บทที่ 7 ชีวิตเธอเป็นของฉัน 1

2196 Words
อากาศโดยรอบตึงเครียด รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นราวกับอุณหภูมิดิ่งลงสู่จุดเยือกแข็ง โดยมีชายคนนั้นเป็นจุดศูนย์กลางของความหนาวสั่นและน่าสะพรึง “สี่ปีมานี้ เธอไม่เคยสำนึกและไม่คิดที่จะเรียนรู้ความผิดของตัวเองเลยจริงๆ” เจษณะมองผู้หญิงที่เขารักด้วยความผิดหวัง เมื่อก่อนลัลล์นลินเป็นเด็กที่มีจิตใจดี อ่อนโยนและอ่อนไหว ขนาดมดหรือยุงสักตัวก็ยังไม่กล้าตบ อย่าว่าแต่จะคิดร้ายใครเลย ทว่าตอนนี้แม้แต่คำพูดคำจายังร้ายกาจจนเขาเองแทบทนฟังไม่ได้ เธอเปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ ‘น่าเกลียด’ แบบนี้ได้อย่างไร? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ลัลล์นลินลงมือทำร้ายอมลฉวีอย่างโหดเหี้ยม เพียงเพราะความไม่พอใจที่เขาให้ความสนิทสนมกับหล่อน เขาเห็นบาดแผลบนตัวของอมลฉวีทุกวัน และมันก็เพิ่มขึ้นๆ จนไม่มีที่ว่างเหลือบนตัวหล่อน บางแผลเป็นรอยใหม่ทับรอยเดิม ไม่มีวันไหนที่เขาไม่เห็นอมลฉวีไม่เจ็บตัวด้วยน้ำมือของลัลล์นลินเลย! แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่เคยปริปากต่อว่าหรือกล่าวโทษลัลล์นลินเลยสักคำ อมลฉวีเอาแต่ปกป้องออกรับแทนเพื่อนทุกอย่าง เป็นลัลล์นลินเองที่มีใจริษยาทำผิดคิดร้ายเพื่อนสนิทอย่างไม่น่าให้อภัย นอกจากไม่เคยยอมรับ ไม่สำนึกผิดแล้ว ยังจะแช่งชักให้อมลฉวีไปตายอีก ผีห่าตนไหนเข้าสิงใจเธอ ถึงได้ใจดำอำมหิตถึงเพียงนี้? เขาเกลียดลัลล์นลินที่เป็นแบบนี้มาก! เขารับไม่ได้ และยิ่งทนไม่ได้เลยที่จะมองหน้าเธอให้นานกว่านี้อีกเพียงเสี้ยววินาที เห็นเจษณะสะบัดหน้าหนีด้วยความรังเกียจ บวกกับน้ำเสียงของเขาเยียบเย็นไร้หัวใจและโหดร้าย ในที่สุดลัลล์นลินก็ทนไม่ได้ ริมฝีปากของเธอเหยียดตรง มุมปากโค้งงอดูเหมือนบางสิ่งระหว่างรอยยิ้มกับความเย้ยหยัน ขอบตาร้อนผ่าวรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น แต่เธอบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ห้ามร้องไห้! หลายปีที่เธอถูกเพื่อนสนิทและไว้ใจที่สุดแทงข้างหลังแผลแล้วแผลเล่า ต่อหน้าอมลฉวีทำดีกับเธอทุกอย่าง หล่อนยิ้มและจับมือคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ช่วยเป็นศิราณีให้เธอกับเจษณะด้วยความเต็มใจ รอยยิ้มอ่อนโยนและความอบอุ่นบนฝ่ามือหล่อน ไม่เคยทำให้เธอเฉลียวใจเลยสักนิดว่า ลับหลังตัวเองจะกลายเป็นเรื่องตลกให้หล่อนหัวเราะเยาะ ใช้ความจริงใจของเธอเป็นเหมือนเข็มพิษทิ่มแทงเธอเกือบตาย เพราะเชื่อใจ... เธอจึงต้องกลายเป็นตัวตลก! เพราะรัก... เธอจึงต้องกลายเป็นคนที่ถูกเกลียดชัง! อมลฉวีใช้อุบัติเหตุปลอมๆ ทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับเจษณะ ทำให้เธอถูกผู้ชายที่รักทำลายชีวิตจนป่นปี้ เธอถูกพวกเขาค่อยๆ ไล่ต้อนผลักให้จนมุมอยู่ในกรงขังแคบๆ ที่แม้แต่อากาศหายใจก็แทบไม่มี แล้วเจษณะยังจะตอกย้ำซ้ำเติมเธอด้วยคำพูดที่ว่า ‘เธอไม่สำนึก’ ‘ไม่เคยเรียนรู้ความผิด’ เขามีสิทธิ์อะไร! เขาโยนข้อหาอุกฉกรรจ์ให้เธอโดยที่ไม่เคยรู้ความจริงด้วยซ้ำ! ความเกลียดชังของลัลล์นลินเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ยิ่งเธอเคยเชื่อใจอมลฉวีมากเท่าไร เธอก็ยิ่งเกลียดหล่อนมากขึ้นเท่านั้น หล่อนทำให้เธอรู้ว่าตัวเองช่างโง่เขลา และเจ็บปวดจนกำลังจะเป็น ‘บ้า’ อมลฉวีทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอย่างอดสู ต้องแบกรับบาปที่ไม่ได้ก่อ ถูกตราหน้าเป็น ‘ฆาตกร’ ไปจนตลอดชีวิต “ทำไมฉันต้องเรียนรู้ ทำไมต้องรู้สึกผิด สิ่งที่ฉันพูดทั้งหมดเป็นความจริง ผู้หญิงคนนี้สมควรตาย เธอสมควรไปลงนรกซะ!” ลัลล์นลินตะโกนกร้าว “หยุดเดี๋ยวนี้!” เจษณะคำรามลั่น มือที่กำหมัดแน่นสั่นเทิ้มด้วยไฟโกรธ แต่ลัลล์นลินที่กำลังบ้าคลั่งกลับมองไม่เห็น ยังคงชี้หน้าสาดคำผรุสวาทใส่อมลฉวีไม่หยุด “ฉันไม่หยุด! เธอมันคนชั่วช้า เป็นปีศาจร้าย เธอทำร้ายฉัน ใส่ความฉัน เธอจะต้องไม่ตายดี...” เพี้ยะ! เสียงตะโกนของเธอถูกตัดด้วยเสียงฝ่ามือที่กระทบบนใบหน้าอย่างรุนแรง ดังก้องจนแก้วหูของเธออื้อไปหมด ใบหน้าสะบัดหันไปสุดคอ เส้นผมยุ่งเหยิงบางส่วนบิดบังใบหน้าที่ตกแต่งอย่างสวยงามครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งซีกถูกซ่อนไว้ในเงามืด “เจษ...” อมลฉวียกมือปิดปากอย่างตกตะลึง แต่ในแววตากลับซ่อนความลิงโลดไว้ไม่มิด ไม่คิดว่าเพราะหล่อนจะทำให้เขาโกรธลัลล์นลินจนถึงขั้นตบหน้า หลังจากนั้นทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง แม้แต่อากาศก็ยังแข็งตัว ขนาดรัมภาเองยังตกใจจนไม่กล้าหายใจเสียงดัง ลัลล์นลินหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆ ในแววตาไร้ความรู้สึกแข็งทื่อเหมือนโดนสตัฟฟ์ แก้มซ้ายของเธอบวมเป่งขึ้นมาทันตา ปรากฏรอยแดงปื้นทับรอยบลัชออน ความเจ็บปวดลามลึกพุ่งตรงไปยังหัวใจทุกครั้งที่รู้สึกถึงความแสบร้อนบนผิวหน้า แต่เธอก็ไม่ได้ยกมือสัมผัสหรือกุมมันไว้ ตรงมุมปากมีหยดเลือดร่วงหล่น สีแดงสดของมันหยดเป็นวงโดดเด่นอยู่ท่ามกลางชุดสีขาวบริสุทธิ์ เจษณะมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเฉย ไม่มีการเคลื่อนไหวบนใบหน้าเลยสักนิด แต่ใครจะรู้ว่าคุณชายผู้เย็นชายิ่งใหญ่ ไม่แคร์ที่จะเหยียบย่ำทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากอง มือของเขากลับสั่นเทาและร้อนราวกับถูกไฟลวก ความเจ็บปวดรุมเร้าจนเขาควบคุมไม่ได้ ต้องซ่อนมันไว้ข้างหลัง ลึกๆ ในแววตาแน่นิ่งซุกซ่อนความเสียใจเอาไว้อย่างสุดซึ้ง ในหัวใจตื่นตระหนก เมื่อเห็นหยดเลือดที่บาดตาบนชุดสีขาวของเธอ ความรู้สึกผิดจุกอยู่ตรงคอหอยจนลูกกระเดือกเขาสั่น เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้... แต่เขาต้องทำเพื่อเตือนสติเธอ! เขาไม่ได้ทำเพื่ออมลฉวี ไม่มีเรื่องของหล่อนอยู่ในหัวเขาเลยสักนิด เขาโกรธที่ลัลล์นลินทำตัวน่าเกลียดถึงขนาดนี้ เธอกลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่ผู้คนต่างพากันรังเกียจและดูถูก เขาไม่อยากเห็นเธอกลายเป็นคนแบบนั้น... มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอ! เขายังเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าจิตวิญญาณของเธอยังบริสุทธิ์ แม้จะถูกโทสะและไฟริษยาเข้าครอบงำ แต่เธอจะรู้สึกตัวและแก้ไขมันได้ในสักวัน... เธอจะกลายเป็นเสี่ยวหลินที่อ่อนหวานคนเดิมของเขา แต่ถ้าลัลล์นลินยังดื้อรั้นไม่ยอมฟังเขา ยังคงทำตัวน่าเกลียดและน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ละก็ เขาจะขัดขวางทุกวิถีทาง จะไม่ยอมให้เธอกลายเป็นปีศาจร้ายอีกต่อไป “อย่าให้ฉันได้ยินเธอพูดแบบนั้นอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องถูกลงโทษ” เขาเอ่ยเสียงขรึม ลัลล์นลินเหยียดยิ้ม เหมือนเขาพูดเรื่องตลกที่ไม่เข้าหูเธอเลยสักนิด “ฉันทำอะไรผิดเหรอคะ” เธอเชิดหน้าถามเขา สีหน้าเจษณะเยียบเย็นดิ่งลงจนติดลบ อารมณ์พลุ่งพล่านเจียนคลั่ง “อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง” “ต่อให้คุณจะพูดอีกกี่ร้อยครั้ง ฉันก็ยังยันยืนคำเดิมว่า...ฉันไม่ผิด!” เธอย้ำบอกเขาเสียงหนักแน่น เจษณะมองเห็นความเด็ดเดี่ยวและเกลียดชังอยู่ในแววตาคู่สวยของลัลล์นลินอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ใบหน้าเธอบวมแดง ดูก็รู้ว่าเจ็บปวดมาก แต่ความดื้อรั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่เศษเสี้ยว “เธอไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอว่าผิดอะไร” หญิงสาวยังคงเชิดหน้าขึ้น ในดวงตาไม่มีแวววูบไหวลังเล เธอเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ “รู้ไหมว่าคุณพูดถูกอย่างหนึ่ง คุณบอกว่าฉันทำผิด ใช่...ฉันทำผิด เรื่องเดียวในชีวิตฉันที่ทำผิดพลาดก็คือการได้รู้จักคุณ” เธอจ้องตาเขา ซ่อนความปวดร้าวเอาไว้ในส่วนที่ลึกสุดหยั่งของหัวใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันทำผิดอย่างมหันต์ แต่ฉันจะแก้ไขมันเอง” มีระลอกคลื่นสาดซัดอยู่ในใจของเจษณะ ขณะที่สบตาลัลล์นลิน เธอบอกว่าทำผิด... บอกว่าจะแก้ไข... เธอจะแก้ไขอะไร? จู่ๆ หัวใจของเขาก็ปวดร้าวอย่างรุนแรง อารมณ์ยิ่งเดือดพล่าน สิ่งที่เขารับรู้ได้จากคำพูดของลัลล์นลินก็คือ... เธอต้องการไปจากเขา! เธออยากจะหนีเขาไปขนาดนี้เลยหรือ? เธอต้องการให้เขายกเลิกการหมั้น แล้วปล่อยเธอไปใช่ไหม? ปล่อยเธอไป... เพื่อให้เธอยิ้มระรื่น มีความสุขอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นรึไง? ใคร... รดิศ? อย่าฝันว่าเขาจะยอม! “ลัลล์นลิน... จำเอาไว้ให้ดี ของที่ฉันทิ้งขวาง แต่ยังไงก็ยังเป็นของๆ ฉันอยู่ดี ฉันไม่อนุญาตให้ใครแตะต้อง” น้ำเสียงของเขาราบเรียบไร้อารมณ์ แต่กลับสร้างแรงกดดันและกักขัง ทำให้คนฟังตัวสั่น ลัลล์นลินกัดริมฝีปากแน่น มือสองข้างกำชายกระโปรงจนแทบทะลุ แม้จะพยายามสงบสติอารมณ์เท่าไรก็ไม่เป็นผล คำพูดของเขาเหมือนคลื่นใต้น้ำที่ก่อกวนให้เธอปั่นป่วน หัวใจถูกบีบรัดจนอึดอัด “ปล่อยฉันไป!” ลัลล์นลินแผดเสียงร้องเหมือนคนเสียสติ ความเจ็บปวดรุมเร้าเธอ กัดกินเธอลึกไปถึงกระดูก ทำให้เธอสิ้นหวังจนแทบจะหมดแรงหายใจ ทุกคนคิดว่าอมลฉวีบริสุทธิ์ และตกเป็นเหยื่อให้กับความเลวร้ายของเธอ ทุกคนรังเกียจเธอ ประณามเธอ เชื่อว่าเธอทำร้ายหล่อนจนพิการ แต่มีใครเคยรู้ธาตุแท้ของหล่อนไหม? มีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงที่แสร้งทำตัวอ่อนแอบอบบางคนนี้บ้าง... เธอหลับตาลงอย่างรู้คำตอบดี ลัลล์นลินอยากจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง อาละวาดให้สะใจ ตะโกนใส่เขาให้ปล่อยเธอไปซะ เธอต้องการอิสรภาพ! แต่น้ำเสียงติดอยู่ปลายลิ้นที่รับรสได้เพียงฝาดขม พูดอะไรไม่ออก ได้แต่กลืนความเจ็บปวดลงไปให้ลึกสุดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจษณะเฝ้ามองการดิ้นรนเงียบๆ ผ่านทุกการแสดงออกของลัลล์นลิน ริมฝีปากเธอเม้มแน่นจนโดนแผล ทำให้เลือดหยดลงมาอีก หัวใจเขาก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน สองขาหนักแน่นทรงพลังก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเธอ สองมือโอบกอดร่างบางอย่างนุ่มนวล แต่สัมผัสได้ถึงแผ่นหลังบางที่แข็งทื่อขึงเกร็ง ลมหายใจของหญิงสาวสะดุดขาดห้วง เธอกลัวเขา! หัวใจของเขาอึดอัดและเจ็บปวด เหมือนมีใครโยนหินก้อนใหญ่ทับลงมา ความจริงข้อนี้ยากที่เขาจะยอมรับได้ ลัลล์นลิน... ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา! ทั้งตัวและหัวใจ รวมถึงเลือดเนื้อและจิตวิญญาณของเธอล้วนเป็นของเขาคนเดียว ไม่เว้นแม้แต่สายตาของเธอก็มีไว้เพื่อมองเขาและรักเขาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าใคร... ก็พรากพวกเขาออกจากกันไม่ได้! “เลิกคิดที่จะไปจากฉันได้เลย เธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่ยังจะมีอิสระอีกงั้นเหรอ” คำพูดเย็นชาที่กระซิบนุ่มทุ้มอยู่ข้างหูไม่ใช่คำขู่ แต่คือคำเตือนที่อันตราย และไม่อนุญาตให้ต่อต้าน! ใช่... ใช่สิ! ตั้งแต่เธอตกหลุมรักเขา เธอก็สูญสิ้นอิสรภาพนับตั้งแต่วันนั้นแล้ว สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าก็มีเพียงขุมนรกหมกไหม้ที่แผดเผาใจเธอให้เจ็บปวดแสนสาหัส จนกว่าจะตาย... ลัลล์นลินเจ็บเหมือนถูกคมมีดกรีดแทงร่างกายของเธอจนพรุนไปทั้งตัว มีเลือดไหลเจิ่งนองออกมาจากทั่วทุกทวาร เจ็บปวดจนแทบกระอัก รู้ซึ้งถึงความไร้ค่าไม่เอาไหนของตัวเอง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ไม่มีทางสู้เขาได้เลย! ฉันยอมแพ้แล้ว... ลัลล์นลินละทิ้งตัวเองแล้วเลิกดิ้นรน เธอเหนื่อยเกินไป เหนื่อยจนแทบขาดใจ บนใบหน้างามไร้สีเลือด ดวงตาปิดสนิท มีร่องรอยของความเจ็บปวดจมลึกอยู่ระหว่างคิ้ว ริมฝีปากที่ตกแต่งซีดบาง สมองถูกช็อตจนว่างเปล่าขาวโพลน เนื้อตัวอ่อนระทวยเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายยืนทรงตัวไม่อยู่ วินาทีถัดมาหญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองลอยคว้างอยู่กลางอากาศ สัมผัสได้ถึงท่อนแขนกำยำที่โอบอุ้มตัวเธอแนบอก ก่อนที่เขาจะก้าวเดินไป ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไหลไปตามการกระทำของเขา เจษณะอยากทำอะไรก็เชิญ เธอหมดแรงที่จะต่อสู้กับเขาแล้ว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD