ซูหลินไม่ได้มีท่าทีตกใจเช่นอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ทำให้นางมีใบหน้าบูดบึ้งในยามนี้ ก็คือการกระทำของคนสนิทท่านโหวต่างหาก เขาล่วงเกินจับมือถือแขนว่าที่ฮูหยินผู้เป็นนายหน้าตาเฉย ทำตัวเสมอตนและยังมาทำหน้าดุใส่อีก
“ข้าจะอัปลักษณ์หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า อย่ามาทำรุ่มร่ามกับข้า เพราะข้าไม่อยากขึ้นชื่อว่าไม่ซื่อสัตว์ต่อท่านโหวทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าพิธี ลงไปเสีย ข้าไม่ลงไปแล้ว” ตำหนิอีกฝ่ายโดยไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด
“ขออภัยคุณหนูหรง” ครั้งที่สองแล้วที่ไป่จิ้งโหวกล่าวเช่นนี้ ก่อนที่ร่างสูงจะมุดออกไปนอกรถม้า ไม่นานเสี่ยวมี่ก็กลับขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“ขะ…คุณหนู ไยถึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ” เมื่อเห็นรอยแผลเป็นที่สร้างขึ้นของผู้เป็นนายเหลือเพียงครึ่ง คิดว่าคนสนิทท่านโหวคงรู้ความลับแล้วเป็นแน่
เสียงถอนหายใจดังขึ้น เพราะแค่เรื่องมีวรยุทธ์ก็เป็นที่น่าสงสัยแล้ว ยังมาถูกจับได้เรื่องแสร้งเป็นสตรีอัปลักษณ์อีก ดูท่าถึงเมืองหลวงคงถูกซักหนักโดยไม่ต้องสงสัย
“คุณหนู เราหนีดีกว่านะเจ้าคะ” สาวใช้รีบแนะ พร้อมกับช่วยผู้เป็นนายแกะเอารอยแผลปลอมออก เผยใบหน้างามเนียนใสราวเทพธิดามาจุติ
ซูหลินนิ่งไป เพราะนางเองก็มีเรื่องกังวลหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องใบหน้านี้ นางหวังจะใช้มันปกป้องจากท่านโหว ว่าที่สามีเพื่อให้ตนใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขในจวน เพราะเสียงล่ำลือเกี่ยวกับนิสัยมักมากของเขา
หากอีกฝ่ายรู้ว่าตนเป็นสตรีที่มีใบหน้างดงาม มีหรือตาแก่ตัณหาจัดผู้นี้จะปล่อยนางไป อายุก็มากกว่าตั้งสิบแปดปี ยังจะมาแต่งงานกับสตรีรุ่นลูกอีก
ทว่าทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเพราะราชโองการ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ซูหลินไม่อาจตัดใจหนีไปโดยง่าย หากหนีคงได้ถูกตามล่าหาที่ซุกหัวไม่มี แม้แต่เสี่ยวมี่ก็คงไม่รอด
“แม้แผ่นดินนี้จะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ก็ใช่ว่าเราจะหนีพ้นหูตาของทางการได้ ลำพังตัวข้าคนเดียวคงไม่เดือดร้อนนัก ทว่ายังมีอีกหลายชีวิตที่อาจต้องรับผลกระทบหากข้าหนีไป แม้แต่ตัวพี่ก็คงหลีกหนีไม่พ้น” บอกก่อนจะยิ้มบางส่งให้ ผ้าแพรสีแดงถูกหยิบขึ้นมาคลุมใบหน้าอีกครา
“คุณหนู ท่านไม่เห็นต้องทนเพื่อคนอื่นเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ ตัวพี่เองหากตายเพื่อคุณหนูได้พี่ก็ยอมนะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ให้ใครตายเพื่อข้าหรอก เอาเถอะ…ถึงเมืองหลวงแล้วค่อยหาทางอีกที สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด จะทำสิ่งใดเราก็ต้องวางแผนให้รอบคอบ” บอกอย่างที่คิด แม้ในใจจะนึกหวั่นอยู่ก็เถอะ เพราะอดนึกถึงว่าที่สามีไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นใด โหดเหี้ยมร้ายกาจ หรือบ้าตัณหาเช่นที่ได้ยินมาหรือไม่ ขนาดคนของเขาก็ยังดุเพียงนี้
มีหรือผู้เป็นนายซึ่งมีอำนาจล้นมือจะใจดีกับผู้อื่น เหล่าขุนนางในราชสำนักเท่าที่ได้ยินมา ก็ล้วนแต่บ้าอำนาจ เห็นชีวิตผู้อื่นเป็นเพียงเศษดินเศษหญ้าเท่านั้น
ด้านไป่จิ้งโหว หลังจากลงจากรถม้าได้แล้ว ก็สั่งคนของตนยกอาหารขึ้นไปให้ว่าที่ฮูหยิน ก่อนที่เขาจะเดินไปรวมกลุ่มกับคนสนิทที่ผูกคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นผู้เป็นนายมีสีหน้าครุ่นคิดเป็นการหนัก
“มีอันใดหรือขอรับ” จางฟู่เอ่ยถามทันที
“นางไม่ได้อัปลักษณ์อย่างที่คิด สตรีผู้นี้มีหลายสิ่งปิดบังมากมาย สั่งคนจับตาดูนางอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด” คำสั่งนี้ทำให้คนสนิทต่างก็พากันฉงน มากไปกว่านั้นก็คือคำบอกเล่าของผู้เป็นาย ซึ่งบอกว่าผู้ที่อยู่ในรถม้าไม่ได้อัปลักษณ์เช่นที่พวกเขารับรู้มา
“นางไม่ได้อัปลักษณ์ แล้วงามหรือไม่ขอรับ” มู่หยางรีบถามอย่างใคร่รู้ ทำเอาเหล่าผู้ติดตามถึงกับเอียงหูรอฟัง เพราะเท่าที่เห็นคือผู้เป็นนายหงุดหงิดมาก
“หึ…สตรีบ้านนอกจะงามสักแค่ไหนกันเชียว แสร้งทำตัวอัปลักษณ์ก็เพราะอัปลักษณ์น่าเกลียดจริงๆ นั่นแหละ” เอ่ยอย่างหัวเสีย เพราะถูกลูบคมอย่างที่ไม่เคยโดนมาก่อน ยังดีที่เขาได้ล่วงรู้เรื่องนี้เร็วไม่งั้นคงถูกหลอกอีกเป็นแน่
“ที่นายท่านหงุดหงิดเป็นเพราะนางไม่งามหรือขอรับ” คนอยากรู้ก็ยังไม่วายเอ่ยถามอีก ยามนี้สิ่งที่มู่หยางได้ตอบกลับมาคือสายตาตำหนิของผู้เป็นนาย
ผ่านไปหนึ่งก้านธูปขบวนรับเจ้าสาวก็ออกเดินทางอีกครา ทว่ารอบนี้ไป่จิ้งโหวไม่ได้ขึ้นมานั่งบนรถม้าด้วย เขากลับไปบังคับม้ากับคนสนิทเช่นเคย
ยามเซิน [15:00-16:59] การเดินทางสิ้นสุด เมื่อขบวนหยุดลงที่หน้าจวนท่านโหว ชาวเมืองต่างก็รีบมารอดูเจ้าสาวของเขา เพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็น
“คุณหนูคนมากมายเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่เอ่ยบอก เพราะผู้เป็นนายยังมีผ้าคลุมอยู่บนหัว และผู้ที่พาเข้าจวนคือมู่หยาง ผู้เป็นนายนั้นหลบเข้าทางด้านหลังไปแล้ว
เพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริง เขาตั้งใจจะอยู่ในฐานะนี้จนกว่าจะถึงวันแต่ง โดยให้คนสนิทล่วงหน้ามาจัดการคนในจวนเสียก่อน จะได้ไม่มีใครปากมากเอ่ยถึงฐานะแท้จริง เพราะเขายังต้องการรู้ว่าสตรีนางนี้ยังมีสิ่งใดปิดบังอีก
“คุณหนู จวนท่านโหวใหญ่มากเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่อดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อเดินเข้ามาด้านใน ซึ่งมีทางเดินทอดยาวไปยังเรือนแต่ละหลัง การตบแต่งดูโออ่าเป็นอย่างมาก
“มีบ่อดอกบัวด้วยนะเจ้าคะ ต้นหลิว ต้นท้อ มีต้นพุทราและต้นพลับด้วยเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเสี่ยวมี่นั้นดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีจวนที่ตบแต่งได้งดงามเช่นนี้มาก่อน สมกับเป็นจวนท่านโหวยิ่งนัก
“สำรวมหน่อย ที่นี่จวนโหวไม่ใช่เรือนบ้านนอกของนายเจ้า” เสียงตำหนิดังมาจากสตรีอายุมากผู้หนึ่ง
แม่นมหลิว ผู้ดูแลเรือนของอนุเฉินเอ่ยหยัน ก่อนจะเดินผ่านหน้าโดยไม่ทำการคำนับแม้แต่น้อย เสี่ยวมี่ได้แต่มองตามพร้อมกับเสียงหายใจฟืดฟาดไม่สบอารมย์
“เราพึ่งมา อย่าสร้างเรื่องเลย ยังมีเวลาจัดการอีกมาก” ซูหลินเอ่ยกับคนของตนเบาๆ ก่อนจะเดินต่อไปที่เรือนของตน ซึ่งอยู่ทางปีกขวาของเรือนใหญ่ โดยมีคนสนิทของท่านโหวเดินมาส่งจนถึงหน้าประตู
“คุณหนูพักที่นี่ได้ตามสบายนะขอรับ อยากออกไปเดินเล่นในสวนก็ตามใจ ทว่ายามนี้ไม่เหมาะที่จะออกไปข้างนอก รอให้ตบแต่งเรียบร้อยแล้วค่อยว่ากัน ส่วนบ่าวไพร่ในจวนเรียกใช้ได้ตามสบาย” มู่หยางเอ่ยบอก ก่อนจะคำนับว่าที่ฮูหยินของผู้เป็นนายแล้วเดินจากไป
เมื่อประตูปิดลงแล้ว ซูหลินก็ปลดผ้าคลุมบนหัวออก นางเดินไปที่หน้าต่างเพื่อสำรวจโดยรอบ
“ใหญ่โตสมฐานะน้องชายฮองเฮาจริงๆ เวรยามก็มีมาก คงเตรียมไว้จับผิดข้าสินะ”
“อาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนนะเจ้าคะ แล้วเอ่อ…รอยแผลนี้ ยังต้องมีอีกหรือไม่” เสี่ยวมี่เอ่ยถามถึงบาดแผลที่เหลือเพียงครึ่ง ซึ่งผู้เป็นนายสร้างขึ้นมาปกปิดใบหน้า
“ช่างเถอะ ปิดบังเอาไว้อาจจะส่งผลร้ายมากกว่าดี ป่านนี้คนของท่านโหวคงรายงานนายของเขาแล้ว” หันมาบอกพร้อมกับเผยยิ้มบาง แล้วเดินสำรวจห้องข้างๆ
“คุณหนูมีบ่อน้ำแร่ด้วยเจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่ยกมือขึ้นป้องปากตนเอง เมื่อเห็นบ่อน้ำตรงหน้า ไอหมอกลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ จนอดไม่ได้หย่อนนิ้วจิ้มลองดู
“อุ่นกำลังดีเลยเจ้าค่ะ รีบอาบเลยนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวพี่จะไปเตรียมอาภรณ์ให้” บอกเสียงดีใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาบน้ำนี้
ซูหลินมองตามร่างของพี่เลี้ยงจนลับตา นางหันกลับมาปลดอาภรณ์ออกจนหมดแล้วลงแช่น้ำ ชำระล้างร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางทั้งวัน
ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วที่ซูหลินเข้ามาในจวนโหว นางยังคงขลุกตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน แม้ว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกไปเดินเล่นก็เถอะ ทว่านางก็ยังคงเก็บตัวไม่ออกไปให้บ่าวไพร่ในจวนยลโฉม
จนเกิดเสียงซุบซิบตามมาถึงข่าวลือว่านางหน้าตาอัปลักษณ์ มีรอยแผลเป็นใหญ่บนใบหน้า ที่มาของเรื่องนี้ก็มาจากเหล่าผู้ติดตามที่ไปรับเจ้าสาวนั่นแหละ เพราะได้เห็นนางยามที่ลงมาจากรถม้าเมื่อครั้งถูกลอบสังหาร
ทำให้ทุกคนต่างก็เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นคือเรื่องจริง ไม่เช่นนั้นผู้เป็นนายคงไม่ปิดบังตัวตนไม่บอกกล่าวว่าตนคือใคร ยิ่งทำให้บ่าวไพร่ในจวนต่างก็เอ่ยถึงไม่หยุดปาก และหัวเราะนายหญิงคนใหม่ ที่ไม่รู้ว่าจะได้อยู่ในจวนสักกี่วัน