8

1509 Words
“มิสะ! ได้แล้ว” นาตาชาร้องบอกเพื่อนสนิทเสียงดังทันทีที่ประตูด้านหลังเธอปิดตัวลง หญิงสาวประคองร่างเล็กกว่าตัวเองด้วยอาการทุลักทุเลเพราะร่างนั้นแทบจะไม่มีสติเหลือแถมยังทิ้งน้ำหนักตัวมาที่เธอทั้งหมดจนนาตาชาแทบจะอุ้มอีกฝ่ายให้เดินอยู่แล้ว เธอไม่คิดว่าฤทธิ์ยานั่นจะเล่นงานนังกาฝากเสียรุนแรงขนาดนี้! มิสะที่ยืนรออยู่ปราดเข้ามาช่วยเธอหิ้วปีกคนเมายาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นแกมดีใจ “โอ้…ดีจริงๆ” “เราจะเอามันไปส่งที่ไหนล่ะ?” นาตาชาถาม เพราะตอนนี้ตนเองอยากจะโยนร่างที่ ‘หิ้วปีก’ อยู่ทิ้งไปเร็วๆ แล้วจะได้รีบหนีไปจากที่นี่เสียที อ้อ! แต่ก่อนจะไปเธอต้องได้เงินครบตามสัญญาด้วย! “เอาขึ้นรถเลย เดี๋ยวฉันพาไปเอง” มิสะสั่ง พลางชี้นิ้วไปยังรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของเธอซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ทว่านาตาชากลับไม่ขยับเดิน จนเธอต้องหันมามองหน้า คิ้วเรียวเหนือดวงตายาวเรียวชั้นเดียวเลิกขึ้นจ้องมองนาตาชาเป็นคำถาม “แล้วเงินล่ะ อย่างที่ตกลงกันน่ะ?” ประโยคที่หลุดจากปากของคนที่เป็นเพื่อนกันทำให้มิสะส่ายหน้าอย่างระอา พลางแสยะยิ้มเหยียดพร้อมกับสบถเสียงดังว่า “ขี้งกจริงๆ ” “ไม่ได้หรอกแก” นาตาชาเหยียดยิ้มตอบ ดวงตาสีมรกตของเธอเป็นประกายวาววับ “ของอย่างนี้มันเป็นธุรกิจนะ” เรื่องเงินๆ ทองๆ ถึงจะเป็นเพื่อนกันมันก็ไว้ใจไม่ได้หรอก ยิ่งงานง่ายเงินงามอย่างครั้งนี้ เธอเองก็รู้จักมิสะดีพอที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายก็ ‘ร้าย’ พอตัว ทวงเอาไว้ก่อน ได้เงินมาไว้ในมือก่อนก็เป็นการเรียกความอุ่นใจเอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุด! “แกนี่มันจริงๆ เลยแนท” อีกฝ่ายโคลงศีรษะอย่างระอา ปลดมือนิกษาที่สลึมสลือไร้สติทิ้งลงข้างตัว ก่อนล้วงหยิบเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าสะพายของเธอแล้วส่งให้อีกฝ่าย “โอเค นี่ส่วนแบ่งแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของแก” เธอยัดเงินนั้นใส่มือนาตาชา อีกฝ่ายรับมาด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะตาโตเมื่อประเมินด้วยสายตาแล้วเห็นว่านั่นเป็นธนบัตรมูลค่าสูงสุดนับสิบใบ! “เฮ้ย! สูงขนาดนี้เลยเหรอ!” มิสะเห็นดวงตาวาววับและความละโมบที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของอีกฝ่ายแล้วก็เหยียดยิ้มออกมาก่อนจะตอบว่า “ก็ไปการันตีให้เลยไงว่าของใหม่ ไม่เคยมือ อัพราคาค่าตัวได้สุดๆ ไม่ดีหรือไง?” ตอนท้ายเธอย้อนถามเสียงสูง ขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้ายิกๆ มิสะเลยอดส่งเสียงหยันในลำคอไม่ได้ อันที่จริงที่ให้ยายแนทไปมันก็แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่ใช่แปดสิบอย่างที่บอกไปหรอก แต่เธอจะบอกให้โง่ ในเมื่อยายแนทมันก็ไม่ได้รู้เรทราคาอะไรพวกนี้อยู่แล้ว! หญิงสาวปรายตามองร่างเล็กของสาวเอเชีย เจ้าของเส้นผมดำและดวงตาสีน้ำตาลใส...