับคำและรีบเข้าเคลียร์พื้นก่อนที่ตะวันจะขึ้น ในห้องทำงานร่างสูงนั่งเท้าคางมองการเคลื่อนไหวของหญิงสาวในหน้าจอสี่เหลี่ยมที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ปากหยักยกยิ้มมุมปาก และใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของหญิงสาวและนั่งหัวเราะในลำคอ “เป็นเธอจริง ๆ ด้วยสินะสาวน้อย หึ หึ” ----------------------------------------- อิพี่มันจะจัดการแล้ว แต่จะจัดการน้องยังไงดี เรื่องนี้ไม่มีนอกกายนอกใจ และไม่มีดราม่าค่ะ มีแต่อิพี่ที่ซาดิสม์ชอบเลี้ยงเมียด้วยลำเเข้ง ฮ่า ฮ่า นางเอกต้องลำบากนิดหนึ่งพระเอกโรคจิตมันจะชอบมากกกก ฝากกดใจ + คอมเมนต์ เข้ามาพูดคุยให้กำลังใจนักเขียนตัวน้อย ๆ คนนี้ด้วยนะคะจะได้มีแรงฮึบ แหะ แหะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD