บทที่ 1 เดินออกจากความเจ็บปวด 1

1418 Words
ภายในคฤหาสน์หลังงามโอ่อ่าที่ตกแต่งตามสไตล์จีนโมเดิร์น เน้นห้องที่กว้างขวางโปร่งสบาย โต๊ะเก้าอี้ โคมไฟ หน้าต่าง บานประตูฉลุลวดลายแบบจีน ตรงมุมห้องประดับด้วยแจกันลายครามใบใหญ่สูงค่า บนกำแพงถูกแต่งแต้มไปด้วยรูปภาพและตัวอักษรจีนโบราณ แต่ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเกิน และเป็นที่ชื่นชมแก่ผู้ที่พบเห็นก็คือ บันไดวนหินอ่อนสองฟากฝั่งตั้งอยู่กลางตัวบ้าน เชื่อมต่อขึ้นไปบนชั้นสองซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรดาเจ้านาย ตัวราวบันไดทำจากทองเคสลักลวดลายศิลปะแบบคลาสสิก ส่องแสงเหลืองทองอร่ามตา แสดงให้เห็นถึงความวิจิตรและมั่งคั่งของผู้ครอบครองคฤหาสน์หลังงามอย่าง... เจ้าสัวนพ สิรพลากร เจ้าของและผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัท SPK อันดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและผูกขาดตลาดอุปโภคและบริโภครายใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อเดลิพลัสที่มีสาขาทั่วประเทศมากกว่าหมื่นสาขา อีกทั้งยังดำเนินงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงขยายธุรกิจไปยังการผลิตรถยนต์นำเข้าส่งออกไปทั่วทวีปเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้และอีกหลายประเทศในแถบแอฟริกา ลัลล์นลิน สิรพลากร หลานสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเจ้าสัวนพ ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องผู้เป็นปู่ วันนี้เธอมีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดกับท่าน เป็นการชี้ชะตาอนาคตของเธอต่อจากนี้ว่าจะเดินไปสู่เส้นทางสรวงสวรรค์หรือตกนรกหมกไหม้ เธอเดินไปมาขยับปากมุบมิบ ซักซ้อมสิ่งที่ต้องการจะเอ่ยและหาทางโน้มน้าวให้ท่านยอมใจอ่อน ท่องจนคล่องปากแล้วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมดในตัว ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะบานประตูลานสลักสุดวิจิตรบรรจง ไม่ได้รอให้คนในห้องตอบรับ นับหนึ่งถึงสามแล้วก็หมุนลูกบิดเข้าไป เจ้าสัวนพนอนเหยียดกายอยู่บนเตียง ร่างกายที่เสื่อมโทรม ผิวหนังเหี่ยวย่นแห้งกร้าน การหายใจที่ค่อนข้างอ่อนแรงและหอบง่าย ทำให้เธอใจหายทุกครั้งเมื่อนึกถึงความชราภาพที่นับวันจะคืบคลานเข้าหาท่านเรื่อยๆ บ่งบอกให้รู้ว่าโรคภัยที่รุมเร้าท่านอยู่ตอนนี้ อาจทำให้ท่านจากเธอไปได้ทุกเมื่อ ลัลล์นลินพยายามฝืนยิ้ม ซ่อนน้ำตาในดวงตาหวานฉ่ำ พลางเดินยกถาดอาหารที่นำติดตัวมาด้วยเหมือนทุกเช้าวางลงบนโต๊ะตัวเล็ก เธอหันมาปรับเบาะให้ท่านอยู่ในท่าเอนกายที่สบาย แล้วถือชามโจ๊กที่เคี่ยวมาจากน้ำซุปสมุนไพรไว้ในมือ คนและเป่าให้ควันที่ลอยโขมงบางเบาพออุ่นๆ จึงตักป้อนให้แก่เจ้าสัวนพอย่างช้าๆ แต่คล่องแคล่วและเปี่ยมไปด้วยความเอาใจใส่ เธอตั้งใจว่ารอให้ทานข้าวเสร็จแล้ว จึงจะเกริ่นนำร่องเข้าเรื่องของตัวเอง แต่จู่ๆ ท่านก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นรักใคร่ว่า “สุขสันต์วันเกิดอายุครบ 22 ปีนะหลานปู่” ลัลล์นลินเบิกตาโตเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ จริงสิ... วันนี้เป็นเกิดเธอนี่นา เธอหลงลืมวันเกิดตัวเองไปนับตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้นตอนที่เธออายุครบ 18 ปี ซึ่งเป็นความทรงจำที่เลวร้ายและเจ็บปวดที่สุดในชีวิต วันที่เธอเสียคนรักและเพื่อนรักไปพร้อมๆ กัน... หลังจากวันนั้นเธอไม่เคยใส่ใจวันเกิดของตัวเองอีกเลย เธอเลือกที่จะลืมมัน และขอร้องคุณปู่ไม่ให้จัดงานวันเกิดแก่เธออีก เธอบอกเจตจำนงของตนว่าแค่อยากอยู่กับท่านเงียบๆ สองคนปู่หลานในวันนี้ก็พอแล้ว เธออยากใช้ช่วงเวลาในวันนี้ทุกๆ วินาทีที่มีค่ากับท่านให้มากที่สุดแทน “ขอบคุณนะคะคุณปู่” เธอยิ้มอ่อนหวานให้ท่าน บนใบหน้าสวยเด่นมีความสุขเล็กๆ แต่ลึกซึ้งฉายชัด ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ท่านมอบให้ ความเอาใจใส่ของท่านทำให้เธออุ่นใจและตื้นตัน ในชีวิตที่ไร้ญาติขาดมิตรนี้ ทำให้ลัลน์นลินรู้ว่ายังคุณปู่ที่รักเธออยู่ทั้งคน… แม้จะเป็นเพียงแค่คนเดียวบนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ แต่เธอก็มีความสุขจนไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว ความรักของท่านสามารถทดแทนทุกความเจ็บปวด ผิดหวังเสียใจที่เธอได้รับ ขอแค่พระเจ้าโปรดเมตตา ให้คุณปู่อยู่กับเธอต่อไปอีกนานๆ อย่าเพิ่งพรากท่านไปจากเธอเลย “ปู่มีของขวัญให้เสี่ยวหลินด้วย อยู่ในลิ้นชักตรงโต๊ะหัวเตียงนั่นน่ะ หลานหยิบมาดูสิว่าชอบไหม” ท่านยิ้มอย่างอ่อนโรย แต่ยังคงน่ามองมากในสายตาเธอ หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วเอื้อมมือเปิดลิ้นชักหยิบกล่องของขวัญผูกโบว์สีหวานออกมา มองมันด้วยความตื่นเต้นเพื่อเอาใจท่านสักหน่อย แล้วแกะโบว์เปิดฝากล่องออกดู ข้างในเป็นสร้อยคอทองคำพร้อมจี้ล็อกเก็ตรูปหัวใจ เปิดออกมาข้างในด้านหนึ่งเป็นนาฬิกา อีกด้านเป็นรูปถ่ายของคนที่เธอคุ้นเคยคนหนึ่ง และไม่เคยพบหน้าเลยตั้งแต่เกิดอีกคนหนึ่ง “ชอบไหม?” ลัลล์นลินพยักหน้าแรงๆ หงึกหงัก มีทั้งความตื่นเต้น ประหลาดใจและตื้นตันใจผสมปนเปจนพูดไม่ออก หยาดน้ำตาคลอหน่วยเมื่อมองภาพผู้หญิงและผู้ชายที่ยืนกอดกันกลมในรูป ทั้งคู่มีรอยยิ้มที่จริงใจและบริสุทธิ์ มีความรักท่วมท้นลึกซึ้งให้แก่กัน