เป็นคนเอเชียละม้ายคล้ายกับเธอ เพียงแต่ความสาวและความสวยมีมากกว่าด้วยสายตาเห็นใจปนสมเพชหน่อยๆ ที่อีกฝ่ายโชคร้ายมีพี่สาวโลภมากอย่างนาตาชา แต่อย่างว่าแหละ...บางครั้งคนเรามันก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดและเพื่อชีวิตที่ดีกว่ากันทั้งนั้น ตราบใดที่ไม่ใช่เธอที่ต้องตกที่นั่งลำบาก ถึงจะเห็นใจแต่มิสะก็ไม่คิดจะช่วยอะไรหรอก เธอไม่ได้เป็นแม่พระ...และโลกใบนี้้ก็สอนเธอมาทั้งชีวิตอยู่แล้วว่าไม่มีอำนาจใดๆ ในโลกมีอิทธิพลเท่ากับอำนาจเงิน! เธอก็แค่ต้องการมัน ใครจะเดือดร้อนก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะต้องสนใจเสียหน่อย “ดีสิ...เร็ว รีบเอามันไปได้แล้วก่อนที่จะมีคนมาเห็น” เสียงเร่งเร้าของนาตาชาทำให้มิสะหลุดจากความคิดของตนเอง หญิงสาวกะพริบตาแล้วจับแขนเรียวของ ‘เหยื่อ’ ขึ้นมาอีกครั้งพลางก้าวเดินตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว คนที่สะลึม สะลืออยู่ตลอดและมีท่าทีกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะเมาฤทธิ์ยาก็ผงกหัวขึ้นพร้อมกับครางเสียงแผ่วอย่างคนได้สติขึ้นมาว่า “พี่จะพาฉัน...ไปไหนคะ...” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นนั้นทำให้นาตาชาเลิกลั่กอย่างทำอะไรไม่ถูก มิสะขึงตาใส่อีกฝ่ายไม่ให้ตื่นเต้น นาตาชากลั้นหายใจก่อนจะแกล้งตอบเสียงห้วนสั้น จิกกัดแบบที่เธอมักจะใช้กับนิกษาว่า “กลับห้องน่ะสิ อะไร?! แค่แก้วเดียวก็เมาเหมือนหมาเลย!” คนที่ถูกหาว่าเมากลับหายใจกระชั้นถี่ แล้วบ่นพึมพำอย่างกระสับ กระส่าย “ร้อนจังเลยพี่...ทำไมร้อนแบบนี้” คราวนี้นาตาชาเหยียดยิ้ม ยัดร่างของนิกษาไว้ที่เบาะหลังก่อนจะตอบคำถามของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวเสียงหยัน “เดี๋ยวจะพาไปคลายร้อน ใจเย็นๆ แล้วกัน รับรอง…เหมือนขึ้นสวรรค์เจ็ดชั้นเลย!” เอ่ยจบเธอก็ปิดประตูเสียงดัง แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้มิสะเอาตัวอีกฝ่ายไปได้เลย นาตาชายกธนบัตรขึ้นมาจูบก่อนจะโบกมือลาให้กับท้ายรถที่กำลังแล่นหายไปจากสายตาของเธอ ขอให้แกโชคดีนะนังกาฝาก...หวังว่าไอ้คนที่ซื้อแกไปมันจะไม่ทำแกตายเสียก่อนนะ! ส่วนเงินค่าตัวของแก...ฉันจะใช้ให้คุ้มค่าทุกดอลล่าเลย! ฟลินน์เดินกลับมาหาเพื่อนสนิทที่ยังนั่งดื่มอยู่เรื่อยๆ หลังจากที่เขาลุกหายไปจัดการ ‘ธุระ’ ให้อีกฝ่าย เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งจึงได้เห็นว่าดาเรนนั้นดื่มไปมากกว่าจะครึ่งขวดแล้วด้วยระยะเวลาไม่ถึงสิบนาที ถึงจะยังไม่แสดงออกว่าเมา แต่ดวงตาสีเขียวมรกตที่เป็นประกายวับวาวมากกว่าปกติก็ทำให้รู้ว่าสติของอีกฝ่ายกว่าครึ่งได้หายไปแล้วอย่างแน่นอน “เรียบร้อย” ฟลินน์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเพื่อนสนิท แย่งขวดเหล้าจากอีกฝ่ายมาแล้วรินเติมให้ตัวเองพร้อมกับเหยียดยิ้มก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่นจนหมดภายในรวดเดียว รสชาติบาดคอร้อนวาบไปถึงช่องท้องทำให้ฟลินน์ถึงกับหรี่ตาลงนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด “หืม?” คนฟังครางในลำคอ “รวดเร็วจริง” คำพูดกึ่งชมกึ่งแดกดันนั้นไม่ทำให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ สะทกสะท้านได้ มิหนำซ้ำผู้เชี่ยวชาญยังมีหน้ามาบอกอีกว่า “ก็บอกแล้วว่ามีหุ้น” ดูท่าไอ้หุ้นนี่ว่าอาจจะเป็นหุ้นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ “ฉันบอกให้เปิดห้องที่โรงแรมให้นายแล้วด้วย นายไปได้เลยตอนนี้ ขอให้คลายเครียดนะเพื่อน” ไม่พูดเปล่า ฟลินน์ถึงขั้นเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาตบบ่าอีกฝ่ายหนักๆ แล้วอวยพรด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจ ขณะที่คนถูกอวยพรส่ายหน้าอย่างระอากับคำพูดของอีกฝ่าย ทว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่ปฏิเสธ “แล้วแกล่ะ?” ดาเรนย้อนถามกลับบ้าง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากับอีกฝ่ายทำแบบนี้ “ขอล่าเหยื่อแถวๆ นี้แล้วกัน” ฟลินน์ตอบเพื่อนสนิท “เผื่อจะมีอะไรสนุกๆ ให้หายเบื่อบ้าง” ซึ่งเขาก็หวังว่าจะเจอในเร็วๆ นี้ และค่ำคืนนี้ของเขาจะไม่จืดชืดและน่าเบื่อไปเสียก่อนหลังจากที่เขาเพิ่งหมดเรื่องสนุกของดาเรนไป “เออ ขอให้เจอแล้วกัน” ดาเรนตอบพลางลุกขึ้นยืน และนั่นทำให้ฟลินน์อดกระทุ้งแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้ “ให้ไปส่งไหม?” คำถามนั้นส่งผลให้ดาเรนหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสนิทท่ามกลางความมืดสลัว “ไม่ได้จะไปโรงเรียน ไม่ต้องให้ผู้ปกครองไปส่งหรอกวะ แล้วถ้าแกคิดอะไรดีๆ ที่จะช่วยฉันได้ก็บอกด้วยแล้วกัน” ตอนท้ายเขาวกมาถึงปัญหาใหญ่ของตัวเองที่เรียกให้เพื่อนสนิทมาหาในวันนี้ ฟลินน์ไม่ตอบแต่กลับหัวเราะจนตัวสั่น ก่อนจะโบกมือลากึ่งโบกมือไล่ให้ดาเรนออกไปจากที่นี่ได้แล้ว “ขอให้สนุกนะเพื่อนรัก” “เออ” ดาเรนตอบรับเสียงหนัก แล้วเดินออกนอกผับเพื่อไปยังโรงแรมซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการของฟลินน์ เบรดฟอร์ด เพื่อนสนิทของเขานั่นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD