“นิกกี้!”
เสียงทักจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังนั่งกินอาหารที่เพื่อนสนิทวนเวียนเอามาส่งให้อย่างเอร็ดอร่อยหันไปมอง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
นิกษาได้แต่มองตามนาตาชาที่นั่งลงบนสตูลตัวสูงข้างๆ เธอ อีกฝ่ายวางแก้วเครื่องดื่มที่ถือติดมือมาลงบนเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะพูดกับเธอเสียงสูงที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ ซึ่งเป็นน้ำเสียงปกติที่นาตาชาใช้กับเธออยู่แล้ว
“ฉันไม่คิดว่าจะเจอแกที่นี่ หนีเที่ยวหรือไงคืนนี้?”
“พี่!”
หญิงสาวร้องเรียกอีกฝ่ายอย่างตระหนก ราวกับจะปฏิเสธว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นไม่ใช่ความจริง
“ตกใจอะไรกัน?” นาตาชาชักสีหน้าบึ้งตึงใส่เธอทันควันเช่นเดียว
กัน “คิดว่าฉันไม่มีปัญญามาเที่ยวที่นี่หรือยังไง”
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะตีความท่าทีของเธอไปอีกทาง นิกษาจึงรีบโบกมือไปมาพร้อมกับปฏิเสธเสียงดังทันที
“เปล่าค่ะ ฉันก็แค่ไม่คิดว่าจะเจอพี่...ก็เท่านั้น”
ตอนท้ายเธอเบาเสียงลงนิดหน่อย ผับนี้แม้จะเพิ่งเปิดใหม่ แต่ก็รู้กันว่าเป็นสถานที่มีระดับ ผู้คนที่มาใช้บริการต่างเป็นพวกกระเป๋าหนักทั้งนั้น ที่คริสต้ามาเลี้ยงที่นี่ไม่นับว่าแปลก แต่ที่นาตาชาโผล่มาที่นี่เลยทำให้เธอค่อนข้างตกใจนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่มีปัญญามาที่นี่อย่างที่พูดหรอกนะ
“รังเกียจฉันหรือไง?”
น้ำเสียงที่เจือความโมโหเพิ่มมากขึ้นของคนเป็นพี่สาวทำให้นิกษา
รีบปลอบโยนอีกฝ่ายให้ใจเย็นลง
“ปะ…เปล่านะ! ยังไงพี่ก็เป็นพี่ของฉันนี่”
แม้ว่านาตาชาจะไม่มองว่าเธอเป็นน้องสาว แต่เธอยังคงมองอีกฝ่ายเป็นพี่สาวของเธอเสมอ นาตาชาเองตอนยังเด็กก็ดีกับเธอมาก แต่เพราะอีกฝ่ายคบเพื่อนไม่ดี บวกกับนิสัยอ่อนไหว ยุแยงง่าย คล้อยตามคำพูดของคนอื่นอยู่เสมอ และบางครั้งก็มีนิสัยขี้อิจฉา แต่เพราะนาตาชาเป็นลูกสาวของบิดา มารดาบุญธรรมที่มีบุญคุณกับเธอ เป็นคนในครอบครัวที่แม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ก็ตัดไม่ขาดของเธอ
“ก็ยังดีที่เห็นว่าฉันเป็นพี่”
อีกฝ่ายตอบเสียงเหยียดพร้อมกับหัวเราะหยันออกมา ท่าทีเดี๋ยวโกรธเดี๋ยวหัวเราะของพี่สาวทำให้หญิงสาวหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“พี่เมาหรือเปล่าเนี่ย”
เธออ้อมแอ้มถามอีกฝ่ายเสียงเบา ไม่กล้าตัดสินใจฉับลงไปเพราะเกรงว่าจะกลายเป็นยุให้นาตาชาโกรธ อีกฝ่ายอาละวาดในที่นี้ขึ้นมาเธอไม่มีปัญญาชดใช้หรอกนะ...
“ฉันยังมีสติย่ะ!” นาตาชากระแทกเสียงตอบ มองเธอตาขวางทันที “ทำไม! คิดว่าฉันจะคุยกับแกดีๆ ไม่เป็นหรือไง”
“ก็…”
ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นานหลายปีแล้วที่นาตาชาไม่เคยพูดกับเธอเกินสามนาทีแบบนี้ และไม่ได้อาละวาดใส่เธอหรือขอเงินเธออีกด้วย มันทำให้เธออดสงสัยไม่ได้จริงๆ
“แด๊ดเป็นไงมั่ง?”
คำถามเปลี่ยนเรื่องกะทันหันทำให้นิกษาปรับตัวไม่ทัน และยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้นที่อีกฝ่ายถามถึงอาการของบิดา ทว่าความดีใจกลับมีมากกว่า เมื่อพี่สาวเริ่มหันมาสนใจคนในครอบครัวแล้ว ถึงแม้จะไม่หายสงสัยก็ตามทีว่านาตาชาอาจจะเมา แต่ถึงอย่างนั้นแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“บอกตามตรงนะคะ...” หญิงสาวชะงักไปนิด พยายามเรียบเรียงประโยคที่ทำให้คนฟังไม่รู้สึกว่ามันเลวร้ายมากเกินไป แม้ในความเป็นจริงอาการของแด๊ดจะทรุดหนักก็ตาม “…หมอว่าอาการไม่ค่อยดีเลย แด๊ดไม่ค่อยมีกำลังใจด้วย ฉันอยากให้พี่...เอ่อ...” เธออึกอัก ไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิด
แต่ถึงอย่างนั้นนาตาชาก็รู้ทัน
“ทำตัวดีๆ หน่อยใช่ไหม เหอะ” เจ้าหล่อนส่งเสียงหยัน “จะทำไปทำไม ในเมื่อแด๊ดมีลูกสาวแสนดีอย่างแกอยู่แล้ว!”
คำพูดที่สื่อถึงความน้อยอกน้อยใจปนประชดประชันทำให้นิกษาส่ายหน้ายิกๆ ปฏิเสธอีกครั้ง
“ยังไงฉันก็เป็นแค่ลูกเลี้ยง เป็นเด็กที่ขอมาเลี้ยงนะ สู้คนในสายเลือดเดียวกันไม่ได้หรอกนะพี่”
เธอชี้ให้นาตาชาเห็นความจริง ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจตัวเองก็ตาม ซึ่งนั่นทำให้สีหน้าของนาตาชาดีขึ้น
“หึ”
“นะคะ ถือว่าฉันขอร้อง เอ่อ…ให้ฉันจ้างพี่ก็ได้”
ประโยคท้ายเธอพูดพลางปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ และต้องคอย่นด้วยความกลัวเมื่อนาตาชาตบโต๊ะปังพร้อมกับตวาดใส่เธอว่า
“คิดจะเอาเงินฟาดหัวฉันหรือไงยะ?”
“มะ…ไม่ใช่นะ!”
“ฉันก็ไม่คิดว่าน้ำหน้าอย่างแกจะหาเงินได้เยอะจนพอจะจ้างฉันหรอก!”
“…”
หญิงสาวเลยได้แต่เงียบกริบ เพราะจะว่าไปพี่สาวก็พูดได้ถูกต้อง ถ้าเกิดนาตาชาเรียกร้องเงินจำนวนมาก เธอก็หาให้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
“แต่เห็นแก่ที่ขอร้องขนาดนี้จะยอมทำตามก็ได้นะ”
“เอ๋…?”
ประโยคต่อมาทำให้นิกษาที่หวาดกลัวว่าอาจจะโดนด่าอีกระลอกถึงกับลืมตาขึ้นทันควันแล้วจ้องมองคนพูดเขม็ง แล้วเธอก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นนาตาชายิ้ม
เป็นรอยยิ้มขำอย่างจริงใจที่เธอไม่ได้เห็นมานาน...
“มา…กินนี่ซะสิ” เจ้าหล่อนพูดพลางเลื่อนแก้วที่ถือติดมือมาตั้งแต่แรกมาตรงหน้าเธอ “…แล้วฉันจะถือว่าเราสงบศึกกัน แล้วฉันจะยอมทำตามที่แกต้องการนะนิกกี้”
“จะ…จริงเหรอคะ?”
นิกษาถึงกับตื่นเต้นปากคอสั่นด้วยความดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน แด๊ด
ต้องดีใจมากแน่ๆ ที่พี่นาตาชาจะกลับตัวกลับใจแล้วเลิกทำตัวเอ้อระเหยลอยชายแล้ว
“เออ”
“ขอบคุณนะพี่! ขอบคุณจริงๆ แด๊ดคงดีใจถ้าพี่จะไปคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเขาทุกวัน”
นิกษาแทบน้ำตาไหลกับคำตอบรับของอีกฝ่าย เธอจับมือนาตาชา
แล้วเขย่าไปมาด้วยความตื่นเต้น
“หึ! ดีใจอะไรกันกับเรื่องแค่นี้” นาตาชายิ้มให้เธอ ก่อนจะจับแก้วเหล้าใบนั้นใส่มือเธอพร้อมกับบอกว่า “เอ้า! กินเสียสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะถือว่าแกไม่ตกลงฉันก็ไม่รับปากนะ”
“ได้เลย ฉันจะกินเดี๋ยวนี้!”
นิกษายิ้มกว้าง วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งของเธอเลยทีเดียว เธอคิดถูกแล้วจริงๆ ที่สุดท้ายก็ยอมมางานวันเกิดของคริสต้าและได้เจอกับนาตาชาที่นี่ หญิงสาวคิดขณะที่ยกแก้วเหล้าที่อีกฝ่ายส่งมาให้แล้วดื่มรวดเดียวจนหมดตามคำยุยงของอีกฝ่าย
…โดยที่ไม่สังเกตสายตาจงเกลียดจงชังและสะใจที่ลอบมองเธอในระหว่างที่กำลังดื่มเหล้าด้วยความดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว!