หญิงสาวอรชรผู้หนึ่งกระโจนลงจากหน้าผาท่ามกลางเสียงกระบี่แว่วแผ่วเป็นการหลบหนีจากการตามล่าที่ไม่มีทางรอด
หัวหน้าคนชุดดำตะโกนลั่น “ตามลงไป! ตายก็ต้องเห็นศพ!”
แต่ยังไม่ทันเคลื่อนไหว ก็มีเงาคนกระซิบเร่งข้างหู
“หัวหน้า! มีกำลังคนจำนวนมากกำลังมาทางนี้!”
สีหน้าของหัวหน้าคนชุดดำเปลี่ยนไปทันที
เขาตัดสินใจรวดเร็ว “ล่าถอย!”
แม้จะรอดจากการตามล่า
แต่บาดแผลทั้งภายนอกและภายในก็สาหัสเกินเยียวยา
ม่านชิงเฉียว หญิงสาวผู้นั้น...
สิ้นลมหายใจกลางเงาไม้และเสียงสายลม
ขณะที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง
นางนั่งเหม่ออยู่กลางความว่างเปล่า
ไม่มีความเจ็บ ไม่มีเสียงรอบข้าง
ราวกับถูกแขวนลอยอยู่เหนือทุกสิ่ง
ทันใดนั้น...เสียงกระบี่ดังแว่วขึ้นจากด้านบนหน้าผา
พร้อมเสียงของสตรีผู้หนึ่งดังกึกก้อง “ข้ายอมตาย!!”
ร่างของหญิงงามในชุดสูงศักดิ์พุ่งตกลงมากระแทกสายน้ำเป็นฟองวงกว้าง ไม่นาน...มีหญิงอีกคนกระโจนตามลงมาเสียงร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความสิ้นหวัง นางคือบ่าวรับใช้คนสนิท
ม่านชิงเฉียวลุกขึ้น มองเหตุการณ์เบื้องล่างด้วยความสนใจ
ดวงตาสะท้อนภาพสตรีผู้หนึ่งยอมแตกละเอียดดั่งหยกแต่ไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์
ภายในใจของม่านชิงเฉียวเกิดความนับถือขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ไม่กี่อึดใจ
บุรุษในชุดครามใบหน้าองอาจคมสันปรากฏตัวเหนือยอดมาพร้อมด้วยองครักษ์หลายสิบพวกเขากระโดดตามลงมาไม่ลังเล
ม่านชิงเฉียวเบิกตากว้าง “นั่น…ไม่ใช่ชินอ๋องหรือ?”
สายตาของนางจับจ้องเขาในทันที
ชินอ๋องกระโจนลงน้ำ ไม่นานก็พบร่างหญิงงามที่หมดสติไร้สีเลือด
ชายหนุ่มอุ้มนางขึ้นจากสายน้ำ ทันทีก็หยิบโอสถขวดหนึ่งขึ้นมาดันยาลงคอหญิงงามทันที
ม่านชิงเฉียวเบิกตา “โอสถหยดโลหิตมังกร!!”
โอสถล้ำค่าราคาเกินหมื่นตำลึง ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เพิ่งเสียชีวิตไม่เกินช่วงลมหายใจสุดท้าย
นางจำได้...เพราะเป็นคนปรุงด้วยมือตนเอง
เขาถึงกลับใช้ยานี้เพื่อหญิงผู้นั้น
แม้องครักษ์จะดูลังเลจะห้าม
แต่เพียงเห็นสายตาของเขา ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใด
ม่านชิงเฉียวเหลือบไปมองวิญญาณของสตรีทั้งสอง
หนึ่งในนั้นคือหญิงผู้หมดลมหายใจในอ้อมแขนของอ๋อง
แม้เป็นเพียงเงาโปร่งแสงแต่งดงามเหนือโลกา
นางไม่ร้องไห้ ไม่หวาดกลัว
แต่กลับมองเหตุการณ์เบื้องล่างด้วยดวงตาว่างเปล่า
ร่างของเธอเริ่มปรากฏสีเลือด แต่นางกลับดูเศร้ายิ่งขึ้น
ม่านชิงเฉียวขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าไม่กลับเข้าร่างเล่า?”
หญิงผู้นั้นหันมาชำเลือง ดวงตาคู่งดงามเรียบเฉยแต่ชวนให้หนาวสะท้าน “เดิมข้าไม่อยากอยู่ต่อ...แต่ก็ไม่สามารถตายด้วยมือตนเองได้ ตอนนี้สมปรารถนาแล้ว ไยต้องกลับเข้าร่างอีก”
ม่านชิงเฉียวสะดุดดวงตาประกายวาว “ท่านคือองค์หญิงเว่ยเยว่ซิน แห่งแคว้นต้าเว่ย...ใช่หรือไม่!?”
อีกฝ่ายคลี่ยิ้มเย้ยหยัน “ใช่...หากมิใช่เพราะแคว้น ข้าคงไม่ยอมแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ใด ๆ”
บ่าวรับใช้ร้องไห้สะอื้น “องค์หญิง ได้โปรดกลับเข้าร่างเถิดเจ้าค่ะ…”
เว่ยเยว่ซินชำเลืองมองหญิงที่จงรักภักดีก่อนเอ่ยเบา ๆ “ชีวิตข้าสิ้นแล้ว เจ้าเองก็รู้ดี เหม่ยหลิง สิ่งใดที่ข้าตอบแทนเจ้าไม่ได้ในชาตินี้...ขอให้รอในชาติหน้าเถิด”
นางหันมาหาม่านชิงเฉียว กล่าวเรียบ ๆ “หากเจ้าต้องการร่างของข้า...ก็รับไปเถอะ”
ม่านชิงเฉียวมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ
“แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน?”
เว่ยเยว่ซินหลับตาขบคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เพียงทำหน้าที่เดิมของข้า เป็นพระชายาให้ดีและ...อย่าให้สงครามระหว่างแคว้นปะทุขึ้นอีก”
ม่านชิงเฉียวพยักหน้า “ข้ารับปาก” ภาระนั้นไม่หนักหนาเกินไปและชินอ๋องรูปงาม...นางไม่รังเกียจ
เว่ยเยว่ซินยิ้ม“ขอบคุณ...เช่นนั้น ลองเข้าร่างของข้าดูเถิด”
ในขณะนั้นเอง ลำแสงสีทองอ่อนพุ่งลงจากฟากฟ้า
เว่ยเยว่ซินกับเหม่ยหลิงเดินเข้าสู่แสงนั้น รอยยิ้มของนางยังคงอบอุ่น ก่อนร่างโปร่งแสงทั้งสองจะจางหายไป
ม่านชิงเฉียวมองตามอย่างตกตะลึง “เหตุใด...ข้าจึงไม่เคยได้รับแสงแบบนี้บ้าง” ยังไม่ทันคิดให้ชัดเจนพลังบางอย่างก็พุ่งเข้ามาฉุดกระชากสติของนางดับวูบลง
บ่าวรับใช้ที่อยู่ไม่ไกล เหลียวมองพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“องค์หญิงจะดีหรือเจ้าคะ...เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นใคร
อาจเป็นคนต่ำต้อย แล้วจะทำให้พระองค์แปดเปื้อนได้”
เว่ยเยว่ซิน ที่ร่างนี้บัดนี้เป็นของม่านชิงเฉียว เพียงยิ้มเย้ยหยันเบา ๆ “สิ่งใดต้องแปดเปื้อนกันเล่า...สำหรับข้า ทุกอย่างล้วนไร้ความหมายแล้ว”
ผู้คนรอบกายไม่รู้เลยว่าอะไรเกิดขึ้น ชินอ๋องกู้เซียวอวิ้นยังคงกอดหญิงในอ้อมแขนไว้แน่น สายตาเขามีแววกังวล
โอสถทิพย์กล่าวว่าช่วยดึงวิญญาณได้
ทว่าหากช้าเกินไป...ก็ไร้ผล
องค์รักษ์เข้ามา “ท่านอ๋อง...พบร่างของสาวใช้แล้วขอรับ
ที่นี่...ยังมีร่างหญิงอีกคนเช่นกัน”
ชินอ๋องไม่หันไป เพียงสั่งเสียงเรียบ
“หาคนจัดการพิธีให้เรียบร้อย”
เมื่อเห็นชีพจรของเว่ยเยว่ซินกลับคืน เขาจึงถอนหายใจโล่ง