บทที่ 4 ให้พวกเขาหมั้นกันเถอะ 3

1199 Words
ที่ลานกว้างบนทางเดินบริเวณชั้นสอง ทุกอย่างสงบนิ่งเงียบสงัดชนิดที่แค่เข็มหล่นก็ยังได้ยิน ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใด เพราะกลัวจะผิดหูเจ้านายหนุ่ม สายตาทุกคู่เหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่มีสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา แผ่กลิ่นอายมืดทะมึนเข้าคุกคามเกาะหัวใจผู้คนรอบข้าง ทำให้พวกเขาอึดอัดหายใจลำบากไปตามๆ กัน แม้แต่อมลฉวีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ยังไม่กล้ากระดิกตัว เกรงจะทำให้เจษณะยิ่งขุ่นเคืองใจ “ต่อไปนี้ผมขอร้องไม่ให้คุณแม่เดินผ่านมาแถวนี้อีก” เจษณะเอ่ยเสียงเย็น แม้น้ำเสียงจะฟังดูสุภาพเป็นการขอร้อง แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นคำสั่งที่ท่านไม่อาจฝ่าฝืนได้ แวววรรณเบิกตากว้าง แทบไม่เชื่อหู สีหน้าพลันบิดเบี้ยวเกรี้ยวกราดที่ลูกชายเห็นนังคู่หมั้นชั้นต่ำดีกว่าแม่ตัวเอง ถึงกับกล้าออกปากไล่ไม่ให้หล่อนขึ้นมาเหยียบหน้าห้องของมันอีก “ตาเจษ! แกทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นแม่แก” หล่อนยืนกระทืบเท้าอย่างขัดใจ เจษณะยิ่งขมวดคิ้วไม่ชอบใจ สีหน้ามืดครึ้มเหมือนพายุที่ตั้งเค้า “ผมขอร้องคุณแม่ดีๆ ถ้าคุณแม่ทำไม่ได้ ก็เก็บของเถอะครับ ผมจะหาบ้านหลังใหม่ให้” แวววรรณอ้าปากค้าง พูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเพื่อนังเด็กลูกเมียน้อยอย่างลัลล์นลิน ลูกชายหล่อนถึงกับกล้าไล่หล่อนออกจากบ้านเลยหรือ อะไรทำให้เจษณะหลงมันหัวปักหัวปำแบบนี้? “แก! แกยังเป็นลูกของฉันอยู่รึเปล่าหะ!” หล่อนชี้หน้าแผดเสียงใส่เขาดังลั่น “มันไม่เกี่ยวว่าคุณแม่จะเป็นแม่ของผมรึเปล่า คุณแม่ทำอะไรไว้ย่อมรู้ดีแก่ใจ ผมไม่จำเป็นต้องพูดจริงไหมครับ” เจษณะมองท่านอย่างรู้ทัน ถึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น แต่ตอนที่เห็นสภาพสะบักสะบอมของลัลล์นลินและสร้อยล็อกเก็ตที่เธอกำอยู่ในมืออย่างหวงแหน รวมถึงบาดแผลถูกสร้อยบาดบนมือแม่เขา เขาก็พอจะเดาเรื่องทุกอย่างได้ เรื่องนี้แม่เขาทำไม่ถูก ท่านกล้าเข้ามาขโมยของในห้องคนอื่นได้อย่างไร? โดยเฉพาะ...ลัลล์นลิน! ปกติท่านชอบหยิบฉวยเอาของโบราณหรือของมีค่าในบ้านไปขายเพื่อเข้าวงไพ่ เขาไม่เคยห้ามเลยสักคำ ซ้ำยังแกล้งหลับตาข้างหนึ่งเสียด้วยซ้ำ เพราะสิ่งของพวกนั้นไม่มีค่า เป็นแค่ของนอกกาย ฉะนั้นท่านอยากขนเอาไปลงบ่อนสักเท่าไรก็ตามใจ แต่สร้อยคอเส้นนั้นไม่ได้! มันเป็นของสำคัญที่เจ้าสัวนพมอบให้ลัลล์นลิน เป็นของสิ่งเดียวที่ทำให้เธอคลายทุกข์ เป็นตัวแทนความรักจากพ่อแม่ที่เธอไม่เคยได้รับ มันจึงมีค่าไม่ต่างจาก ‘ชีวิต’ ของเธอ... และมีค่าเทียบเท่า ‘รอยยิ้ม’ ของเธอในใจเขา... “ผมจะย้ำอีกครั้ง ห้ามทุกคนเข้ามายุ่มย่ามบริเวณแถวนี้เด็ดขาด เข้าใจไหมครับคุณแม่?” แวววรรณหน้าซีดเผือด เมื่อแสงเย็นๆ ในแววตาของลูกชายกระทบเข้าในตาหล่อน หล่อนรู้ว่าเจษณะไม่ใช่แค่พูดเล่น เขาเอาจริง พร้อมที่ขับไล่หล่อนออกไปอย่างไร้เยื่อใย หากหล่อนยังสร้างปัญหาทำใหเขาปวดหัวไม่รู้จบ อีกอย่างเรื่องคราวนี้หล่อนก็ประมาทเอง ดันมาขโมยของแล้วโดนจับได้ ขืนเรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงแค่หล่อนเท่านั้นที่เสียหน้า ลูกชายหล่อนเองก็จะพลอยกระทบกับหน้าที่การงานและชื่อเสียงไปด้วย นังหลิน... นังตัวซวย! แวววรรณแอบสบถ ถึงใจจะยังขุ่นเคืองไม่หาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะดันทุรังทำตัวยโสไม่เข้าท่า ถ้ายังอยากอยู่ดีกินดี มีรถหรูขับ มีเงินไว้คอยปรนเปรอความสุข หล่อนไม่ควรขัดใจลูกชายเป็นอันขาด ส่วนนังลัลล์นลิน... หล่อนก็จะไม่ยอมปล่อยไว้ จะต้องหาทางเอาคืนมันทีหลังให้สาแก่ใจ! “เออ... ทีหลังฉันจะมาเหยียบแถวนี้ให้เป็นเสนียดก็ได้” หล่อนตอบส่งๆ แต่น้ำเสียงอ่อนลงไปมาก เจษณะไม่ต่อความยาวสาวความยืด ก้าวเท้าอุ้มอมลฉวีเดินตรงไปยังห้องของหล่อนที่อยู่อีกปีกหนึ่งของตึก พอวางร่างเปราะบางของหล่อนลงบนเตียงนุ่ม เขาก็หันหลังกลับ เตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่ถูกอมลฉวีรั้งมือเขาเอาไว้ก่อน “เจษคะ... ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่า ทำให้หลินเข้าใจผิด” หล่อนก้มหน้าจนผมปรกหน้าปิดตา ใครเห็นก็อดสงสารไม่ได้ เดาได้ว่าอมลฉวีคงจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ผมจะพูดกับเธอเอง” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม “แล้วเรื่องหมั้นล่ะคะ ถ้าหลินไม่ยอมหมั้นกับคุณ คุณจะทำยังไง” อมลฉวีถามเขาอย่างระมัดระวัง ทว่าดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีจ้องมองเขาไม่วางตา ภายในใจจดจ่ออยากรู้คำตอบเต็มแก่ หากว่าลัลล์นลินไม่ยอมเข้าพิธีหมั้นกับเขาจริงๆ จะเป็นไปได้ไหมที่หล่อนสามารถแทรกกลางเข้าไปในตำแหน่งนั้นแทน “พักผ่อนเถอะ ไว้ผมมาเยี่ยมใหม่” เจษณะไม่ตอบ สายตาสุขุมลุ่มลึกของเขาไม่มีพื้นที่ให้อมลฉวีต่อรองหรือพูดอะไรได้ ถึงหล่อนอยากจะถามให้รู้เรื่อง แต่น่าเสียดายที่เขาปิดโอกาสด้วยการเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หล่อนได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่บนเตียงด้วยความผิดหวัง ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง อมลฉวียิ้มกว้างด้วยความดีใจนึกว่าเจษณะกลับมา แต่คนที่เข้ามาคือพ่อแม่ของหล่อน ทำให้สีหน้ายิ่งเศร้าหมองผิดหวังมากกว่าเดิม ความเสียใจอัดอั้นทำให้หล่อนระเบิดโทสะออกมาอย่างดุร้าย “อีหลิน! อีมารความรัก! เพราะมันคนเดียวทำให้หนูเป็นแบบนี้ มันแย่งผู้ชายของหนูไป มันใช้ฐานะคุณหนูบังคับให้เขาหมั้นกับมัน อีหน้าด้าน! หนูเกลียดมัน! หนูเกลียดมัน!” อมลฉวีกำหมัดแน่น ทุบลงบนเตียงราวกับคนเสียสติ ในอกเต็มไปด้วยความคับแค้นใจจนน้ำตาเอ่อคลอเบ้า รัมภากลัวลูกสาวจะทำร้ายตัวเอง ยิ่งกลัวเสียงตะโกนของหล่อนจะดังไปจนคนอื่นได้ยินกันทั่ว จึงรีบเข้ามายกมือปิดปากหล่อนพร้อมกับเอ่ยเตือน “เบาๆ สิ เสียงดังแบบนี้ไม่กลัวใครมาได้ยินรึไง” “ก็หนูแค้นนี่แม่” “แม่รู้” รัมภาลูบหัวปลอบโยนลูกสาว “แต่หนูจะคิดมากไปทำไม ยังไงตอนนี้หัวใจของคุณชายก็เป็นของหนูแล้ว เขารักหนู แต่เกลียดคุณหนูหลินยังกับอะไรดี เธอไม่มีทางเทียบกับหนูได้หรอก” “ใช่... หนูไม่ควรไปวุ่นวายกับเธอมากนัก อย่าลืมสิว่าอุบัติเหตุคราวนั้นเป็นหนูที่ไม่ระวัง ตกบันไดลงมาเอง” อเนกกล่าวเสริม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD