ต้องแต่งงาน
"แล้วอีกอย่างแกก็ไม่เคยพาสามีแกมาเจอพวกฉัน มีอะไรที่พวกฉันยังไม่รู้หรือเปล่า"
กานต์พิชชามองหน้าเพื่อนแต่ละคนสลับกัน กำลังคิดว่าควรจะเล่าให้เพื่อนฟังดีไหม แต่พอเห็นสายตากดดันที่ถูกส่งมา กานต์พิชชาก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ
"แกจำแฟนเก่าของฉันได้ไหม…" เมื่อสามสาวที่เหลือพยักหน้าบอกว่าจำได้ กานต์พิชชาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังจนจบ ทำเอาเพื่อนทุกคนช็อกไปตามๆ กัน แต่กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องมันได้ดำเนินมาถึงขนาดนี้แล้ว
"ว่าแต่แกเถอะแจน เรื่องที่แกไปกับคุณหมอปฐพีคืนนั้น แกยังไม่เล่าให้พวกฉันฟังเลยนะ" กานต์พิชชาท้วงขึ้นมาหลังจากที่เล่าเรื่องของตัวเองจบ จิราวดีเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ ก็วกกลับมาที่เรื่องของตัวเองอีกครั้ง
"เออจริง มันบอกว่ารอแกมาแล้วจะเล่าทีเดียวเลย" วิลาสินีว่า
"ก็ใช่ไง ละ…แล้วแกเรียบร้อยหมดแล้วเหรอ" จิราวดีถาม
กานต์พิชชาที่เป็นเจ้าสาวในวันนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนเสร็จธุระหรือยัง
"โอ๊ย ฉันเรียบร้อยตั้งนานแล้วย่ะ"
"แล้วไม่ต้องส่งแขกเหรอ" ถามต่อพร้อมมองไปรอบๆ พวกเธอยืนคุยกันก็นานพอสมควร แขกหลายๆ คนก็ทยอยกลับกันไปแล้ว
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีฉันไปเถอะ เพราะส่วนมากมีแต่แขกของฝั่งนั้น แขกของฉันมีแค่พวกแกแล้วก็ครอบครัวตัวเองแค่ไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องส่งหรอก"
"อ๋อ…"
"แล้วจะเล่าได้ยังอะ" ดาวิกาที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง เพราะอยากรู้เรื่องของเพื่อนเต็มที่แล้ว
"เร็วๆ รีบเล่ามาเลย ยายดิวรอเก็บข้อมูลแล้วเนี่ย" กานต์พิชชาแกล้งเย้าแหย่เพื่อน วิลาสินีจึงเสริมต่อ
"แต่เล่าช้าๆ หน่อยนะ เดี๋ยวคนแถวนี้คิดตามไม่ทัน"
ดาวิกาหันไปแว้ดในวิลาสินีทันที "นี่! แกว่าฉันโง่เหรอ"
ส่วนวิลาสินีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะหันไปเร่งเร้าให้จิราวดีเริ่มเล่าเรื่องคืนนั้นได้แล้ว "รีบๆ เล่ามาเถอะ เดี๋ยวต้องไปลุยอาฟเตอร์ปาร์ตี้กันต่อ"
จนในที่สุดจิราวดีก็ต้องยอมพยักหน้าตกลง ก่อนจะเสมองไปทางอื่นแล้วพูดออกมาเสียงเบา "ก็เพิ่งฟื้น…"
"ฮะ!?" ทั้งสามสาวอุทานขึ้นมาพร้อมกันคล้ายว่าได้ยินที่จิราวดีพูดไม่ชัดเจน เพราะเสียงของจิราวดีเบามาก ทั้งสามสาวจึงต้องการ
ได้ยินอีกรอบ
"ฉันบอกว่าฉันเพิ่งฟื้น" จิราวดีบอกอีกครั้ง เสียงดังขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
…
แต่แล้วก็เกิดบรรยากาศเดดแอร์ขึ้น ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบโต้กลับมา เพื่อนทั้งสามคนต่างมองหน้าเธอนิ่งๆ เหมือนกำลังประมวลในสิ่งที่เธอเพิ่งบอกไป จนสุดท้ายก็เป็นกานต์พิชชาที่เอ่ยถามออกมาเป็นคนแรก
"เดี๋ยวนะ แกหมายถึง…ตั้งแต่วันนั้นคือแกเพิ่งฟื้น?" กานต์พิชชาถามพร้อมเลิกคิ้วที่ถูกแต่งแต้มอย่างสวยงานขึ้นนิดๆ เมื่อเห็นจิราวดีพยักหน้าตอบว่าใช่ จึงถามต่อทันที "แล้วฟื้นวันไหน เมื่อวานหรือวันนี้?"
"วันนี้…"
"ฮะ!!" เสียงกานต์พิชชากับวิลาสินีอุทานขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจอีกครั้ง ส่วนดาวิกานั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจและช็อกไม่ต่างกับเพื่อนอีกสองคน
"คือมันหนักมากเหรอวะ" วิลาสินีถามเน้นคำว่าหนักมากเป็นพิเศษ
"นั่นสิ มันขนาดนั้นเลยเหรอ" กานต์พิชชาถามขึ้นมาบ้างด้วยความอย่างรู้ ดาวิกาก็เงียบตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ
"ก็หนัก…" จิราวดีบอกแค่นั้นแล้วก็เงียบไป จนดาวิกาทนไม่ไหวต้องพูดขึ้นมาในที่สุด
"นี่! แกเล่าให้มันยาวๆ หน่อยได้ไหม เล่าสั้นๆ แบบนั้นใครมันจะไปเข้าใจ"
"เออ อย่าให้แม่ต้องขึ้น" วิลาสินีว่าอย่างขำๆ ก่อนจะหันไปเร่งเร้าจิราวดีให้เล่าต่อ "แกก็เล่ายาวๆ มาเลยได้ไหม ขนาดฉันไม่ได้หัวช้าอย่างยายดิว ฉันยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย"
"นี่!..." ดาวิกากำลังจะหันไปแว้ดใส่วิลาสินี แต่ก็ถูกกานต์พิชชาห้ามเอาไว้เสียก่อน
"หยุด! ไม่ต้องเถียงกันแล้ว จะฟังมันเล่าไหม"
แล้วทั้งสามสาวก็หันมาสนใจฟังเรื่องราวทั้งหมดจากจิราวดีต่อ จิราวดีถอนหายใจยาวๆ อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มถ่ายทอดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เพื่อนฟัง รวมถึงเรื่องที่เธอซ่าขอให้เขาทำเพิ่มอีกรอบนั่นด้วย
จริงๆ แล้วคืนนั้นเธอขอทำเพิ่มอีกแค่รอบเดียว ส่วนรอบอื่นๆ หลังจากนั้นเป็นเขาทั้งนั้นที่เป็นคนเริ่ม ส่วนเธอก็ไม่ปฏิเสธ เพราะเธอได้รับรู้แล้วว่าความรู้สึกระหว่างมีเซ็กซ์มันดีแค่ไหน มันได้ปลดปล่อยอารมณ์บางอย่างออกมา การมีเซ็กซ์มันก็เปรียบเสมือนเรื่องบันเทิงเรื่องหนึ่ง ที่สามารถทำเพื่อคลายความเครียดได้
แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะสูบพลังเธอได้มากถึงเพียงนี้!
"OMG!" ดาวิกาอ้าปากทำตาโตพร้อมยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที เมื่อจิราวดีเล่าทุกอย่างจบ
"ทีแบบนี้ล่ะคิดตามไวเชียวนะ" วิลาสินีอดเหน็บเพื่อนตัวเองไม่ได้ ทีเรื่องอื่นหัวช้าตลอด พอต้องเผือกเรื่องคนอื่นกับเรื่องติดเรตนี่เร็วที่หนึ่งเลยจริงๆ
"ง่ะ ก็ที่ยายแจนเล่ามันก็ไม่ได้ซับซ้อนตรงไหนนี่ เข้าใจได้ง่ายๆ" ดาวิกายู่ปากใส่วิลาสินีที่ถือเป็นคู่กัดอันดับหนึ่งของตน ก่อนจะหันไปสนใจเรื่องจิราวดีต่อ "แล้วความรู้สึกตอนแบบ…เข้าได้เข้าเข็มอะ มันเป็นยังไงอะ รู้สึกดีไหม แบบฟินๆ ไรงี้"
"โอ๊ย! นี่แกเข้าใจจริงป้ะเนี่ย มันก็บอกอยู่ว่ามันชอบ รอบหลังๆ มันก็เลยไม่ปฏิเสธเขา สภาพมันก็เลยเป็นแบบนี้ไง ก็แปลว่ามันต้องฟินดิ ฟินมากๆ เข้าใจอะไรยากเนี่ย" วิลาสินีแว้ดใส่ทันที เมื่อกี้ยังบอกว่าเข้าใจได้ง่ายๆ แต่ไหงกลับมาถามคำถามที่เพื่อนบอกออกมาหมดแล้ว
"อ้าวเหรอ?" ดาวิกาทำหน้านึกแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายอมเข้าใจ เพราะมันก็จริงอย่างที่เพื่อนพูด เธอตีความไม่เก่งเอง "งี้แกก็ยิ่งเสียดายเลยดิ"
"อะไรอีก" ไม่ใช่แค่วิลาสินีคนเดียวที่งงกับคำพูดของดาวิกา เพราะกานต์พิชชากับจิราวดีก็งงเหมือนกัน ไม่เข้าใจที่ดาวิกาพูดเช่นกัน วิลาสินีต้องเสียดายอะไรงั้นเหรอ
"อ๊าว! ก็ไอ้วิวมันเคยโดนคุณหมอเขาปฏิเสธไม่ใช่เหรอ แบบนี้ก็อดฟินๆ เลยสิ เสียดายมาก" ดาวิกาเฉลย ทำให้ทุกคนถึงบางอ้อเลยทันที โดยเฉพาะวิลาสินี
"เออว่ะ ตอนแรกก็ไม่เสียดายหรอก แต่พอรู้ว่าเขาแซ่บขนาดนี้ก็เริ่มเสียดายขึ้นมาซะแล้วสิ" เมื่อได้ยินที่เพื่อนพูด จิราวดีก็หันขวับไปมองเพื่อนทันทีอย่างไม่พอใจโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่พอรู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการ เธอก็รีบปรับสายตาตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนจะทำเป็นแซะเพื่อนแบบขำๆ เพื่อกลบเกลื่อน
"สวย…แต่ไม่มีบุญ ก็เหนื่อยหน่อยนะคะ"
วิลาสินีเบ้ปากใส่อย่างไม่แคร์ พร้อมยักไหล่ขึ้นนิดๆ "แล้วไง แซ่บๆ มีอีกเยอะย่ะ"
จากนั้นทั้งสี่สาวก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ไฟในห้องจัดงานเริ่มหรี่ลงให้เหลือเพียงแสงสลัวๆ เพื่อเปลี่ยนจากงานกินเลี้ยง ให้เป็นงานปาร์ตี้ของบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวได้ร่วมสนุกกัน
เห็นแบบนี้แล้วสี่สาวก็นึกสนุกกันขึ้นมาทันที เพราะชื่นชอบงานปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะวิลาสินีกับดาวิกา
คืนนี้แหละ…ต้องสอยเพื่อนเจ้าบ่าวมาให้ได้เลย คอยดูสิ