มันเอ่อล้นออกมาจนเธอที่มองอยู่สัมผัสได้ หัวใจของหญิงสาวพองโตปริ่มเปรม มีความสุขสมหวังเคลือบฉายอยู่บนใบหน้า แม่คะ... ในที่สุดหลินก็ได้เจอแม่แล้วนะคะ ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าท่านหน้าตาเป็นอย่างไร เหมือนเธอหรือไม่ เธอลูบไล้ปลายนิ้วลงบนภาพผู้หญิงอย่างแผ่วเบา แม้ไม่รู้จักและไม่เคยพบหน้า แต่เธอรู้ว่าท่านคือแม่ของเธอ ‘ลลิตา’ เธอได้รู้แล้วว่าหน้าตาท่านเป็นอย่างไร แม่เป็นผู้หญิงที่สวยอ่อนหวานและดูไร้เดียงสาเกินกว่าจะเป็นอย่างที่ใครๆ ชอบกล่าวหา... เจ้ามารยาและชอบให้ท่าผู้ชาย ลัลล์นลินมองท่านแล้วยิ้มตาม ยิ้มไปจนถึงดวงตา รอยยิ้มของแม่ช่างอบอุ่นอ่อนโยนอะไรแบบนี้ ดูแล้วคล้ายคลึงกับรอยยิ้มของเธอมากทีเดียว ใครที่บอกว่าเธอหน้าเหมือนแม่เห็นท่าจะจริง เธอเคลื่อนปลายนิ้วลูบต่อไปยังรูปคนที่ยืนกอดท่านอยู่ นั่นคือพ่อของเธอเอง ‘นิรุจน์’ ในความทรงจำของเธอเกี่ยวกับพ่อแม่มีน้อยมากถึงแทบไม่มีเลย เธอเกิดมาพร้อมกับการจากไปของผู้เป็นแม่ ท่านแลกชีวิตเพื่อให้เธอได้ลืมตาดูโลก เนื่องด้วยภาวะคลอดยากและตกเลือดจนสุดจะยื้อชีวิต เธอได้รับการเลี้ยงดูจากผู้เป็นพ่อจนอายุสี่ขวบ พ่อผู้ตรอมใจจากการสูญเสียแม่และทำงานหนักจนเหนื่อยล้าก็จากไปด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ไม่มีโอกาสได้ล่ำลาเธอสักคำ ชีวิตหลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้เธอจึงอยู่ในการดูแลคุ้มครองจากคุณปู่เพียงผู้เดียว เรียกได้ว่าชีวิตของเธอมีแต่ท่าน... หากไม่นับรวม ‘เขา’ ที่เธอแอบรักตั้งแต่จำความได้ “ขอบคุณนะคะคุณปู่ เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของหลินเลยค่ะ” เธอซบหน้าลงบนตักท่านอย่างช่างอ้อน เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้เพียงในใจ ปกติคุณปู่ไม่เคยเล่าเรื่องของแม่ให้เธอฟังเลย แม้ว่าตอนเด็กๆ เธอจะเพียรซักถามท่านเท่าไรก็ตาม ในคฤหาสน์ที่มีรูปถ่ายมากมายประดับบารมีความยิ่งใหญ่ของผู้คนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีรูปถ่ายของแม่สักใบให้เธอได้เห็น มีเพียงรูปครอบครัวที่ดูสูงส่งสมเกียรติของตระกูลสิรพลากร มีคุณปู่ผู้ทรงอำนาจดุจราชัน คุณพ่อเธอกับแม่ใหญ่ที่ดูเหมาะสมราวกับมังกรเคียงคู่หงส์ ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้างดงามที่พระเจ้ารักใคร่ในตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก และเธอที่รู้จักกันในนามหลานสาวสุดที่รักของเจ้าสัวนพผู้เกรียงไกร ดูเหมือนทุกคนที่นี่อยากจะลืมเลือน ไม่อยากให้แม่ของเธอมีตัวตน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD